[เที่ยวจอร์เจียด้วยตัวเอง Ep. 4] ถนนประวัติศาสตร์มุ่งหน้าสู่เทือกเขาคอเคซัส กับที่พักวิวหลักล้าน
เทือกเขาคอเคซัส ชื่อคุ้นหูตั้งแต่สมัยเรียนประถม เทือกเขาที่เป็นเส้นแบ่งทวีปเอเชียกับยุโรป หรือจะเรียกว่าเป็นที่ที่ทั้งสองทวีปมาบรรจบกันก็ได้ เราไม่เคยคิดเลยว่า วันนี้ เราจะได้มาขับรถลัดเลาะธรรมชาติอันสวยงามของดินแดนคอเคซัส และมานอนชมยอดเขา Kazbegi ที่ประเทศจอร์เจียแห่งนี้
ระยะทางจาก เมือง Tbilisi ไปยังเมือง Stepantsminda นั้น จริงๆ ใช้เวลาขับรถราวๆ 3 ชั่วโมง แต่เชื่อว่านักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะขับรถเอง หรือ มากับทัวร์ ก็จะแวะเที่ยวไปเรื่อยๆ ตามทาง เพราะระหว่างทาง มีจุดให้แวะเที่ยวเต็มไปหมด ทำให้การ Roadtrip ของเราครั้งนี้ ไม่น่าเบื่อ ขับสบาย ไม่เหนื่อย และรู้สึกผ่อนคลายจากวิวสวยๆ ตลอดทาง
หากใครไม่สะดวกขับรถ ก็สามารถไปขึ้นรถตู้หรือที่เรียกว่า Marshrutka ค่าขึ้นต่อขาประมาณ 10 ลารี่ มาลงที่หมู่บ้าน แล้วค่อยหารถไปที่พักก็ได้ ลองปรึกษาที่พักแต่ละแห่งดู อีกวิธีคือเช่ารถพร้อมคนขับ หรือ แชร์แท๊กซี่มา บริการเหล่านี้ หาได้ทั่วไปในเมืองทบิลิซี่ แต่อาจจะต้องต่อราคานิดนึงนะคะ
การขับรถในจอร์เจีย
เราเช่ารถจากร้านท้องถิ่น ซึ่งตอนแรกก็กลัวเหมือนกันว่าจะมีปัญหาอะไรทีหลังมั้ย แต่ราบรื่นดีมาก เราแอบทำรถเค้าเป็นรอยนิดนึงด้วย เพราะถนนในเมือง Stepantsminda มันเป็นหลุมเป็นบ่อ แต่เค้าก็ถือว่ารวมอยู่ในประกันแล้ว
แถมที่นี่ยังคุยง่ายมาก เราเช่ารถโตโยต้า พรีอุส เกียร์ออโต้ 2 วัน เค้าคิด 63 Euro รวมประกัน
เค้าจะส่งเมล์มาขอให้เราส่งสำเนาพาสพอร์ทและใบขับขี่สากลไปให้ แล้วก็ขอที่อยู่ในทบิลิซี่ที่เราจะให้ส่งรถ หรือเราจะไปรับที่หน้าร้านเค้าก็ได้ แต่บริการส่งรถและคืนรถ เค้าก็มาให้ฟรี เลยไม่ได้ไปที่ออฟฟิศเค้า
ข้อจำกัดอย่างนึงคือ เค้าเปิด 9.00 – 18.00 น. ดังนั้นหากใครอยากได้รถเช้ากว่านั้นก็จะไม่ได้ ต้องเช่าไว้ตั้งแต่คืนล่วงหน้า
เรานัดเค้ามาส่งรถที่โรงแรมตอน 9.00 น. ซัก 8.50 น. ก็มี whatsapp message เข้ามาว่า รถมาส่งแล้ว รออยู่ด้านล่าง ตอนรับรถ เราก็เอาสบายใจ ถ่ายรูปไว้ทุกซอกทุกมุม ส่วนคนที่มาส่งรถ เค้าก็แค่เปิดดูพาสพอร์ทกับใบขับขี่สากล ให้เราเซ็นต์เอกสาร แล้วเค้าก็ไป
ตอนแรกเราบอกเค้าว่า จะคืนรถวันรุ่งขึ้น ตอน 18.00 น. แต่ด้วยความที่เราช้า เลยขอคืนรถเค้าวันถัดไป ตอน 9.00 น. นับเป็นการยืมรถ 2 วัน 48 ชั่วโมง เค้าก็โอเค ส่งคนมารับรถที่บ้านที่เราพัก
เว็ปที่เราจอง >> https://carsandrooms.ge/
ส่วนการขับรถในจอร์เจียนั้น ขับชิดขวา ขับไม่ยาก ขับรถค่อนข้างมีระเบียบ ไม่มีมอเตอร์ไซค์ ไม่บีบแตรเรื่อยเปื่อย ที่จอดรถหาง่าย แหล่งท่องเที่ยวทุกที่มีที่จอดรถ ถนนระหว่างทางเป็นหลุมเป็นบ่อบ้าง อารมณ์ถนนออกต่างจังหวัด แต่ถนนหลักและในเมืองทบิลิซี่ ถนนดี
ในเมืองเก่าและในตัวหมู่บ้านเล็กๆ จะมีถนนที่เป็นโคลนหรือเป็นหลุมเป็นบ่อ ถนนหินๆ ขรุขระ ขับแล้วสงสารช่วงล่างของรถนิดนึง
Mtskheta
จุดหมายปลายทางแรก อยู่ห่างจากทบิลิซี่เพียงครึ่งชั่วโมง เมือง Mtskheta เป็นหนึ่งในเมืองที่เก่าแก่ที่สุดในจอร์เจีย จริงๆ สามารถทำทริปครึ่งวันจากทบิลิซี่มาก็ได้
เราเริ่มจากโบถส์แรกที่เป็นสิ่งปลูกสร้างที่สำคัญทางศาสนาคริสท์ในจอร์เจีย คือ Jvari Monastery ซึ่งสร้างตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 6 เป็นหนึ่งในมรดกโลกจาก Unesco ทางขึ้นไปยัง Jvari จะเป็นการขึ้นเขานิดๆ แต่ก็ใช้เวลาขับจากถนนใหญ่ขึ้นไปไม่เกิน 5-10 นาที
ที่นี่เป็นศาสนสถานแรกที่เราได้มาเยี่ยมชมในทริป จึงเพิ่งทราบว่า ผู้หญิงชาวคริสต์นิกายออร์โธดร๊อกจะมีการนำผ้ามาคลุมผม (แต่ไม่ได้คลุมหมดเหมือนศาสนาอิสลามนะคะ) เป็นเหมือนผ้าพัดคอเอามามัดเป็นสามเหลี่ยม และ สถานที่เหล่านี้ ก็ยังคงไม่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวที่ใส่สายเดียว กางเกงหรือกระโปรงที่สั้นเหนือเข่า เข้าชมค่ะ
อีกจุดหนึ่งที่โดดเด่นมากๆ ของ Jvari Monastery ก็คือวิวการมาบรรจบกันของแม่น้ำ Aragvi และ Mtkvari ค่ะ เห็นตัวเมือง Mtskheta อยู่ทางขวามือ ถือว่าเป็นอีกมุมที่สวย และเชื่อว่า เป็นดินแดนที่มียุทธศาสตร์ที่ดีมาก
ถัดจาก Jvari เราขับรถไปอีกราว 20 นาที เพื่อชมโบถส์ใหญ่แห่งเมืองนี้ Svetitskhoveli Cathedral โบถส์ใหญ่จากศตวรรษที่ 11 ช่วงต้นยุคกลาง ซึ่งเป็นอีกหนึ่งในมรดกโลกเช่นเดียวกัน
ที่นี่มีลานจอดรถโดยเฉพาะ ค่าบริการครั้งละ 2 ลารี่ โดยจากที่จอดรถ ทางเดินไปยังโบถส์จะเต็มไปด้วยร้านรวงต่างๆ มากมาย ทั้งขนม ผลไม้ ของฝาก โดยเราพบว่า ของกินค่อนข้างแพงกว่าที่อื่น เช่น น้ำดื่มปกติ ขวดละ 0.5 ลารี่ ที่นี่ขาย 1 ลารี่
โบถส์แห่งนี้ ขนาดใหญ่กว่าโบถท์ก่อนหน้า ด้านในกำลังประกอบพิธีกรรมทางศาสนากันอยู่ ส่วนภายนอกสวยงาม และ ยิ่งใหญ่ดีค่ะ
ปล. ชื่อเมืองอ่ะ เราออกเสียงได้นะ แต่ไม่รู้จะเขียนยังไง มันต้องทำเสียงตัว M เหมือนเสียงเวลาเป็นตัวสะกดเบาๆอ่ะ แบบ มม์สเคต้า อะไรประมาณนั้น
Ananuri Fortress and Zhinvali Reservoir
จากเมือง Mtskheta ใช้เวลาเดินทางไปยังจุดถัดไป ซึ่งเข้าสู่ถนนสายท่องเที่ยว E117 หรือ Georgian Military Road ซึ่งเป็นชื่อเก่าที่ใช้เรียกถนนเส้นนี้ เนื่องจากเป็นถนนสายหลักที่เชื่อมระหว่างจอร์เจียกับรัสเซีย และเป็นถนนสายประวัติศาสตร์ที่ผ่านอะไรมากเยอะมาก เป็นทั้งถนนวิวสวย ถนนที่เคยใช้ในการค้าขาย เส้นทางสายไหม และ การทำสงคราม
ทุกวันนี้ ถนนสายนี้ กลายเป็นถนนท่องเที่ยวหลักของประเทศจอร์เจีย เราขับรถออกมาประมาณ 40 นาที ก็เห็นลำธารสีฟ้า ท่ามกลางหุบเขาสวยงามมาก ขับไปอีกนิดนึงเห็นไหล่ทางที่พักรถ มีร้านขายของฝาก เลยแวะ และทราบว่า นี่คือวิวของอ่างเก็บน้ำ Zhinvali ที่มีน้ำสีฟ้าสวย สดชื่นมากๆ นั่นเอง
ขับไปอีกไม่เกิน 10 นาทีเราก็พบกับจุดแวะถัดไปตั้งตระง่านอลังการอยู่บนทางหลวงหมายเลข E117 นี้เลย กับ Ananuri Fortress
ป้อมปราการ Ananuri นั้น ไม่ได้มีหน้าที่เป็นเพียงป้อมปราการเท่านั้น แต่ยังมีปราสาท หอระฆัง และ โบถส์อยู่ เราสามารถชมวิวสวยๆ ของแม่น้ำ Aragvi ได้ และสามารถปีนขึ้นไปเพื่อมองโบถส์จากหอคอย มุมนี้ได้ แต่ทางขึ้นลำบาก แนะนำให้ใส่รองเท้าที่เดินสะดวก
Gudauri
ขับรถอีกประมาณ 1 ชั่วโมง เราก็มาแวะทานอาหารเที่ยงที่เมือง Gudauri ซึ่งเป็นเมืองสกี และมีร้านอาหารในสกีรีสอร์ทให้เลือกเยอะมากหลายร้าน เราสุ่มเลือกมาหนึ่งร้าน ซึ่งบริการไม่ค่อยดี แต่อาหารอร่อย และไม่แพงมาก
ในช่วงที่เรามาเข้าหน้าร้อน แถวนี้ไม่มีหิมะแล้ว แต่เราจะเห็นเสา Ski Lifts อยู่เต็มไปหมด ทำให้เราเห็นร่องรอยว่า แถวนี้น่าจะเป็นเส้นทางสกีแน่นอน ซึ่งเราเคยเห็นรูป ถ้ามาช่วงฤดูสกี (ธันวา-เมษา) หิมะก็จะปกคลุมขาวโพลนไปทั้งหมู่บ้าน
ที่พักแถวนี้น่ารักนะคะ สไตล์จะเป็นแบบชาเล่ต์ๆ คล้ายๆ ที่สวิส เราตั้งใจจะมาเล่นสกีฤดูกาลหน้า
อ้อ ไม่ต้องห่วงเรื่องอากาศบางนะคะ เราไม่ได้อยู่สูงมากกว่าระดับน้ำทะเลมาก อยู่ประมาณ 1800 เมตรจากระดับน้ำทะเล หายใจได้ตามปกติค่ะ
ซุปไก่ กับ ซี่โครงหมูอบหม้อดิน อร่อย รสชาติเหมือนซี่โครงหมูทอดเกลือ เสิร์ฟกับเฟรนฟราย ส่วนเห็ดก็ชีสเยิ้มมาเลย แฮปปี้
Stepantsminda/Kazbegi
ระหว่างทางมา จริงๆ มี Gudauri Viewing Point ด้วยนะ ซึ่งเราข้ามมาก่อน เพราะฝนมันตก เลยขับรถมาถึงที่พักเลย
ตอนแรก เราแพลนไว้อีกหลายอย่าง ทั้งน้ำตก คาเฟ่ โบถส์ เยอะแยะเลย พอเห็นที่พักปุ๊ป ทิ้งแพลนทุกอย่าง นั่งๆ นอนๆ ตั้งแต่บ่ายสามยาวๆ ไป
ที่เราชอบที่นี่มากๆ เพราะว่า ตัวที่พักเป็นบ้านแค่ 3 หลัง แต่บริเวณรั้วที่กั้นคือไกลมาก แบบวิ่งเล่นร้องเพลงได้ ฟีล Sound of Music มากกกกก เวลาไปเที่ยวฝั่งเทือกเขาแอลป์แถวสวิสฝรั่งเศสไม่มีไง มีแต่บ้านทึบๆ ติดๆกับบ้านอื่นในหมู่บ้าน ไม่ก็ชาเล่ต์หรือโรงแรมที่มีห้องเยอะๆ ไม่ค่อยส่วนตัวแบบนี้ คนละฟีลเลย
ตอนนี้ยังครื้มฟ้าครื้มฝนอยู่ค่ะ
แล้วแบบ เราไม่เคยเลย ที่วันดีคืนดีจะอยากเล่นโยคะเวลาไปเที่ยว แต่นี่เป็นครั้งแรกที่รู้สึกว่า อากาศมันดีมาก ธรรมชาติมันดีมาก ชั้นจะสูดอากาศ หายใจเข้าลึกๆ หายใจออกยาวๆ ทำสมาธิ embrace สิ่งที่อยู่ตรงหน้า ตื่นเช้ามาร่างกายพาตัวเองมาเล่นโยคะอยู่ระเบียงบ้านแบบไม่รู้ตัว
ส่วนวิวยอดเขาเนี่ย ชื่นชมไปได้เลย เช้า สาย บ่าย เย็น ก่อนนอน ไม่เบื่อเลยอ่ะ เรานั่งดูเมฆลอยผ่าน อ่านหนังสือ ดูพระอาทิตย์ตก นอนจิบชา กินเชอร์รี่ มองครอบครัวม้าเดินผ่าน มองฝูงแกะเดินผ่าน ได้นั่งนิ่งๆ เฉยๆ อยู่กับตัวเองและธรรมชาติจริงๆ จุดนั้นรู้สึกขอบคุณตัวเองมากที่พาตัวเองมาอยู่ที่นี่ ฮ่าๆๆๆ
รีวิวฉบับเต็มของที่พัก ตามไปอ่านได้ที่นี่!
>> ทางไปจอง
Dinner at Rooms Hotel Kazbegi
เรามาทานอาหารเย็นกันที่โรงแรมใหญ่ประจำเมือง อย่าง Rooms Hotel ที่มีอีกสาขาใน ทบิลิซี่ โรงแรมนี้ขึ้นชื่อทั้งเรื่องดีไซน์สวย วิวสวย ซึ่งเป็นความจริงมากๆ แต่ราคาก็ค่อนข้างสูง ลองไปดูรูปและเช็คราคากันได้ คลิ๊กที่นี่
สำหรับร้านอาหาร จัดแต่งสวยงาม มีบอร์ดเกมให้เล่น ทุกคนดูนั่งชิว ชมวิวไป แต่โรงแรมนี้คนเยอะนะ เพราะห้องเยอะ ค่อนข้างพลุกพล่าน
ส่วนที่ชอบที่สุดคือโต๊ะด้านนอก ที่เก้าอี้เป็นโซฟาอันใหญ่ประมาณเตียงเดี่ยว พร้อมหมอนและผ้าห่ม คือเป็นจุดที่สามารถนั่งๆ อยู่แล้วหลับไปได้เลย ซึ่งแขกที่มาก็มานั่งๆ นอนๆ สูดอากาศชมวิว และ รับประทานอาหารไปด้วยเนี่ยแหล่ะ
อาหารที่นี่ เราว่าเฉยๆ ร้านอื่นที่กินมาในทริป ถูกปากเรามากกว่า
เนื้อบดห่อใบองุ่นราดชีส อร่อย มะเขือม่วงอบกระเทียม ก็โอเค แต่ซุปบีทรูท มันบีทรูทมากเลยอ่ะ เรากินไม่ไหว
ทั้งนี้ทั้งนั้น น้ำเลม่อน อร่อยมากค่ะ
พอทานอาหารเย็นเสร็จ เราไปแวะซุปเปอร์มาร์เก็ตในเมือง เพื่อซื้อขนม ผลไม้ และ อาหารเช้า ช้อปสนุกเลย
ส่งท้ายด้วยวิวก่อนนอน วันนี้ฝนตกเบาๆ เมฆมาก ฟ้าเลยดูไม่สดใสเท่าไหร่
เราเตรียมตัวมาไม่ดีเท่าไหร่ คิดว่ามาหน้าร้อน สรุป ช่วงกลางคืนออกนอกห้องไม่ได้เลย หนาวสั่น ควันออกปาก อากาศเลขตัวเดียว ดังนั้น อย่าลืมติดเสื้อกันหนาวมาด้วยนะคะ คงจะเพราะอยู่บนเขาเลยหนาวแหล่ะ เพราะในเมืองก็อยู่ได้ปกติ
ตอนถัดไป เรายังจะอยู่กันที่เมืองคาสเบกิ อีกครึ่งเช้า แล้วจึงจะไปเที่ยวเมือง Gori บ้านเกิดสตาลิน Uplistsikhe บ้านถ้ำโบราณ และ พาไปชมการทำไวน์แบบท้องถิ่นของจอร์เจีย ด้วยค่ะ
อ่านต่อได้เลย [เที่ยวจอร์เจียด้วยตัวเอง Ep.5] ‘Gori’ บ้านเกิดสตาลิน เมืองโบราณในหิน และการทำไวน์จอร์เจีย
บทความนี้ เป็นส่วนหนึ่งของรีวิว ทริปจอร์เจีย-อาเซอร์ไบจาน ผ่านบาห์เรน ซึ่งสามารถติดตามอ่านได้ดังนี้
[เที่ยวจอร์เจียด้วยตัวเอง Ep.1] รู้จัก จอร์เจีย และตอบคำถามที่ทุกคนสงสัย
[เที่ยวจอร์เจียด้วยตัวเอง Ep.2] แผนการเดินทาง และ ค่าใช้จ่ายในการเที่ยวจอร์เจีย
[เที่ยวจอร์เจียด้วยตัวเอง Ep. 3] วันแรกใน Tbilisi ฝั่งใหม่ ย่านฮิปๆ ที่ต้องไปเช็คอิน
[เที่ยวจอร์เจียด้วยตัวเอง Ep. 4] ถนนประวัติศาสตร์มุ่งหน้าสู่เทือกเขาคอเคซัส กับที่พักวิวหลักล้าน
[เที่ยวจอร์เจียด้วยตัวเอง Ep.5] ‘Gori’ บ้านเกิดสตาลิน เมืองโบราณในหิน และการทำไวน์จอร์เจีย
[เที่ยวจอร์เจียด้วยตัวเอง Ep. 6] ‘Tbilisi’ เมืองหลวงทรงสเน่ห์ เพชรเม็ดงามแห่งดินแดนคอเคซัส
[รีวิว] รถไฟข้ามประเทศ จอร์เจีย – อาเซอร์ไบจาน [Tbilisi-Baku Train]
[รีวิว] Gulf Air สายการบินแห่งชาติบาห์เรน กับเส้นทางบิน กรุงเทพ-บาห์เรน-ทบิลิซี่-บากู
[Bahrain Transit] เที่ยวบาห์เรน แบบสั้นๆ ระหว่างแวะเปลี่ยนเครื่องกับสายการบิน Gulf Air
วิธีการขอ วีซ่า อาเซอร์ไบจาน ออนไลน์ สะดวก ง่ายและประหยัด [Azerbaijan E-Visa]
สำหรับใครที่หาตั๋วเครื่องบินราคาถูกอยู่ก็ไปเทียบราคาได้ที่ Skyscanner.com นะคะ คลิ๊กที่นี่ได้เลย!!!
หากชอบรีวิว ช่วยกดไลค์เพจเป็นกำลังใจให้หน่อยนะคะ หรือไปตามไอจี @eatchillwander อัพเดทกันแบบเรียลไทม์ขอบคุณมากๆ ค่า