ลุยเดี่ยวเที่ยว Capri เกาะสวรรค์ของเซเลบริตี้ตัวแม่ ในอิตาลีตอนใต้ [Capri Travel Guide]

ในทุกๆ ซัมเมอร์ เราจะต้องเห็นเซเลบเช็คอินกันที่เกาะ Capri กันไม่เคยขาด เกาะคาปรีนั้น เป็นแหล่งท่องเที่ยวสุดหรู และที่พักตากอากาศที่เศรษฐีและเซเลบฮอลลิวู้ดมาจอดเรือไว้เต็มไปหมดเลย ที่นี่เปรียบเหมือนเกาะสวรรค์ของอิตาลี ที่มีทั้งธรรมชาติที่สวยงาม อาหารฟินๆ และ ความชิคของเมือง

โดยทริปนี้เราเดินทางคนเดียวค่ะ จริงๆ เราอยากมาเกาะ Capri หลายปีแล้ว แต่ไม่เคยจองโรงแรมที่ราคาสมเหตุสมผลได้ทันเลยซักปี เพราะ หน้าร้อนของอิตาลี นักท่องเที่ยวจะเยอะมากโรงแรมแถบนี้มักจะเต็มกัน 2-3 เดือนล่วงหน้า

เมื่อก่อนเราก็ไม่เคยเข้าใจว่าทำไมคนดังๆถึงชอบที่นี่ เพราะเกาะก็เล็ก นักท่องเที่ยวก็น่าจะเยอะ แต่กลายเป็นว่า ด้วยความที่เกาะคาปรีเป็นเกาะที่เป็นภูเขาสูง ทำให้รีสอร์ท แยกกันอยู่ตามไหล่เขามีความเป็นส่วนตัวสูงมาก แถมยังไม่มีหาดทรายใหญ่ๆ จึงทำให้การเล่นน้ำทะเลของที่นี่ คือการเช่าเรือยอร์ชออกไปกลางทะเลของใครของมัน

ที่สำคัญ แม้จะเป็นเกาะเล็กๆ มีถนนอยู่ไม่กี่เส้น รถยนต์เข้าไม่ได้ แต่มีช้อปไฮเอนด์ครบทุกแบรนด์เลยนะคะ ชอบไซส์กระทัดรัดน่ารักมาก (คิดดูว่าเมืองใหญ่หลายเมืองในฝรั่งเศส ก็ยังไม่มีช้อปแบรนด์เนมครบขนาดนี้)

นอกจากจัตุรัสเล็กๆกลางเมืองแล้วหากเดินแยกออกไปก็จะเริ่มไม่มีคนแล้วค่ะชิวมากอากาศดีวิวสวย เมืองก็เต็มไปด้วยร้านน่ารักๆ งานศิลปะเยอะมากมาย พร้อมบรรยากาศที่ชิวๆ ที่นี่จึงกลายเป็นสวรรค์ของการมาพักร้อนนั่นเอง


วิธีการเดินทาง

อย่างที่เขียนไว้ในตอนที่แล้วว่าเราใช้ Sorrento เป็นฐานที่พักในการเที่ยว Capri กับ ชายฝั่ง Amalfi และได้เขียนอธิบายแผนการเดินทางไว้แล้วว่าสามารถวางแผนการเดินทางแถวภูมิภาคนี้อย่างไรได้บ้าง [คลิ๊กที่นี่เพื่ออ่านตอนที่แล้ว]

ในตอนนี้ เราจะเล่าเรื่องการเดินทางจาก Sorrento มายัง Capri ค่ะ

เราเลือกใช้เรือ One Day Trip ราคา 50 Euro ซึ่งทุกโรงแรมและตามร้านทัวร์ใน Sorrento มีขาย เราซื้อที่โรงแรมเลย แต่ถ้าไปช่วงหน้า High Season อาจจะต้องจองไปก่อน

เค้าจะส่งรถตู้มารับที่โรงแรม ไปที่ท่าเรือฝั่ง Sorrento จากนั้น เรือจะพาเราไปปล่อยบนเกาะ Capri ตั้งแต่เช้า และรับกลับตอนเย็น ขากลับจะพาไปวนดูจุดต่างๆเช่น Blue Grotto (พายเรือเข้าไปชมได้) Lighthouse หรือ Faraglioni ซึ่งเป็นหิน 3 ก้อนที่เป็นเหมือนแลนด์มาร์คของที่นี่

ข้อดีของเรือแบบนี้คือเค้าปล่อยเราตามสบาย จะไปไหนก็ได้บนเกาะ ไม่ได้เป็นทัวร์ที่ต้องเดินตามไกด์ และราคาไม่ได้ต่างจาก Ferry รายเที่ยวค่ะ

ส่วนใครจะค้างคืน สามารถนั่ง Ferry มาได้เลยค่ะ ในคาปรีเองเป็นเมืองรีสอร์ทท่องเที่ยว โรงแรมและร้านอาหารเยอะมากอยู่แล้วค่ะ


ไปช่วงไหนดี?

ช่วงที่ฮิตที่สุดสำหรับชาวอิตาเลียนและคนยุโรป คือหน้าร้อนค่ะ (กค.-สค.-กย.) ทุกคนคลั่งไคล้หน้าร้อนที่นี่มากๆๆๆๆ แต่อากาศก็ร้อนมากจริงๆ นะคะ แถมคนเยอะ ที่พักต้องจองล่วงหน้านานๆ ถ้าใครอยากเล่นน้ำทะเล และ อาบแดด ก็คงต้องเป็นช่วงนี้ เพราะแดดดีจริงๆ

ส่วนหน้าหนาว (พย.-กพ.) กลายเป็นว่าพอเป็นหน้าโลว์ พวกร้านค้า บาร์ แม้แต่มิวเซียม ในเกาะคาปรี และ ชายฝั่ง Amalfi ปิดทำการกันกว่าค่อนเกาะ เกาะ Capri เหลือร้านอาหารเปิดอยู่แค่ สิบกว่าร้าน ในเว็ปการท่องเที่ยวจะมีอัพเดทรายชื่อร้านที่เปิดช่วงหน้าหนาวในแต่ละปีค่ะ ร้านจะทยอยเปิดช่วงอีสเตอร์เป็นต้นไปค่ะ เรือและบัสมีตามปกติ แต่ก็มีแนวโน้มที่คลื่นแรง ฝนตก เรืออาจจะหยุดหรือต้องยกเลิกด้วยค่ะ

เราคิดว่าสำหรับคนไทยส่วนใหญ่ที่ไม่ชอบอากาศร้อน ไปช่วง เมย.-มิย. และ ช่วง กย. ถึงต้นตค. ก็ได้อยู่นะคะ แต่อากาศอาจจะเย็นหน่อยๆ สำหรับการเล่นน้ำทะเลค่ะ อย่างเราไปเดือน ตค. ก็จะเสี่ยงต่อฝนตก และเราก็เจอฝนค่ะ รูปออกมาเน่าๆ อย่างที่เห็นเลย พอวันถัดมาแดดแรงก็แรงแบบ ร้อนไหม้เลยค่ะ


One Day in Capri

ตอนเช้า รถตู้จะมารับเราที่โรงแรม เพื่อไปส่งที่ท่าเรือฝั่ง Sorrento ค่ะ

นั่งอยู่บนเรือแค่ 20-30 นาที เราก็มาถึง เกาะ Capri แล้ว โดยท่าเรือที่ทุกคนต้องมาลงคือ Marina Grande ค่ะ

แถว Marina Grande เอง ก็มีร้านอาหาร บาร์ เต็มไปหมดเลย และก็มีหาดเล่นน้ำอยู่ด้วย แม้ว่า Capri จะเป็นเกาะ แต่กลับไม่มีชายหาดแบบเกาะทั่วไปนะคะ มีหาดที่เล่นน้ำได้แค่ 2 หาดเล็กๆ นอกจากนี้ เค้าใช้วิธีขับเรือ ไปเล่นน้ำกลางทะเลเอาค่ะ

ต้องอธิบายก่อนว่า ตึกราบ้านช่องใน Capri จะมีอยู่ 2 บริเวณ คือ Capri และ Anacapri ซึ่งทั้งสอง อยู่บนเขาค่ะ ส่วน Marina Grande ที่จอดเรืออยู่ติดทะเล ต้องบอกเลยว่าเดินขึ้นเหนื่อย

จาก Marina Grande เราขึ้นมายัง Capri ด้วยรถรางขึ้นเขาแบบ Funicular ค่ะ ราคา 2 Euro ใช้เวลา 4 นาที (ปิดทำการช่วงหน้าหนาว ส่วนหน้าร้อนถ้าคนเยอะ แนะนำแท๊กซี่ค่ะ) ส่วนถ้าใครจะไปต่อ Anacapri สามารถขึ้นบัสต่อไปได้ค่ะ

วันที่เรามา อากาศค่อนข้างแย่ เลยอยู่ใน Capri เป็นหลักค่ะ

Funicular จะมาส่งเราที่ Piazzetta จากนั้นเราก็เดิน explore คาปรีด้วยตัวเองค่ะ เราเดินหลงๆ โดยมีเป้าหมายในใจแค่ 2 จุด คือ จุดชมวิว Belvedere Tragara กับ Belvedere di Punta Canone

คาปรีในวันฝนตกค่ะ

เราตั้งใจจะไปทานมื้อเที่ยง ที่ร้านอาหารมิชลินสตาร์หนึ่งดาว ที่อยู่ตรงจุดชมวิว Tragara เลย แต่แน่นอนว่า ไม่ได้จองมาก็อดค่ะ เลยมาร้านข้างๆ ที่วิวสวยไม่แพ้กัน

คีย์ของการมาคาปรี คือการพักผ่อนนะคะ เพราะฉะนั้นจะไม่ใช่เมืองที่มีแลนด์มาร์กมากมาย แต่เป็นการสัมผัสบรรยากาศ การใช้เวลา การสัมผัสประสบการณ์มากกว่าค่ะ

ร้านที่เรามาชื่อว่า Ristorante Terrazza Brunella ค่ะ วิวสวยไม่แพ้กัน

มาถึงนี่แล้ว อย่าลืมทานไวน์ Rosato ของคาปรีนะคะ

เรานั่งทานมื้อเที่ยงหลบฝนอยู่พักใหญ่ แล้วจึงออกมาเดินเล่น เพื่อจะไป Belvedere di Punta Cannone ซึ่งเป็นจุดชมวิวที่เห็น Faraglioni หรือหินสามก้อนค่ะ

ระหว่างทางก็จะเจอร้านรวงต่างๆ อย่างร้านน้ำหอม

ที่นี่เซรามิคก็ดังนะคะ

มาถึงแล้วค่ะ สวนตรงจุดชมวิว

วิวแลนด์มาร์กของคาปรีค่ะ

จริงๆ ที่นี่มีเส้นทางเดินริมผาชื่อดังด้วยนะคะ แต่ตอนที่เราไปเค้าปิดด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัยค่ะ ชื่อว่า Via Krupp มองลงไปนี่สูงมากเลยค่ะ

ระหว่างทางจะมีร้านน้ำเลม่อน ที่มีเลม่อนยักษ์โชว์อยู่ด้วย

ตอนแรกจะนั่งรถไป Anacapri ค่ะ ซึ่งหลักๆ ก็คืออยู่สูงกว่า นักท่องเที่ยวน้อยกว่า สงบกว่า แต่ว่า ขี้เกียจ เลยเลือกที่จะเดินเล่น ลงไปที่ท่าเรือแทนค่ะ

กลับมาแถวท่าเรือ Marina Grande แล้ว

จากนั้นเรือก็จะพาไปจุดท่องเที่ยวรอบๆ คาปรี ตามที่แจ้งไว้ในโปรแกรม แต่ไม่ได้จอดนะคะ มีแค่ Blue grotto ที่เค้าจะจอดและภายเรือเข้าไปได้ ในวันที่น้ำไม่สูงค่ะ เราไปวันน้ำสูง เข้าไม่ได้ค่ะ

Blue Grotto คือถ้ำที่น้ำใสสะท้อนเป็นสีฟ้าเทอร์คว๊อยไปหมดเลยค่ะ

จากนั้นก็ต้องพามาลอดหิน ซึ่งเรือต้องขับผ่านรูตรงกลาง เพื่อความโชคดี เป็นพิธีนิดนึงค่ะ 5555

กลับ Sorrento แล้วน๊าาา บ๊ายบาย คาปรีค่ะ


ที่พักใน Capri 

แม้เราจะไม่ได้พักในคาปรี แต่บนเกาะนี้มีที่พักให้เลือกเยอะมากเลยค่ะ ลองไปดูกันได้ค่ะ!

Villa Brunella >> คลิ๊กเพื่อเช็คราคาและจอง

Capri Tiberio Palace >> คลิ๊กเพื่อเช็คราคาและจอง 

Casa Morgano >> คลิ๊กเพื่อเช็คราคาและจอง

Albergo Catto Bianco >> คลิ๊กเพื่อเช็คราคาและจอง

Villa Carolina >> คลิ๊กเพื่อเช็คราคาและจอง

J.K. Place Capri >> คลิ๊กเพื่อเช็คราคาและจอง


อย่าลืมอ่านที่เที่ยวอื่นๆ ในแคว้น Campagna ด้วยนะคะ ไปต่อกันเลย!!

สโลว์ไลฟ์ในอิตาลีตอนใต้ Positano-Amalfi Coast ดินแดนในฝัน ที่เที่ยวคนเดียวง่ายมาก

[Unseen Italy ตอนที่ 2] เที่ยว Naples-Pompeii ทำพิซซ่าถึงเมืองบ้านเกิด ดินแดนประวัติศาสตร์ จิบไวน์ภูเขาไฟ

[Unseen Italy ตอนที่ 3] เที่ยว Caserta พระราชวังที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป

หรือกลับไปอ่าน Unseen Italy ตอนที่ 1 เที่ยว ทิโวลี (Tivoli) เมืองสวยใกล้โรม อีกหนึ่งมรดกโลกสำคัญของอิตาลี


สำหรับใครที่หาตั๋วเครื่องบินราคาถูกอยู่ก็ไปเทียบราคาได้ที่ Skyscanner.com นะคะ คลิ๊กที่นี่ได้เลย!!!

หากชอบรีวิว ช่วยกดไลค์เพจเป็นกำลังใจให้หน่อยนะคะ หรือไปตามไอจี @eatchillwander อัพเดทกันแบบเรียลไทม์ขอบคุณมากๆ ค่า



error: