[เที่ยว โคเปนเฮเกน ด้วยตัวเอง EP.1] สามวันใน Copenhagen รวม 24 ที่เที่ยว มิวเซียม คาเฟ่ ร้านอาหาร ครบ!

โคเปนเฮเกน (Copenhagen) เมืองหลวงของประเทศเดนมาร์ก เมืองนี้เป็นเมืองที่เต็มไปด้วยความชิค งานศิลปะ งานดีไซน์หลากสาขา มีคาเฟ่ที่เต็มไปด้วยกาแฟดีๆ มีมิวเซียมอยู่ทั่วเมือง และเป็นที่อยู่ของร้านอาหารที่ได้รับรางวัลร้านที่ดีที่สุดในโลกรวมถึงมิชลินสตาร์สามดาวหลายร้าน วันนี้ เราได้รวบรวม ที่เที่ยว คาเฟ่ ร้านอาหาร กว่า 24 จุด ใน กรุงโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก มาฝากค่ะ


ข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับ Copenhagen

– โคเปนเฮเกน หรือ Copenhagen มีชื่อเรียกในภาษาแดนิชว่า København

– กรุงโคเปนเฮเกน มีไฟลท์จากเมืองต่างๆ ทั่วยุโรป และ มีบินตรงจากประเทศไทย โดยการบินไทย และมีสถานีรถไฟใหญ่ ที่สามารถนั่งมาจากเยอรมันและสวีเดนได้ค่ะ เป็นเมืองที่นัทชอบบินมาเพราะสนามบินใกล้เมืองมากกกก แลนด์ปุ๊ปนั่งรถไฟตรงเข้ามาไม่ถึง 20 นาที

– เมืองหลวงแห่งนี้ อยู่ทางตะวันออกของประเทศ อยู่บนเกาะใหญ่ที่ชื่อว่า Zealand อยู่ใกล้สวีเดนมากกกเพียงข้ามสะพานไป 40 นาที ก็คือเจอเมือง Malmo ของสวีเดนแล้ว แต่ถ้าจะกลับไปเยอรมันทางบกก็จะต้องมี 4-5 ชั่วโมง

– วีซ่า สามารถใช้วีซ่าแชงเก้นได้ค่ะ แต่ว่ากันว่า สถานทูตเดนมาร์กใช้เวลาทำวีซ่าค่อนข้างนาน หลายคนรอ 15-30 วัน ถ้าไม่ได้มีเหตุจำเป็นว่าจะต้องไป ฟาโร ไอส์แลนด์ หรือ กรีนแลนด์ หรือจำเป็นต้องเข้าเดนมาร์กที่แรก ก็จะไม่ค่อยแนะนำกันค่ะ (เพราะแชงเก้นที่อื่นหลายที่ 3-7 วันก็ได้แล้ว)

– เดนมาร์กใช้ภาษาแดนิช แต่ทุกคนพูดภาษาอังกฤษได้จริงจังมากๆ

– ที่นี่เป็นสังคมไร้เงินสดค่ะ นัทไปมา 4 ครั้ง ยังไม่เคยเห็นหน้าตาเงินเดนมาร์กเลยค่ะ ใช้บัตรเครดิตรัวๆ มีแค่ครั้งเดียวที่ต้องใช้เงินสด คือต้องขึ้นรถบัส ต้องเตรียมเงินพอดี ไม่งั้นก็แค่ซื้อตั๋วมาก่อน ตอนนั้นแก้ปัญหาโดยการซื้อตั๋วในแอพออนไลน์เอาค่ะ แม้แต่ซุ้มอาหารตลาดนัดแบบตลาดคริสต์มาส ก็รับบัตรเครดิตค่ะ

– ที่นี่ค่าครองชีพค่อนข้างสูงมากค่ะ คูณเป็นเงินไทยทีจะเป็นลม

– โคเปนเฮเกน มีรถไฟใต้ดินที่นัทแทบไม่ได้ใช้เลย ถ้าพักใกล้เมือง ส่วนใหญ่ก็เดินกับรถบัสค่ะ เมืองค่อนข้างเป็นระเบียบ โดยทั่วไปปลอดภัย นัทว่า ตรงที่รู้สึกไม่ปลอดภัยสุด คือรอบๆ สถานีรถไฟหลัก (ซึ่งเป็นเกือบทุกที่ในเมืองใหญ่ในยุโรป และถ้าให้เทียบ ที่นี่คือสถานการณ์ดีมากกว่าเมืองอื่นมากๆ)

– อย่างไรก็ตาม ถ้าเอาคุ้มสุดคือ แนะนำ Copenhagen Card เพราะมันใช้เดินทางจากสนามบินได้เลย ตัวบัตรเป็นแบบออนไลน์เปิดในแอพ จากนั้นก็จะใช้ขึ้นบนส่งสาธารณะได้ทุกอย่างตลอดทริป ถ้าเที่ยวแบบนัทเลย 72 ชั่วโมงก็คุ้มค่ะ เพราะรวมสถานที่เที่ยวกว่า 80+ แห่ง อย่างพิพิธภัณฑ์ สวนสนุก และ พระราชวังที่เราเข้า ถ้าเข้าหมดนั่น ก็จะประหยัดไปหลายพันบาทเลยค่ะ ทางไปจอง >> คลิ๊กที่นี่

– ส่วนฤดูน่าเที่ยว นัทว่าคือช่วงฤดูใบไม้ผลิถึงฤดูร้อน เพราะที่นี่เป็นแถบยุโรปเหนือ อากาศจะค่อนข้างเย็น ช่วงฤดูหนาวข้อเสียคือ สว่างช้าและมืดเร็วมากกก แต่หลายคนก็มา เพราะได้บรรยากาศช่วงคริสต์มาส

– “Hygge” คำที่อยากให้ทุกคนรู้จัก มันคือบรรยากาศอบอุ่น บรรยากาศดีๆ ในบ้าน จุดเทียนหอม โซฟาสบายๆ มีต้นไม้ เพราะคนโคเปนเฮเกนใช้ชีวิตในบ้านเยอะมากกกก ยิ่งข้างนอกหนาว ยิ่งได้อยู่ในบ้าน ดังนั้น เฟอร์นิเจอร์ ของแต่งบ้าน จึงเป็นส่วนสำคัญ และทำให้งานดีไซน์เรื่องการตกแต่งภายในที่นี่ดังมากๆ จนมีสไตล์เป็นของตัวเองค่ะ


แผนการเดินทาง

โคเปนเฮเกน เป็นเมืองที่มีหลายแง่มุม และนัทคิดว่า แต่ละคนอาจจะมีความชอบที่ไม่เหมือนกัน นัทเองกลับมา 4 ครั้งแล้ว ส่วนใหญ่จะกลับมาเพราะจองร้านอาหารที่จองยากมากๆ ได้ ถ้าจัดแบบแน่นๆ โปรแกรมประมาณนี้ ก็จัดเข้าไปใน 3 วันได้ แต่ใครมีเวลาน้อยก็อาจจะต้องตัดตามความสนใจ ใครสโลว์ไลฟ์แนะนำให้อยู่ยาวกว่านี้ค่ะ

Day 1
Coffee Collective, Botanical Garden, Det Vide Hus, Rosenborg Castle, SMK – Statens Museum for Kunst, Nyboder Neighboorhood, Frederik’s Church, Amalienborg, Nyhavn
Dinner at Noma

Day 2
The Little Mermaid, Kongen Nytorv, Lunch at Marchal, Stroget Street, Illum Rooftop, Hojbro Plads, Christiansborg, Magstaede, NY Carlsberg Glyptotek
Dinner at Geranium

Day 3
Christiania, Church of Our Saviour, The Black Square, Tivoli Garden


ที่พักในโคเปนเฮเกน

ครั้งนี้นัทพักที่ NH Collection Copenhagen ซึ่งเป็นโรงแรมที่อยู่ในโลเคชั่นสะดวกมากๆ ติดสถานีรถไฟใต้ดินและป้ายรถบัส เดินทางจากสนามบินสะดวก ไปเที่ยวก็สะดวก ตกแต่งโมเดิร์น มีกลิ่นอายนอร์ดิก รอบๆ บรรยากาศดี อาหารเช้าอร่อยจัดเต็ม ประทับใจ

ทางไปจอง >> NH Collection Copenhagen


ที่เที่ยว โคเปนเฮเกน

Day 1 – เราเริ่มวันด้วยการแวะร้าน Coffee Collective ที่มีสาขาอยู่ทั่วเมืองเลยค่ะ ใกล้ที่ไหนไปที่นั่น ส่วนนัทจะมาเที่ยวแถวนี้ เลยมาสาขา Torvehallerne ซึ่งเป็นเหมือนมาร์เก็ตฮอลล์ มาหาอาหารเช้าทานได้ค่ะ ใกล้สถานีรถไฟใต้ดินด้วย

ที่ Coffee Collective นั้น มีทั้งกาแฟเบลนด์ซึ่งสั่งทานง่ายๆ ได้ และมี specialty coffee ที่มาจากหลายแหล่ง แต่ต้องบอกว่า โทนโดยรวมของกาแฟแถบนี้ มักจะออกแนว acidity สูงๆ ค่ะ

จานสถานีเมื่อกี้ เราเดินตรงมาเที่ยวที่เที่ยวแรกของวันนี้คือ The Botanical Garden ซึ่งเป็นคอลเลคชั่นพันธุ์ไม้ที่ใหญ่ที่สุดในเดนมาร์ก เป็นส่วนหนึ่งของพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติ ภายในบริเวณจะมีทั้งสวนเอาท์ดอร์ ซึ่งเราสามารถเข้าไปเดินเล่น นั่งชิลล์ได้ แต่ไฮไลท์สำหรับนักท่องเที่ยวตะวันตกคือเรือนกระจกตรงกลางซึ่งต้องเสียค่าเข้า เรียกว่า Palm House ซึ่งควบคุมอุณหภูมิ มีไม้เมืองร้อน จัดเป็นเหมือนป่าดิบชื้น ซึ่งบ้านเค้าไม่มี แต่จัดสวยเลยนะคะ ส่วนภายในบริเวณรอบๆ ก็มีพืชพื้นถิ่นของเดนมาร์กกว่า 600 สปีชีส์ เลยค่ะ

อยู่เมืองแห่งกาแฟเลยขอมาชิมกาแฟเพิ่มหน่อย ร้าน Det Vide Hus เป็นร้านกาแฟแนว neighborhood cafe ที่มี specialty coffee จากหลายแหล่งและหลายโรงคั่วชื่อดังในโคเปนเฮเกนค่ะ อยู่ตรงข้าม Botanical Garden และ พระราชวังเลยค่ะ ร้านนี้เป็นร้านเล็กๆ แต่คนแน่นมากกก แม้ว่าจะคนเยอะ แต่มันเป็นบรรยากาศอบอุ่น Hygge จริงๆ ค่ะ

ข้ามถนนมาเราจะเจอหนึ่งในแลนด์มาร์กของโคเปนเฮเกน และอย่าลืมว่า เดนมาร์กยังมีราชวงค์เป็นประมุขอยู่นะคะ ที่นี่ Rosenborg Castle พระราชวังแห่งนี้ เป็นพระราชวังกลางเมืองสไตล์ Renaissance ซึ่งสร้างมาตั้งแต่สมัยต้นปี 1600s โดยสร้างเพื่อเป็นพระราชวังฤดูร้อน ภายในมีจัดแสดงพวกข้าวของเครื่องใช้ งานศิลปะต่างๆ และมีไฮไลท์คือ มงกุฎของราชวงค์ค่ะ อันนี้ค่าเข้าก็อยู่ใน Copenhagen Card  นะคะ

เดินออกจาก Rosenborg Castle มา ข้ามถนนมาเราจะเจอ SMK – Statens Museum for Kunst หรือ The National Gallery of Denmark หอศิลป์แห่งชาติ ที่นี่มีไฮไลท์คืองานจาก Henri Matisse และก็มีงานมากมายจากทั่วยุโรป ตั้งแต่ยุคศตวรรษที่ 14 มีงานเรเนซองส์สไตล์ Netherlandish อยู่ค่อนข้างเยอะ มาจนถึงยุคโมเดิร์นและร่วมสมัยเลยค่ะ ค่าเข้าอยู่ใน Copenhagen Card  เช่นกันค่ะ ทางไปจอง >> คลิ๊กที่นี่

งานจาก Henry Matisse ศิลปินชาวฝรั่งเศสในยุคโมเดิร์น ที่สร้างมูฟเม้นท์ศิลปะที่เรียกว่า Fauvism นั่นเองค่ะ

นัทชอบการจัดแผนผังมิวเซียมที่นี่มาก เป็นสัดส่วน ดูง่าย ยิ่งถ้าดูไล่ๆ ยุคมา จะยิ่งเข้าใจเลยว่า ทำไม Henri Matisse ถึงโดนนิยามว่าเป็น Fauvism ซึ่งมาจากคำว่าสัตว์ป่า

ภาพนี้คือหนึ่งในมาสเตอร์พีซของมาตีสเลยค่ะ นัทไปมิวเซียมมาทั่วโลก สุดท้ายก็ต้องมาถึงโคเปนเฮเกนเพื่อชมงานนี้ด้วยตาเนื้อ The Green Stripe การแหกใช้สีที่สดใส รุนแรง และตัดกัน อย่างที่ก่อนหน้านั้น ไม่มีใครเค้าทำกันค่ะ

จบจากหอศิลป์เราเดินข้ามมานิดเดียว จะเข้าสู่ย่าน Nyborder ซึ่งโดดเด่นด้วยหมู่ตึกที่เคยเป็นบ้านของหน่วยทหารเรือมาก่อนค่ะ ตอนนี้ก็โด่งดังด้วยความที่สีของบ้านสดใสน่ารัก มีหลายคนมาเดินเล่นถ่ายรูป มีร้านอาหารร้านค้าอยู่ค่ะ

นอกจากนี้ ย่านนี้ยังดังขึ้นมาจาก การถ่ายทำภาพยนต์เรื่อง Danish Girl ด้วยนะคะ

ที่นี่เป็นที่ตั้งของร้าน Frama ซึ่งเป็นแบรนด์เครื่องหอมชื่อดังของที่นี่ นัทชอบมากๆ เลย แล้วก็มีคาเฟ่อยู่ติดๆ กันที่ชื่อ Apotek ด้วยค่ะ เป็นแบรนด์ที่ต้องแวะซื้อเมื่อมาเดนมาร์กค่ะ

นัทเดินกลับมาทางถนน Store Kongensgade ซึ่งแถวนี้เดินสนุกเพราะมีร้านของวินเทจ ของแต่งบ้านตลอดทางเลยค่ะ

เข้ามาสู่อีกหนึ่งโบถส์สำคัญของที่นี่ Frederik’s Church เป็นโบถส์ที่มีโดมที่ใหญ่ที่สุดในสแกนดิเนเวีย มีอีกชื่อว่า Marble Church อยู่ค่อนมาทางกลางเมือง คิดว่าใครไปก็น่าจะได้เดินผ่านค่ะ

ติดๆ กันจะเป็นที่อยู่ของ Amalienborg ซึ่งเป็นที่ประทับอย่างเป็นทางการของราชวงค์เดนมาร์กค่ะ ลานที่เราเห็นตรงนี้จะเป็นที่อยู่ของพระราชวัง 4 หลังที่อยู่ล้อมรอบค่ะ โดยไฮไลท์ที่นักท่องเที่ยวมักมาชมคือการเปลี่ยนเวรทหารค่ะ

เดินตรงมาอีกนิดเดียวก็จะเข้าย่าน Nyhavn แหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ และหากเราหาภาพโคเปนเฮเกน ภาพที่นี่ก็จะขึ้นมาก่อนเลยค่ะ

คำว่า Nyhavn นั้น แปลว่า New Harbour ซึ่งเป็นท่าเรือที่ King Frederik สั่งให้สร้างใกล้เมือง ในทุกวันนี้ กลายมาเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่เต็มไปด้วยร้านอาหารตลอดทาง และยังมีเรือที่อนุรักษ์ไว้ให้ได้เห็น

คำ่คืนวันนี้ เราไปทานอาหารที่ร้าน Noma เป็นหนึ่งในชื่อที่มีอิทธิพลที่สุดในวงการร้านอาหารไฟน์ไดนิ่งเลยค่ะ เป็นร้านที่ได้รับรางวัลร้านที่ดีที่สุดในโลกหลายปีซ้อน มีมิชลินสามดาว และคำชมจากสื่อและเชฟแทบทั่วโลก ร้านพาเราไปรู้จักกับวัตถุดิบฝั่งสแกนดิเนเวียและการ Foraging หรือจะเรียกว่าเก็บผักเก็บหญ้าตามป่าก็ได้ค่ะ

เป็นประสบการณ์ที่ดีมากๆ แม้จะจองยากมากกกกก แต่หากใครจองได้ นัทขอแนะนำให้มาซักครั้งในชีวิตค่ะ เอาเป็นว่า เราได้ทานขนมรูปเทียนไขที่จุดไฟมาและทำมาจากเลือดเรนเดียร์ คลิ๊กที่ภาพเพื่ออ่านรีวิวฉบับเต็มได้เลย


Day 2 — ตื่นเช้ามาวันที่สอง ไปชมรูปปั้นที่เป็นแลนด์มาร์กของที่นี่ก่อนเลย

The Little Mermaid — ที่นี่ นัทต้องบอกก่อนว่า หลายคนมาแล้วผิดหวัง เพราะว่ารูปปั้นไม่ได้ขนาดใหญ่อะไรและต้องเดินทางออกมาห่างจากกลางเมืองนิดนึง แต่สำหรับนัท นัทเข้าใจนะคะ เพราะว่า ผู้เขียน The Little Mermaid  อย่าง Hans Christian Andersen ถือเป็นบุคคลสำคัญของเดนมาร์ก และรูปปั้นที่อยู่บนโขดหินริมทะเล ก็ทำได้สวยเหมาะพอดี

เอาเป็นว่า ถ้ามีเวลาก็มา ถ้าอยากเก็บเพราะเป็นแลนด์มาร์กก็มา แต่มันไม่ได้ใหญ่โต ไม่ได้อยู่ในเมือง และมันคือมาดูแค่นี้จริงๆ อย่างนัทไปโคเปนเฮเกน 4 ครั้ง ก็ไปที่นี่ครั้งเดียว ถ้ามาถึงแล้วมีเวลาก็ไปเดินเล่นที่ย่าน Kastellet ด้วยได้ค่ะ

กลับเข้ามาจัตุรัสใจกลางเมืองเลย จริงๆ เมื่อวานเรามาถึง Nyhavn แล้ว ตรงนี้ก็อยู่ติดๆ กันเลยค่ะ จัตุรัส Kongens Nytorv ทางซ้ายที่เห็นในภาพคือ Opera House ซึ่งนัทแนะนำให้เช็คโปรแกรมเผื่อมีการแสดงนะคะ เพราะค่าเข้าชมไม่ได้สูงมาก น่าชมซักครั้งค่ะ

บนจัตุรัสแห่งนี้เป็นที่ตั้งของหนึ่งในโรงแรมหรูที่มีขื่อเสียงที่สุดในเมืองอย่าง Hotel d’Angleterre ซึ่งวันนี้นัทมาทานห้องอาหาร Marchal ห้องอาหารมิชลิน 1 ดาวของโรงแรมค่ะ ที่นี่อาหารดีสมดาว แต่ที่ปลื้มคือบริการดีมากกกกก หากใครงบถึง ก็แนะนำให้พักโรงแรมนี้ เพราะพนักงานคือแทบจะปูพรม ทุกครั้งที่ไปเลยค่ะ

จากตรงจัตุรัสเมื่อซักครู่เดินเข้ามาจะเข้าสู่ถนนคนเดิน Stroget ซึ่งเป็นถนนคนเดินหลักกลางเมือง ที่จะผ่านจัตุรัสหลายแห่ง และมีร้านค้าตลอดทางเลยค่ะ ตรงนี้คือคึกคักสุดๆ ใครสายช้อปปิ้ง ก็เส้นนี้เลย

นัทแนะนำให้ขึ้นมาที่ชั้นบนของห้าง Illum ค่ะ จะสามารถมาชมวิวได้ ไม่มีค่าใช้จ่ายค่ะ

ส่วนห้าง Illum เองก็มีของน่าซื้อเยอะมากกกกก แล้วก็มี Illums Bolighus ซึ่งขายของแต่งบ้านและงานดีไซน์แบรนด์ท้องถิ่น ของน่าซื้อเยอะมากกก น่าเดินค่ะ

วันที่สองยังไม่จบแค่นี้นะคะ แต่เดี๋ยวบทความนี้จะยาวเกินไปแล้วรูปจะโหลดไม่ขึ้น เดี๋ยวไปต่อวันที่สองและสามกันในตอนถัดไป คลิ๊กที่นี่ ได้เลยค่า


สำหรับใครที่หาตั๋วเครื่องบินราคาถูกอยู่ก็ไปเทียบราคาได้ที่ Skyscanner.com นะคะ คลิ๊กที่นี่ได้เลย!!!

หากชอบรีวิว อย่าลืมกดไลค์เพจ และ ติดตามไอจี @eatchillwander ด้วยนะคะ ขอบคุณมากๆ ค่า



ติดตาม Eat Chill Wander ได้ที่
Facebook : Eat Chill Wander
Instagram : @eatchillwander
Twitter : @eatchillwander
Youtube : Eat Chill Wander
Website : www.eatchillwander.com

error: