[Unseen Italy ตอนที่ 2] เที่ยว Naples-Pompeii ทำพิซซ่าถึงเมืองบ้านเกิด ดินแดนประวัติศาสตร์ จิบไวน์ภูเขาไฟ

อย่างที่อธิบายกันไปตอนที่แล้ว ว่าอิตาลีแบ่งเป็นแคว้นต่างๆ ที่มีเอกลักษณ์และวัฒนธรรมเป็นของตัวเองมากมาย ตอนนี้เราจะพาไปเที่ยว “แคว้น Campagna” (หรือ Campania ในภาษาอังกฤษ) ซึ่งแคว้นนี้เป็นหนึ่งในที่ที่เราชอบที่สุดในอิตาลี ด้วยความยูนี๊คสุดๆ ตั้งแต่มีภาษาถิ่นเป็นของตัวเอง เคยเป็นราชอาณาจักรของตัวเองโดยมี Napoli เป็นเมืองหลวง มีเมือง Pompeii ที่ซึ่งประวัติศาสตร์สองพันปีที่ถูกซ่อนไว้ภายใต้การระเบิดของภูเขาไฟ มีเมืองชายทะเลและเกาะที่เซเลบริตี้ระดับโลกชอบมาพักร้อนอย่าง Positano และ Capri เป็นที่ตั้งของพระราชวังที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปอย่าง Caserta เป็นบ้านเกิดของพิซซ่าและยังเป็นจุดกำเนิดของเครื่องดื่มประจำชาติอย่าง Limoncello อีกด้วย

เรียกได้ว่า มีทั้งประวัติศาสตร์ ศิลปะ อาหารการกิน ธรรมชาติ ภูเขาไฟ ภูเขา ทะเล อยู่ที่เดียวกัน

โดยการจะเที่ยวแคว้น Campania นั้น เราคงจะต้องเริ่มต้นจากเมืองหลวงของแคว้นอย่างเมือง Napoli หรือ เมือง Naples ในภาษาอังกฤษนั่นเองค่ะ (นโปลีเป็นชื่อภาษาอิตาเลียนค่ะ)

ต้องบอกก่อนว่า ความเป็นเอกลักษณ์ของที่นี่นั้น มันรวมไปถึงความเละเทะของที่นี่ด้วยนะคะ เมือง เนเปิลส์ เป็นเมืองที่ไม่เหมือนอยู่ในยุโรปอ่ะ มันมีความ Lively ความเฟรนด์ลี่ เอิ๊กอ๊ากของคน เอเนอจี้จะเยอะๆ ไม่เหมือนที่อื่น มีความโหวกเหวก ความไม่ค่อยเป็นระเบียบ ในหลายๆ โซนของเนเปิลส์เราจะรู้สึกได้เลยค่ะ แต่นี่กลับเป็นสเน่ห์ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวมาพักผ่อนที่นี่นะคะ

และต้องเตือนก่อนเลยว่า ถ้าได้คุยกับคนอิตาลีจากทางภาคเหนือ เท่าที่นัทรู้จักมาหลายคน เค้าจะรู้สึกว่า Napoli มันมีชื่อเสียงเรื่องความไม่ปลอดภัย เสี่ยงต่อการโดนปล้น ซึ่งตอนนัทไป นัทไม่ได้รู้สึกว่ามันน่ากลัวอะไรขนาดนั้นนะคะ แต่เรื่องจี้เอาทองกับโรเล็กซ์นี่ได้ยินมาเยอะจริงๆ ก็ระวังๆ หน่อยนะคะ เป็นเมืองที่คงจะต้องแนะนำว่า อย่าแต่งตัวล่อโจร ที่เตือนกันมาเยอะๆ คือแถวๆ Piazza Garibaldi ซึ่งอยู่หน้าสถานีรถไฟ ซึ่งเราเดินผ่านตอนกลางวัน ลงไปสถานีใต้ดินก็โอเคนะคะ แล้วก็อย่าเดินออกนอกแหล่งท่องเที่ยวมาก ตอนไปครั้งแรกนัทไปคนเดียว ลากกระเป๋าไปโรงแรมจากสถานีรถไฟเอง ไม่มีอะไรน่าห่วงค่ะ


ดูแบบวิดีโอได้ที่ Youtube เลยนะคะ 🙂

 


วิธีการเดินทาง

ไม่ว่าคุณแพลนจะเที่ยว Naples หรือไม่ แต่ถ้าแพลนจะมาเที่ยวแถวนี้ตั้งแต่ Capri, Positano, Amalfi Coast, Pompeii หรือ Caserta แล้วล่ะก็ ยังไงก็ต้องนั่งรถไฟมาเริ่มที่นี่

นั่นก็เพราะว่า Naples มีรถไฟความเร็วสูงออกจากโรม ออกถี่มาก ใช้เวลาแค่ชั่วโมงสิบห้านาทีเท่านั้น (ขับรถสองเกือบสามชั่วโมง) รถไฟเร็วอย่างกะวาร์ปมา หรือถ้าไม่ได้มาจากโรม ก็สามารถนั่งเครื่องบินมาลงที่สนามบิน Naples ได้เช่นกัน

จากนั้นการจะต่อไปยังเมืองอื่น ก็มีหลายสูตรหลายวิธี โดยสูตรที่เราใช้เที่ยว Amalfi Coast และ Capri นั้น เราใช้สูตรพักที่ Sorrento เป็นฐาน ซึ่งระหว่างทางไป Sorrento ก็สามารถแวะเที่ยว Pompeii ได้ หากใช้รถไฟก็มีที่ฝากกระเป๋าเดินทางที่สถานีเลย

รถไฟที่ต่อจาก Naples ไปยัง Sorrento นั้น เป็นรถไฟท้องถิ่นแบบฉิ่งฉับหน่อยๆ ไม่มีจองที่นั่ง แย่งกันขึ้นนิดนึง ชื่อว่ารถไฟสาย Circumvesuviana  (อ่านว่า ชีร์คุมเวสุวีเอน่า คำนี้จำไม่ยาก มันคือชื่อภูเขาไฟ Vesuvius ผันรวมกับคำว่า Circum) ราคาน่ารัก 3.20 Euro สามารถลง Pompeii ฝากกระเป๋าไว้ที่สถานี แล้วนั่งต่อไป Sorrento ได้ (ต้องซื้อตั๋วแยกสองใบนะคะ ให้บอกเค้าว่า จะไป Pompeii และ Pompeii-Sorrento) รถไฟออกทุกครึ่งชั่วโมง จาก Naples ไป Pompeii ใช้เวลา 38 นาที จาก Pompeii ไป Sorrento ใช้เวลา 30 นาทีค่ะ

ส่วนถ้าใครขี้เกียจนั่งรถไฟ เค้ามีเรือเฟอร์รี่ออกจาก Naples ไป Sorrento ด้วยนะ

และถ้าใครขี้เกียจกว่านั้น ซื้อทัวร์ที่ออกจาก Naples ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมากค่ะ ไม่ต้องแบกกระเป๋าด้วย

> ทัวร์ปอมเปอีพร้อมไกด์ ออกจากเนเปิลส์ Click Here
> ทัวร์เกาะคาปรี ออกจากเนเปิลส์ Click Here
> ทัวร์ Sorrento, Positano, Amalfi Coast ออกจากเนเปิลส์ Click Here


แผนการเดินทาง

จะบอกว่า แถวนี้ วางแผนการเดินทางง่ายมาก เพราะมีรถไฟ บัส เรือ ที่รองรับการท่องเที่ยวค่อนข้างพร้อมมากๆ จึงไม่จำเป็นต้องวางแผนตามเราเลย แต่อันนี้วางเป็นไกด์ไลน์ให้ดูคร่าวๆ ค่ะ เราใช้ Sorrento เป็นฐานในการเที่ยวชายฝั่ง ซึ่งอันนี้แล้วแต่ ใครอยากพักที่คาปรี หรือ โพสิตาโน่ หรือ ถ้าขับรถเองจะเพิ่มลดอะไร ก็ลองปรับเปลี่ยนแผนดูได้เลยนะคะ

ส่วนเหตุผลที่เราใช้ Sorrento เนื่องจากว่า ที่พักราคาไม่แรงเท่าที่อื่น เดินทางจาก Naples ง่าย และไม่ต้องขนกระเป๋าเดินทางเปลี่ยนที่นอนทุกวันค่ะ ส่วนอีกเมืองที่คนฮิตใช้เป็นฐานคือ Salerno ค่ะ สะดวกไม่แพ้กัน ลองดูในแผนที่ดูนะคะ

Day 1 Rome – Naples – Pompeii – Sorrento นั่งรถไฟจากโรมมาเนเปิลส์ ต่อรถไฟไปแวะเที่ยวปอมเปอี ประมาณ 2-3 ชั่วโมง (จริงๆ ถ้าใครสนใจประวัติศาสตร์ น่าจะใช้เวลานานกว่านี้ เดินได้เป็นวันๆ) อาจจะแวะเที่ยวไร่ไวน์ แล้วนั่งรถไฟเข้าที่พักที่ Sorrento

Day 2 Capri Day Trip ทุกที่พักใน Sorrento มี Ferry และ Day Tour ไป เกาะคาปรี ให้ซื้อค่ะ ถ้าไม่ได้ไปช่วงฤดูร้อนที่คนแน่นมากๆ ก็ไปซื้อหน้างานได้เลย เดี๋ยวเขียนรายละเอียดในตอนแยกนะคะ

Day 3 Amalfi – Positano Day Trip นี่ก็นั่งบัสหรือเฟอร์รี่ไปจาก Sorrento ได้เช่นกันค่ะ รายละเอียดอยู่ในตอนแยกค่ะ

Day 4 Sorrento – Naples นั่งรถไฟตรงกลับมา เที่ยว Naples ซักวัน

Day 5 Caserta  เป็นเมืองที่มีพระราชวัง แสนอลังการ คู่แข่งแวร์ซาย นั่งรถไฟไปจาก Naples ชั่วโมงนึง เป็นเมืองที่มีเอ้าท์เล็ทด้วยค่ะ

//

หรือหากใครอยากทำทริปเที่ยวอิตาลีใต้ทั่วๆ สามารถเที่ยวเป็นวงกลมไปถึงแคว้น Puglia ได้เลย อย่างทริปล่าสุดเราก็ไปมายาวๆ เลยค่ะ สามารถทำเป็น Naples – Pompeii – Sorrento – Capri – Positano – Salerno – Castelmezzano – Matera – Ostuni – Alberobello – Bari แล้วค่อยกลับมา Caserta – Naples ก่อนกลับโรม ประมาณนี้ก็ยังได้ค่ะ

(กรณีที่เริ่มที่ โรม คือแนะนำคนที่บินมาจากเมืองไทยนะคะ แต่ถ้าใครอยู่ในยุโรปอยู่แล้ว ไฟลท์มา Naples หรือ Bari หาไม่ยากค่ะ)


ไปช่วงไหนดี?

ช่วงที่ฮิตที่สุดสำหรับชาวอิตาเลียนและคนยุโรป คือหน้าร้อนค่ะ (กค.-สค.-กย.) ทุกคนคลั่งไคล้หน้าร้อนที่นี่มากๆๆๆๆ แต่นั่นอาจจะเป็นโชคดีของชาวไทยส่วนใหญ่ที่ไม่ได้ชอบอากาศร้อนขนาดนั้น เพราะในช่วงนั้นอากาศร้อนมากๆ ร้อนแบบสามสิบกว่าองศา แต่ real feel น่าจะ 40 ได้ ไม่มีแอร์ จะเป็นลม เดินในปอมเปอีนี่ขาดน้ำเป็นลมได้เลย ร่มก็ไม่มี ที่สำคัญ คือคนเยอะมาก แบบล้านแปด ที่พักเต็ม รถบัสอัดแน่น แต่ถ้าใครอยากอาบแดด เงยหน้ารับแสงสดใสสไตล์ฝอ ชมผู้ชายอิตาเลียนนอนอาบแดดริมหาด ก็พีคสุดช่วงนี้ค่ะ (เราไม่ได้ไปช่วงนี้นะ แต่ตอนนั้นก็ยังเรียนอยู่อิตาลี เมืองที่เราอยู่ก็พีคเหมือนกันค่ะ)

ส่วนหน้าหนาว (พย.-กพ.) กลายเป็นว่าพอเป็นหน้าโลว์ พวกร้านค้า บาร์ แม้แต่มิวเซียม ในเกาะคาปรี และ ชายฝั่ง Amalfi ปิดทำการกันกว่าค่อนเกาะ เกาะ Capri เหลือร้านอาหารเปิดอยู่แค่ สิบกว่าร้าน ส่วน Positano เหลืออยู่ประมาณ 7 ร้าน แม้แต่โรงแรมใหญ่ๆ และ ร้านแบรนด์เนม ก็ปิดทำการนะคะ ในเว็ปการท่องเที่ยวจะมีอัพเดทรายชื่อร้านที่เปิดช่วงหน้าหนาวในแต่ละปีค่ะ ร้านจะทยอยเปิดช่วงอีสเตอร์เป็นต้นไปค่ะ เรือและบัสมีตามปกติ แต่ก็มีแนวโน้มที่คลื่นแรง ฝนตก เรืออาจจะหยุดหรือต้องยกเลิกด้วยค่ะ

เราคิดว่าสำหรับคนไทยส่วนใหญ่ที่ไม่ชอบอากาศร้อน ไปช่วง เมย.-มิย. และ ช่วง กย. ถึงต้นตค. ก็ได้อยู่นะคะ แต่อากาศอาจจะเย็นหน่อยๆ สำหรับการเล่นน้ำทะเลค่ะ

ส่วน Naples, Pompeii, Caserta เที่ยวได้ตลอดปีค่ะ


Naples / Napoli เมืองหลวงแห่ง Kingdom of the Two Sicilies

ภาพจำของเมืองเนเปิลส์นั้นเห็นจะเป็นภาพที่เห็นอ่าวเนเปิลส์และภูเขาไฟ Vesuvius อยู่ด้านหลัง ภูเขาไฟแห่งนี้เองที่ได้หยุดเวลาเมืองปอมเปอีไว้ โดยเราเลือกที่จะมาชมภาพนี้จากปราสาทสูงกลางเมืองที่สามารถนั่ง Funicular หรือ รถรางขึ้นเขามาได้

Castel Sant’Elmo เป็นป้อมปราการรูปดาวที่สามารถชมวิวเมืองเนเปิลส์ได้ทุกทิศทาง แม้จะมีรถรางขึ้นมาถึงข้างบนแล้ว ก็ต้องเดินขึ้นเนินออกแรงกันซักหน่อย แต่วิวที่นี่นั้นทำให้หายเหนื่อยเลยทีเดียว

เราเดินลัดเลาะแบบมั่วๆ ลงมาจากเนิน มาตามตึกราบ้านช่อง เพื่อที่จะชมชีวิตของคนที่นี่ ที่ว่ากันว่าเป็น beautiful mess หรือ ความวุ่นวายที่สวยงาม ภาพของเสื้อผ้าที่แขวนตากรุงรัง สายไฟ ตลาดที่ครึกครื้น เป็นความชิวที่แตกต่างจากยุโรปโดยทั่วไปจนเป็นชื่อเสียงของที่นี่

เดินไปเดินมา ก็มาโผล่ถนนช้อปปิ้งกลางเมืองอย่าง Via Toledo ที่นี่สามารถเดินไปจุดท่องเที่ยวหลักของเมืองได้หลายแห่ง และถึงตรงนี้ส่วนใหญ่ก็จะเป็นทางราบ ไม่ต้องเดินขึ้นลงเนินท้าแดดแล้ว

ที่นี่ Galleria Umberto ที่ตั้งของร้านค้า ร้านอาหารมากมาย

ไม่ไกลกันนั้น มี Monastery แห่งนึง ชื่อ Santa Chiara ที่มีงานกระเบื้องสวยๆ อยู่

หากเดินออกไปเรื่อยๆ ก็จะพบกับย่าน Santa Lucia และ ปราสาท Castel dell’Ovo ปราสาทบนอ่าวเนเปิลส์

อย่าลืมเดินผ่าน Piazza del Plebiscito จัตุรัสใหญ่ใจกลางเมืองเนเปิลส์ และเป็นจัตุรัสที่ใหญ่ที่สุดในเมืองนี้

Napoletana Pizza Making Class

ตอนแรก เราคิดว่าจะแนะนำร้านพิซซ่า เพราะพิซซ่าแท้ๆ จะต้องมาจากเมืองเนเปิลส์ บ้านเกิดของพิซซ่า ที่คนแถวนี้เค้าภูมิใจเป็นอย่างมาก และเคลมว่า พิซซ่าของแท้ ต้องแบบ Napoletana Pizza เท่านั้น ของอเมริกันมันไม่ใช่!!

และร้าน Pizzeria ในเนเปิลส์ก็มีอยู่นับไม่ถ้วน เค้าว่ากันว่า พิซซ่าเป็นอาหารที่เป็นศูนย์รวมของทุกชนชั้น และขนาดราชวงศ์ยังชอบแอบหนีมากินพิซซ่าในย่านชาวบ้านในสมัยก่อน พิซซ่าจึงมีความหมายมากกว่าแค่อาหารที่คนทั่วไปรู้จักในฐานะสัญลักษณ์ของอาหารอิตาลี

และนัทก็ได้โอกาสดี มาเรียนทำพิซซ่าแท้ๆ ซะเลย เป็นคลาสครึ่งวันที่สนุกมากๆ ทำตั้งแต่นวดแป้ง คลึงแป้ง ยันเอาเข้าไปอบในเตาถ่าน และพิซซ่านโปลีก็ต้องหนีไม่พ้น หน้า Margarita ซึ่งประกอบไปด้วย มะเขือเทศ มอสซาเรลล่า และ เบซิล เหมือนสีธงชาติอิตาลีเลย โดยคลาสนี้เรามีโอกาสมาเรียนที่ Vera Pizza ค่ะ เค้าจริงจังมากเลยนะคะ บอกสูตรทุกอย่างเลย วัตถุดิบมัน Simple มากๆ อยู่ที่ความใส่ใจและวิธีการทำจริงๆ

สามารถจองหรือดูรายละเอียดได้ที่ https://www.pizzanapoletana.org/en/

เบี้ยวไปนิดนึง เพราะตอนเอาเข้าเตาอบ จะต้องกะตุกให้พิซซ่ามันเข้าไปในเตาแล้วไม่ติดไม้ออกมาค่ะ

นอกจากนี้ ในเนเปิลส์ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ ที่เราไม่ได้ไปอีกหลายแห่งนะคะ เป็นข้ออ้างในการกลับไปใหม่เลย หากใครมีเวลาก็อย่าลืมแวะไป Naples Archaeological Museum, San Gennaro Catacombs และ ชมการแสดงใน Opera ด้วยนะคะ

อ้อ แล้วที่จั่วหัวว่า Naples เป็นเมืองหลวงของ Kingdom of the Two Sicilies เดี๋ยวไปเล่าให้ฟังกันต่อตอนไปเที่ยวพระราชวัง Caserta นะคะ เพราะเกี่ยวกับราชวงค์และประวัติศาสตร์ยุโรปในสมัยนั้นตรงๆ


Pompeii นครที่ถูกหยุดเวลาไว้

ณ วันที่ 24 สิงหาคม ปีคศ. 79 เกือบสองพันปีที่แล้ว ได้มีการระเบิดครั้งใหญ่ของภูเขาไฟ Vesuvius ภูเขาไฟที่ตั้งตระหง่านอยู่ริมอ่าวเนเปิลส์ ซึ่งการระเบิดครั้งนั้นทำให้ขี้เถ้า ลาวา ก๊าซพิษ ไหลลงมาสู่เมืองใกล้ๆ อย่างเมือง Pompeii

เมืองปอมเปอี ถูกฝังกลบด้วยเถ้าถ่านเพียงไม่กี่วันหลังจากนั้น และก็ไม่มีใครทราบถึงเมืองแห่งนี้อีกเลย ว่ากันว่านี่เป็นเสมือนการแช่แข็งช่วงเวลาชั่วขณะนั้นในตอนที่เมืองถูกฝังลงไป

จนกระทั่งเมื่อประมาณปี 1599 มีการขุดอุโมงค์ใต้ดิน นั่นเป็นครั้งแรกที่ปอมเปอีถูกค้นพบหลังจากที่สาบสูญไปกว่าพันปี โดยในช่วงนั้น ยังไม่ได้สนใจที่จะกู้ซากขึ้นมา จนกระทั่งปี 1860 นักโบราณคดี Giuseppe Fiorelli ได้ทำให้การค้นหาก้าวหน้ามากขึ้นไป เมื่อเขาเจอโพรงอากาศ และได้ลองหยอดปูนปลาสเตอร์ ทำให้เราได้เห็นรูปของมนุษย์ในอิริยาบถต่างๆ ทั้งนั่งกอดกัน ทั้งกำลังหนี หรือ สวดมนต์ มันเป็นอะไรที่น่าทึ่งมากๆ

ในทุกวันนี้ ก็ยังมีการขุดค้นพบอะไรใหม่ๆ ขึ้นมาเรื่อยๆ แต่ตัวเมือง Pompeii หลักๆ เอง ก็เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของอิตาลี ที่มีผู้เยี่ยมชมเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศเลยทีเดียว

นอกจาก กาลเวลาที่ถูกหยุดไว้แล้ว เราก็ยังจะได้เห็นผังเมือง โครงสร้างสถาปัตยกรรม ยิ่งก่อนค้นพบ มีหลายส่วนที่ไม่ได้ถูกย่อยสลาย และถูกฝังแบบไม่โดนอากาศและความชื้น ทำให้ยังค่อนข้างสมบูรณ์ และนั่นก็ทำให้เราได้เห็นชีวิตในเมืองในสมัยโรมันโบราณ ได้อย่างไม่น่าเชื่อ

การเที่ยวปอมเปอีนั้น หากไม่ใช้ไกด์ ก็จะมีแผ่นพับอธิบายยังจุดต่างๆ ว่าตรงไหนคืออะไร แต่รายละเอียดในเมืองค่อนข้างเยอะ ไม่ว่าจะเป็นร้านค้า ทางเดินที่มักจะมีหินขึ้นมาให้เดินข้ามเนื่องจากเมื่อก่อนยังปล่อยน้ำไหลผ่านในเมือง รอยรถม้า และ หลักฐานทางประวัติศาสตร์อื่นๆ

อันนี้เป็นภายในโรงอาบน้ำแบบ Roman Bath ค่ะ

มีทั้งวิหาร ตลาด สถานที่ขายบริการทางเพศ ซึ่งบางอันก็จะมีภาพเพ้นท์บอกไว้ว่าคืออะไร อย่างตรงตลาดก็จะมีรูปปลา รูปวัว

อันนี้เป็นเบเกอรี่ค่ะ อ้อ ในปอมเปอี ก็จะทำให้เราได้เห็นห้องน้ำในยุคนั้นด้วย

ภาพในสถานขายบริการค่ะ ว่ากันว่า เหมือนแคตตาล๊อกว่าจะเลือกบริการแบบไหน… นี่คืองานที่เก่าแก่ที่สุดในโลกใช่มั้ยคะ?

ตัวอย่างของรูปที่หยอดปูนปลาสเตอร์เข้าไปในโพรงอากาศค่ะ

ข้างๆ เมือง Pompeii จะมี Villa dei Misteri (สมัยก่อนคงถือว่าเป็นชานเมือง เพราะหลุดออกจากตัวเมืองหลักมาแล้ว แต่ว่าจริงๆ มันมีทางออกนึงที่เดินถึงได้เลย ใกล้ๆ)

ที่นี่ดังเรื่องภาพสีน้ำมันที่สมบูรณ์มากๆ และทำให้เราได้เห็นภาพสีของสมัยนั้นค่ะ

ภาพจาก Wikipedia ค่ะ

ไร่ไวน์ Bosco de Medici 

ยังอยู่กันใน Pompeii นะ ข้างๆ มีไร่ไวน์ค่ะ โดยความพิเศษของไวน์ที่นี่คือทำมาจากองุ่นที่ปลูกบนดินภูเขาไฟ หรือ Volcanic Soil (จริงๆ ไวน์บนดินภูเขาไฟที่ดังมากๆ ในอิตาลีคือ Mount Etna ในซิซีเลียค่ะ) สำหรับที่นี่ใช้องุ่นพันธ์ Piedirosso สำหรับไวน์แดง และ Falanghina, Caprettone สำหรับไวน์ขาวค่ะ

นอกจากไวน์แล้ว ที่นี่ยังมีวิวสวยๆ บรรยากาศดีๆ ให้เรามาชิมไวน์ ทานอาหาร หรือ พักได้อีกด้วยค่ะ

เราได้มีโอกาสมาชิมไวน์ ไปพร้อมๆ กับ Aperitivo ค่ะ Aperitivo หรือ อาหารเรียกน้ำย่อยของอิตาลี ซึ่งเราชอบมากๆ เพราะมันได้กินหลายอย่างค่ะ

 


Sorrento

เรามีโอกาสมาเที่ยวแถวนี้สองรอบค่ะ ครั้งแรกมาโดยรถไฟ แต่ครั้งที่สอง มาด้วยรถส่วนตัว จึงสามารถแวะถ่ายรูประหว่างทางได้ค่ะ อันนี้คือเมืองก่อนถึง Sorrento

บรรยากาศยามค่ำคืนใน Sorrento ก็คึกคักดีนะคะ หาที่พักที่เดินจากสถานีรถไฟได้เลยก็จะง่าย มีถนนหลักๆ อยู่เส้นเดียว เดินง่ายค่ะ

เรามีโอกาสมาทานร้าน Ristorante Caruso ค่ะ พนักงานบริการดีมากเลย อาหารอร่อย


ส่วนวันถัดไปจะไปไหนต่อ เลือกได้เลยค่ะ!

1. สโลว์ไลฟ์ในอิตาลีตอนใต้ Positano-Amalfi Coast ดินแดนในฝัน ที่เที่ยวคนเดียวง่ายมาก

2. ลุยเดี่ยวเที่ยว Capri เกาะสวรรค์ของเซเลบริตี้ตัวแม่ ในอิตาลีตอนใต้ [Capri Travel Guide]

3. [Unseen Italy ตอนที่ 3] เที่ยว Caserta พระราชวังที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป

หรือกลับไปอ่าน Unseen Italy ตอนที่ 1 เที่ยว ทิโวลี (Tivoli) เมืองสวยใกล้โรม อีกหนึ่งมรดกโลกสำคัญของอิตาลี


สามารถอ่านรีวิวการท่องเที่ยว Unseen Italy ทั้งหมด 8 ตอน ได้ที่

[Unseen Italy ตอนที่ 1] เที่ยว ทิโวลี (Tivoli) เมืองสวยใกล้โรม อีกหนึ่งมรดกโลกสำคัญของอิตาลี

[Unseen Italy ตอนที่ 2] เที่ยว Naples-Pompeii ทำพิซซ่าถึงเมืองบ้านเกิด ดินแดนประวัติศาสตร์ จิบไวน์ภูเขาไฟ

[Unseen Italy ตอนที่ 3] เที่ยว Caserta พระราชวังที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป และ Outlet ใกล้ Naples

[Unseen Italy ตอนที่ 4] เที่ยว Alberobello หมู่บ้านแสนน่ารัก ในแคว้นตรงส้นรองเท้าบู้ท Puglia

[Unseen Italy ตอนที่ 5] เที่ยว Lecce เมืองศิลปะ Italian Baroque แสนอลังการ และ Gallipoli เมืองท่าย้อนยุค ทางตอนใต้ของอิตาลี

[Unseen Italy ตอนที่ 6] เที่ยว Ostuni เมืองสีขาวบนชายฝั่งอิตาลีตอนใต้ และ ที่พักแบบ Masseria

[Unseen Italy ตอนที่ 7] มหัศจรรย์ “Matera” เมืองถ้ำหินเขาวงกต มรดกโลกจากอิตาลี ที่ต้องมาสัมผัสซักครั้ง

[Unseen Italy ตอนที่ 8] โหนซิปไลน์ข้ามหมู่บ้านที่สวยที่สุดในอิตาลี Castelmezzano – Pietrapertosa

อ่านรีวิวการบินไทย บินตรง กทม. – โรม  Click Here

สำหรับใครที่หาตั๋วเครื่องบินราคาถูกอยู่ก็ไปเทียบราคาได้ที่ Skyscanner.com นะคะ คลิ๊กที่นี่ได้เลย!!!

หากชอบรีวิว ช่วยกดไลค์เพจเป็นกำลังใจให้หน่อยนะคะ อย่าลืมติดตามไอจี @eatchillwander ขอบคุณมากๆ ค่า




ติดตาม Eat Chill Wander ได้ที่
Facebook : Eat Chill Wander
Instagram : @eatchillwander
Twitter : @eatchillwander
Youtube : Eat Chill Wander
Website : www.eatchillwander.com

error: