20 ที่เที่ยว จุดเช็คอิน และ สิ่งที่น่าทำใน มิลาน ประเทศอิตาลี Update 2024 [Milan Travel Guide]

หากกล่าวถึงเมืองสำคัญในอิตาลี ก็คงต้องกล่าวถึง “มิลาน” เป็นหนึ่งในนั้นแน่ๆ …มิลาน (Milan หรือ Milano ในภาษาอิตาเลียน) คือเมืองใหญ่อันดับสองของอิตาลี เป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจการค้า มีการจัดนิทรรศการใหญ่ๆ และแฟชั่นโชว์ทุกฤดูกาล เมืองนี้คึกคักมากๆ เต็มไปด้วยย่านร้านอาหาร คาเฟ่ บาร์ ที่สนุกไม่แพ้เมืองใหญ่เมืองไหนในโลก
มิลานเป็นอีกเมืองที่เที่ยวง่าย มีสนามบินใหญ่ มีเที่ยวบินเยอะ มักจะถูกจัดเป็นเมืองแรกหรือเมืองสุดท้ายหากมาเที่ยวจากเมืองไทยค่ะ ภายในเมืองมีทั้งรถไฟใต้ดินและรถราง ซึ่งทำให้ทั่วเมืองเดินทางสะดวกสุดๆ เลยค่ะ มาชมที่เที่ยวมิลาน อัพเดท 2024 กันเลย!
ข้อมูลทั่วไป
– ที่ตั้ง : มิลาน มีชื่อภาษาอิตาเลียนว่า Milano เป็นเมืองหลวงของแคว้น Lombardy (ในภาษาอิตาเลียนคือ Lombardia) อยู่ภาคเหนือของอิตาลีค่ะ
– อากาศ : มิลาน แม้จะอยู่ค่อนมาทางเหนือของประเทศ แต่ก็มีฤดูร้อนที่ร้อน(มาก) และ ฤดูหนาวที่หนาว(มาก) ค่ะ ช่วงน่าเที่ยวจะเป็น เมษา-พฤษภา และ กันยา-ตุลา ที่อากาศเย็นสบายค่ะ
– การเดินทาง : มิลานมีสนามบินถึง 3 แห่ง ได้แก่ Malpensa, Linate และ Bergamo ขึ้นลงสนามบินไหนเช็คดีๆ นะคะ ตัวสนามบินใหญ่ Malpensa จะมีรถไฟไปกลับ ใช้เวลา ~45 นาที สะดวก ป้ายชัดเจน ที่เหลือมีชัทเทิลบัสค่ะ
ปกติ นัทลงสนามบินไหนก็ได้ เน้นเทียบราคากับเวลาที่เราพอใจค่ะ สำหรับใครที่หาตั๋วเครื่องบินราคาถูกอยู่ก็ไปเทียบราคาได้ที่ Skyscanner.com นะคะ คลิ๊กที่นี่ได้เลย!!!
– วีซ่า : อิตาลี สามารถใช้ วีซ่า Schengen ได้ค่ะ ตอนสมัครวีซ่าแชงเก้น จะต้องมีการยื่นประกันการเดินทาง ซึ่งไม่ว่าทางการจะบังคับหรือไม่ นัทก็แนะนำเสมอว่า เราควรซื้อประกันการเดินทางค่ะ!!! หากเน้นซื้อไปยื่นวีซ่า จะมีประกันการเดินทางเชงเก้นของ LUMA ราคาเริ่มต้นเพียง 385 บาท สำหรับ 1 อาทิตย์ วีซ่าไม่ผ่าน คืนเงิน 100% ด้วยค่ะ
– ประกันการเดินทางเชงเก้นที่นำไปขอยื่นวีซ่าแบบนี้นั้น สามารถซื้อออนไลน์ได้เลย จ่ายเงินสะดวก รับทั้งบัตรเครดิต, โอนเงิน, พร้อมเพย์, LinePay, ShopeePay ฯลฯ แล้วเค้าจะส่งเข้าเมล์ทันที ปริ้นท์ไปยื่นได้เลยค่ะ นัทยื่นแบบนี้ทุกรอบ > https://www.lumahealth.com/th/travel-insurance/schengen/
– ทั้งนี้ทั้งนั้น ไหนๆ ทำประกันแล้วนัทแนะนำ ทำที่มันคัฟเวอร์ไปถึงพวกการเดินทาง เช่น ความสูญเสียหรือเสียหายของทรัพย์สินส่วนตัว เช่น กระเป๋าเดินทางเสียหาย, กระเป๋าเดินทางมาช้า, พาสพอร์ตหาย ไม่ว่าจะจากการโจรกรรม การลักทรัพย์ การชิงทรัพย์ และการสูญเสียจากอุบัติเหตุ อะไรพวกนี้ค่ะ สามารถอ่านรายละเอียดประกันการเดินทางเชงเก้นได้ตามลิงค์เลยนะคะ > https://www.lumahealth.com/th/travel-insurance/schengen/
– การเดินทางโดยรถไฟ : จากสนามบินมิลานที่มี 3 สนามบินแล้ว ในเมือง สถานีรถไฟใหญ่ๆ จะมี Milano Centrale และ Milano Cadorna ถ้าสถานีอื่นจะไกลเมืองค่ะ ต้องดูดีๆ ส่วนใหญ่จะเป็นรถไฟของ Trenitalia กับ Italo ให้บริการ เช็คราคาตั๋วได้ในเว็ปค่ะ
– การเดินทางในเมือง : ภายในเมืองมีทั้งรถไฟใต้ดิน รถราง และ รถบัส ใช้ง่ายค่ะ กดดูตามกูเกิ้ลแมพได้เลย ซื้อตั๋วได้ที่สถานี ถ้าเป็นตั๋วกระดาษ อย่าลืมตอกตั๋ว (Validate) ด้วยนะคะ ถ้าไม่ตอก (Validate) เค้าจะถือว่าเหมือนเราไม่มีตั๋วค่ะ สามารถปรับเราได้ และเดี๋ยวนี้มีแบบซื้อตั๋วบนแอพด้วย จริงๆ การซื้อตั๋วบนแอพก็ดีนะคะ เพราะไม่ต้องไปต่อคิวที่ตู้ นัทว่าตอนต่อคิวที่ตู้ ถ้าสถานีไหนคนเยอะๆ โจรก็อาจจะอาศัยจังหวะแบบนี้ สำหรับมิลานจะชื่อแอพ ATM Milano
– อื่นๆ : อาหารทางแคว้น Lombardia จะมีจานดังคือ Risotto Milanese เป็นริซอตโต้แซฟฟรอน อร่อยมากกก ทานกับ Ossobucco เนื้อตุ๋น อันนี้ห้ามพลาดเลยค่ะ หากเทียบกับเมืองอื่นๆ ในอิตาลี มิลานอาจจะไม่ใช่เมืองเก่าจัดๆ ที่เต็มไปด้วยอารยธรรมเฟื่องฟูในสมัยก่อน แต่ด้วยความเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจ ความเป็นเมืองใหญ่ ทำให้ที่นี่ผสมผสานทั้งสถาปัตยกรรมยุคกลางกับโมเดิร์น มีคัลเจอร์ใหม่ๆ ที่แสนสนุก และมีบรรยากาศที่แตกต่างจากเมืองอื่นในอิตาลี
ที่พักในมิลาน
ไปมิลานพักที่ไหนดี ขอแนะนำย่านปลอดภัยในมิลานค่ะ
ถ้ามาแว้ปเดียว แล้วไม่ได้คิดว่าจะออกไปไหนตอนกลางคืนเยอะ ใช้รถไฟเดินทางเป็นหลัก ก็พักแถวหน้าสถานี Milano Centrale ก็ได้ค่ะ แต่ต้องบอกว่ารอบๆ สถานีนั้น นับเป็นย่านที่ไม่ค่อยน่าอยู่เป็นอันดับต้นๆ ของเมืองนี้เลย คนไร้บ้านเยอะ และมีชื่อเสียงเรื่องโจรนิดนึงค่ะ ซึ่งใดๆ ก็ตาม หากมาถึงแล้วเข้าโรงแรมเลย ก็จะเป็นย่านที่โรงแรมราคาดีและสะดวกที่สุดค่ะ *หากยังไม่คล่อง ไม่แนะนำให้เดินคนเดียวหลังเที่ยงคืน
ย่านที่คึกคักที่สุดน่าจะเป็นแถว Duomo ซึ่งไม่ใช่ย่านที่คลีนหรือไฮโซที่สุด แต่ด้วยความที่คึกคัก เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวตลอดเวลา ก็จะรู้สึกค่อนข้างปลอดภัยค่ะ แบบเดินกลับจากบาร์ใกล้ๆ ตอนตีสองได้
ย่านที่โอเคเลยคือ Brera, Via Montenapoleone มีความคลีน ความหรูหรา โรงแรมห้าดาวจะมาอยู่กันแถวนี้ค่ะ เวลาเดินเราก็จะรู้สึกว่าปลอดภัยกว่าย่านอื่น
อีกย่านที่เป็นแหล่งแฮงค์เอาท์ และคนท้องถิ่นอยู่เยอะคือ Navigli เป็นย่านคึกคัก ตอนกลางคืนคนเยอะมาก แต่อาจจะไม่ใจกลางเมืองมาก
นอกจากนี้คือ พยายามอย่าเดินผ่านไปใน “สวน” ตอนกลางคืน เพราะมุมมืดมันเยอะ แล้วก็ไม่แนะนำให้พักเลยจากพวก Porta (ประตูเมืองมีอยู่รอบเมืองเลย) ออกไปข้างนอกค่ะ พยายามอยู่ฝั่งใน Porta เข้ามาในเมืองไว้ก่อน
ที่พักแนะนำ (คลิ๊กที่ชื่อโรงแรมเพื่อเช็คราคาได้เลยค่ะ)
ที่พักวิวดูโอโม : Amabilia Suites || Flat in Duomo
โรงแรมหรู สปอยตัวเองในเมืองแฟชั่น : Mandarin Oriental Milan || Bulgari Hotel Milano || Armani Hotel Milano || Hotel Principe di Savoia
โรงแรมราคากลางๆ ตามย่านที่น่าอยู่ : Hotel Canada || BB Hotels Smarthotel Duomo || Hotel Mercure Milano Solari || Hotel Milano Scala
โรงแรมใกล้สถานีรถไฟกลาง ลากกระเป๋าต่อเมือง/ไปสนามบินสะดวก แต่ไม่แนะนำให้เดินเล่นตอนกลางคืน : Hotel Bristol || Starhotels Anderson || B&B Hotel Milano Aosta || Spice Hotel Milano
แผนการเดินทาง
มิลานเที่ยวได้ตั้งแต่ เวลาไม่กี่ชั่วโมง ไปจนถึงหลายวัน อยู่ที่ว่าจะทำอะไรค่ะ อย่างถ้าคิดจะช้อปแบรนด์เนมจริงจัง ก็ต้องอยู่หลายวันนะคะ เพราะกว่าจะเข้าไปซื้อทีละช้อป ทำ tax refund ก็ต้องมีชั่วโมงนึงแล้ว
ส่วนใครสายศิลปะ ก็มีแกลเลอรี่และมิวเซียมให้ชมอีกเยอะมาก มีละครเพลงและคอนเสิร์ตอยู่บ่อยๆ ดังนั้น ลองเลือกจากที่เที่ยวมิลานดูว่าสนใจอะไร แล้วลองแพลนทริปดูนะคะ
ที่เที่ยวในเมืองมิลาน
1. Duomo di Milano
แลนด์มาร์กที่สำคัญที่สุดในมิลาน จัตุรัสกลางเมืองที่ใครเห็นภาพก็ต้องทราบว่าที่ไหน
อาสนวิหารแห่งนี้เริ่มสร้างตั้งแต่ปี 1386 และสร้างตัว Facade ด้านหน้าเสร็จจริงๆ ในปี 1900 เองค่ะ นั่นแปลว่า ที่นี่ใช้เวลาสร้างถึง 600 ปีเลยทีเดียว
ที่นี่ยังถือเป็นอาสนวิหาร ที่มีรูปปั้นเยอะที่สุดแห่งนึงของโลกเลยนะคะ มีถึง 3400 ชิ้นเลยทีเดียว
2. Duomo Rooftop
จุดถัดไปที่ไม่อยากให้ทุกคนพลาด ก็ยังอยู่ที่ดูโอโม่เนี่ยแหล่ะ แต่เป็นหลังคา Rooftop ของ Duomo ค่ะขึ้นไปใกล้ชิดกับความวิจิตรตระการตาของอาสนวิหารแห่งนี้
สามารถขึ้นได้ด้วยลิฟท์ แต่ยังไงก็ต้องมีเดินขึ้นบันได รวมๆ ประมาณ 2-3 ชั้นค่ะ แล้วก็ทางลงจะเป็นบันไดอย่างเดียว ต้องซื้อบัตรออนไลน์เท่านั้นนะคะ จะมีบัตรแบบรวมค่าเข้าดูโอโม่ หรือ แบบขึ้นลิฟท์อย่างเดียว หรือจะเลือกขึ้นบันไดก็ได้ค่ะ
พอขึ้นมา เราก็จะได้เห็นรายละเอียดที่ชัดเจนขึ้นมากๆ ค่ะ รูปปั้นกว่าสามพันชิ้น ก็แทรกอยู่ตามส่วนต่างๆ ของเสาที่เป็นเอกหลักเห็นนี้ เป็นงานหินอ่อนทั้งหมดเลย ละเอียดมากๆ และก็ยังจะเห็นวิวของมิลานอีกด้วย
3. Galleria Vittorio Emanuele II
จากดูโอโม่ หันมาข้างๆ ก็จะเจออาคารโดมกระจกสุดอลังการแห่งนี้ค่ะ ที่นี่นับเป็นห้างสรรพสินค้าที่เก่าแก่ที่สุดในอิตาลี และเป็นต้นแบบของห้างสรรพสินค้าในอิตาลีเรื่อยมา สร้างขึ้นในปี 1865 เป็นทางเดินตรงๆ ตัดกันเหมือนเครื่องหมายบวกค่ะ ด้านบนเป็นโดมกระจก ตกแต่งหน้าอาคารอย่างสวยงาม
จริงๆ ตรงนี้ มีไม่กี่แบรนด์ค่ะ แต่สถานที่คือสวยมากกกก แต่ละห้องก็จะสูงถึง 4 ชั้นเลย ดังนั้นแต่ละช้อปก็จะมีหลายชั้นค่ะ ที่อยู่ตรงนี้จะมี Louis Vuitton, Prada, Dior, Gucci แล้วก็อยู่ติดกับห้าง La Rinascente เลยค่ะ ภายในยังมีคาเฟ่ที่เก่าแก่ที่สุดในมิลานชื่อว่า Biffi Caffe อีกด้วยค่ะ
4. Museo Novecento
ชื่อพิพิธภัณฑ์จะแปลตรงตัวว่า 900 ซึ่งหมายถึงยุค 1900s หรือ 20th Century นั่นเอง ตามชื่อเลย ที่นี่เน้นเรื่องศิลปะอิตาเลียนในศตวรรษที่ 20 ตั้งอยู่ใน Palazzo dell’Arengario อันเก่าแก่ และมีการจัดแสดงผลงานที่น่าสนใจมากมาย ที่ช่วยให้เราเข้าใจการพัฒนาของศิลปะยุคโมเดิร์นผ่านมูฟเม้นท์ต่างๆ มีงานของศิลปินที่มีชื่อเสียงอย่าง Umberto Boccioni, Giorgio de Chirico และ Lucio Fontana ที่จะทำให้เราเข้าใจถึงพัฒนาการทางศิลปะของอิตาลีในช่วงร้อยปีที่ผ่านมา พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ ตั้งอยู่ตรงข้าม Duomo เลยค่ะ
5. Camparino in Galleria
ยังคงวนเวียนอยู่รอบๆ Duomo อยู่เลยค่ะ คราวนี้เข้ามาใน Galleria Vittorio Emanuele II ตรงปากทางจะมีค็อกเทลบาร์ชื่อดัง และดังมาเป็นร้อยปี เป็นวัฒนธรรมการทาน Aperitivo แบบแท้ๆ เพราะที่นี่ต่อตั้งด้วย Davide Campari ลูกชายของ Gaspare ผู้คิดค้น Campari ที่กลายมาเป็น Aperitif ชื่อดังในปัจจุบัน ภายในบรรยากาศสวยงาม อย่าลืมสั่ง Negroni นะคะ
6. Marchesi 1824
เบเกอรี่ประวัติศาสตร์ยาวนาน ร้านขนม Pastry ที่มีประวัติศาสตร์ราวสองร้อยปีค่ะ ตอนนี้มีหลายสาขา เป็นหนึ่งในร้านขนมที่ดังที่สุดในมิลานเลย ชิ้นที่เด็ดที่สุดของที่นี่ต้องยกให้ Veneziana เลยค่ะ แต่จริงๆ อย่างอื่นก็อร่อยนะคะ อย่าง Fruit Jelly ที่เหมือนจะดูธรรมดาแต่อร่อยมากๆ แล้วยังมีเครื่องดื่มหลากหลายทั้งชา กาแฟ แล้วก็บาร์จริงจังเลยค่ะ
7. Via Montenapoleone fashion district
ตรงนี้คือศูนย์กลางการช้อปปิ้งแบรนด์เนมเลยค่ะ จริงๆ ไม่ได้อยู่แค่ถนนเส้นเดียวนะคะ ตรงนี้ประกอบไปด้วยถนนหลายเส้น คือ Via Montenapoleone, Via della Spiga, Via Manzoni, Via Sant’Andrea และ Corso Venezia ทั้งหมดอยู่ติดๆ กัน มีแบรนด์ครบแบบช้อปสนุกมากกกก สำหรับนัทนะ Ave Montaigne และ Saint-Honore ที่ปารีสก็ไม่สนุกเท่าค่ะ
8. Sforzesco Castle
ปราสาทป้อมปราการในยุคกลาง ที่ปัจจุบันเป็นที่อยู่ของมิวเซียมถึง 9 มิวเซียม
ปราสาทมีบริเวณค่อนข้างใหญ่ค่ะ ตัวคอร์ทยาร์ดที่เป็นสวนตรงกลาง จะเป็นสวนสาธารณะที่มีคนมาวิ่ง มานั่งเล่น เดินเล่น ไม่เสียค่าเข้าค่ะ
แต่พิพิธภัณฑ์ที่เหลือจะมีค่าเข้าแต่ละที่ไป ได้แก่ The Museum of Ancient Art ที่มีงานมาสเตอร์พีซอย่าง Rondanini Pietà ผลงานชิ้นสุดท้ายที่ยังคงทำไม่เสร็จของมิเคลันเจโล (ไมเคิลแองเจลโล), The Pinacoteca del Castello Sforzesco, The Museum of Musical Instruments ที่รวบรวมเครื่องดนตรีจากทั่วโลก, The Egyptian Museum, The Archaeological Museum of Milan, The Applied Arts Collection และ The Antique Furniture and Wooden Sculpture Museum
9. LuBar
หากพูดถึงหนึ่งในคาเฟ่/ร้านอาหารที่สวยชิคสุดๆ และคนมิลานมากันจริงๆ ไม่ใช่แค่ทัวริสท์ นัทขอยกให้ LuBar เลยค่ะ นอกจากร้านที่ตกแต่งได้น่ารักมีคาแรคเตอร์สวยงาม บรรยากาศดีและมีความเขียวขจี อาหารของที่นี่ยังเป็นสไตล์บรันช์ ทานง่าย มีค็อกเทลและเครื่องดื่มมากมาย เลยกลายมาเป็นที่ที่นัทนัดกับเพื่ออยู่ประจำเลยค่ะ
10. Fondazione Prada
แกลเลอรี่และสถาบันที่แสดงงานศิลปะร่วมสมัยที่ก่อตั้งโดย Miuccia Prada เป็นอีกหนึ่งในแกลเลอรี่งานศิลปะที่ควรมาชมมากที่สุดในมิลานค่ะ (โดยเฉพาะคนที่ชอบโพสท์โมเดิร์นอาร์ตนะคะ) แค่ตัวอาคารก็เก๋แล้ว
ภายในจะมีนิทรรศกาลเวียนไปเรื่อยๆ ด้านในมีอีกหลายห้องจัดแสดง และ มีหลายอาคารเลยค่ะ ช่วงที่นัทไปมีงานของ Damian Hirst ศิลปินร่วมสมัยที่นัทอยากชมงานเค้ามากๆ แล้วก็ยังมีศิลปินร่วมสมัยอีกหลายท่าน อย่าง Jeff Koons, Anish Kapoor, Louise Bourgeois
11. The Last Supper
ภาพนี้เป็นอีกหนึ่งภาพจิตกรรมที่โด่งดังที่สุดในโลก แต่หลายคนไม่ทราบว่า นี่คือภาพเขียนบนผนังโบถส์ค่ะ….
หลายๆ คนจะเข้าใจว่า ภาพ The Last Supper โดย ลีโอนาร์โด ดาวินชี นั้นเป็นภาพเขียนใส่กรอบเหมือนโมนาลิซ่า แต่จริงๆ แล้วภาพนี้ถูกเขียนไว้บนกำแพงโบถส์ที่ชื่อว่า Santa Maria delle Grazie ซึ่งอยู่ในมิลานค่ะ ภาพนี้โด่งดังด้วยสี องค์ประกอบภาพ และ ท่าโพสของสาวก เป็นภาพที่ควรค่ามาชมด้วยตาตัวเองซักครั้งค่ะ
12. Brera District
อีกย่านกินดื่มเที่ยว ที่ถือว่าเป็นย่านที่ฮิปแล้วก็ดูมีสไตล์ไปหมดเลยค่ะ
ด้วยความที่เป็นย่าน นัทจะไม่สามารถบอกแลนด์มาร์กเป็นจุดๆ ได้ แต่เป็นย่านที่อยากชวนมาแฮงค์เอาท์ เพราะเราจะรู้สึกถึงบรรยากาศที่แตกต่างเป็นภาพรวมเลยค่ะ ความรู้สึกเวลาเดินย่านนี้ จะไม่ค่อยเหมือนย่านอื่นในมิลาน นัทว่าเป็นย่านที่ค่อนข้างปลอดภัย และ ไม่วุ่นวายเท่าย่านอื่น ใช้ชีวิตสโลว์ไลฟ์ได้ชิลล์ๆ
13. Santuario di San Bernardino alle Ossa
โบถส์แห่งนี้ ไม่ใช่แลนด์มาร์กหรือสิ่งที่ต้องทำให้มิลานเป็นอันดับต้นๆ แต่เป็นโบถส์ที่แปลกตา เป็นอีกประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใคร และอยู่ห่างจากดูโอโม่ไม่ถึง 10 นาที โบถส์แห่งนี้ มีความแปลกจากการต้องเก็บกระโหลกและกระดูกกว่าพันชิ้นในยุคศตวรรษที่ 13 เนื่องจากไม่มีที่พอที่จะฝัง ทำให้ต้องทำห้องเพื่อเก็บกระดูกโดยเฉพาะ ซึ่งทุกวันนี้ก็จัดเรียงกลายเป็นส่วนหนึ่งของ interior ของโบถส์ไปแล้วค่ะ
14. All’Antico Vinaio
ร้านนี้เป็น Panino ที่นัททานประจำสมัยเรียนฟลอเรนซ์ แล้วเป็นร้านที่ชอบมากกกก ตอนรู้ว่าขยายสาขามาเปิดที่มิลานคือดีใจมากค่ะ Schiacciata นุ่มหอม ไส้ทะลัก
15. Pinacoteca di Brera
อาร์ตแกลเลอรี่หลักของมิลาน ที่แสดงภาพเขียนของศิลปินอิตาเลียนตั้งแต่ยุค 1200 – 1900 เลยค่ะ
16. Starbucks Reserve Roastery
มาถึงมิลาน แนะนำให้มาสตาร์บัคส์หรอ!!?? เอางี้ค่ะทุกคน นัทเรียนที่อิตาลีเนี่ย ไม่มีสตาร์บัคส์นะคะ ทุกคนคิดว่า สตาร์บัคส์ไม่น่ารอดในอิตาลี และ ไม่เคยกล้ามาเปิดในอิตาลี ด้วยคัลเจอร์การทานกาแฟที่แข็งแรงมากๆ ของคนท้องถิ่น จนในที่สุด เมื่อปี 2018 อิตาลีก็มีสตาร์บัคส์เป็นสาขาแรก (และถึงทุกวันนี้ เพิ่งมีแค่ 11 สาขาค่ะ) จนนัทลั่นเลยว่า ถ้าได้ไปมิลานจะไปให้ได้
สตาร์บัคส์สำหรับคนอิตาเลียนบางคน ก็คือกาแฟอเมริกัน ที่เหมือนกับพิซซ่าใส่สัปปะรดอ่ะค่ะ แต่ว่าสาขานี้ เค้าก็เปิดเป็น Roastery เลย ใหญ่มาก สวยมาก ข้างในมีอะไรให้ดูเพียบ มีการคั่วบดกาแฟให้ชมเลย พวกรายละเอียดการตกแต่งก็สวย ถือว่าคึกคักมากๆ เลย ถ้าใครมีโอกาสมามิลานก็อย่าลืมแวะมานะคะ
17. Navigli District
มามิลานแล้วไม่มาแฮงค์เอาท์ริมคลองนาวิลยี เหมือนมาไม่ถึงค่ะ ย่านนี้คือย่านกินดื่มที่คึกคักที่สุดเลย คลองด้านหลังนี้ เป็นคลองที่ใช้จริงนะคะ เพราะสมัยก่อนมิลานมีการสัญจร ขนของต่างๆ ทางน้ำ ขนาดหินอ่อนที่ขนไปสร้างดูโอโม่ ก็ไปทางคลอง แต่ตอนนี้เหลือแค่ที่เดียวแล้วค่ะ ก็คือ Navigli เนี่ยแหล่ะ
แถวนี้เป็นร้านอาหารทั้งแถบเลยค่ะ สิ่งที่ผู้คนนิยมทานคือ Aperitivo แปลตรงตัวว่า Aperitif หรือ อาหารเรียกน้ำย่อย ซึ่งหลักๆ คือ เค้าจะขายดริงค์เราจ่ายแค่ดริงค์ แต่ทานอาหารได้ไม่อั้น เหมือนบุฟเฟต์เลย ถ้าตามไอเดียคือเหมือนให้ทานดริงค์กับอาหารฟิงเกอร์ฟู้ด ก่อนไปดินเนอร์ต่อ แต่เดี๋ยวนี้ อาหารมันเยอะมาก ทุกคนก็คือทานเอาอิ่มจริงจังค่ะ
18. Bar Luce
คาเฟ่ที่ตั้งอยู่ใน Fondazione Prada ซึ่งถูกออกแบบโดยฟิล์มเมคเกอร์ที่มีแนวทางชัดเจนขนาดที่ผู้คนสามารถพูดว่า… ของสไตล์เวสแอนเดอร์สัน, โรงแรมสไตล์เวสแอนเดอร์สัน, ร้านอาหารสไตล์เวสแอนเดอร์สัน หรือแม้แต่ Accidentally Wes Anderson ซึ่งเป็นของที่มีอยู่แล้ว แล้วดูเหมือนอยู่ในหนังเวสแอนเดอร์สัน ได้
และแน่นอนค่ะ หลุดมาอยู่ในคาเฟ่ที่ Wes ทำ ทุกอย่างก็คือดู เวสแอนเดอร์สันมากๆ มันดีมากค่ะ
19. Rooftop Bars
อีกสิ่งที่ควรทำเมื่อมามิลาน คือไปหารูฟท็อปบาร์ วิวสวยๆ จิบเครื่องดื่มเย็นๆ ค่ะ ในภาพจะเป็น Terrazza Apperol ค่ะ ส่วนอีกอันที่ตอนนี้ฮิตมากๆ ต้องให้ The Dome Milano แล้วก็ Terrazza Duomo21 ค่ะ แล้วก็จะมีร้านอาหารด้านบน La Rinascente ที่จะเป็นวิวแบบข้างๆ ดูโอโม่เลยค่ะ
20. Day trip to Bergamo
หากใครเบื่อบรรยากาศในเมืองแล้ว เพียงไม่ถึงชั่วโมง เราสามารถไปเที่ยวเมืองมรดกโลกใกล้ๆ ทีชื่อว่า Bergamo ได้ค่ะ จริงๆ เมืองนี้เป็นที่อยู่ของ 1 ใน 3 สนามบินของมิลาน หากใครบินกลับจากสนามบินนี้ ก็แนะนำให้แวะมาเที่ยวก่อนนะคะเมืองนี้ จะมีเมืองเก่าที่อยู่บนเนินเข้า แล้วมีเมืองด้านล่างอีกที เลยเหมือนมีสองเมืองซ้อนกันอยู่ค่ะ โบถสท์ต่างๆ ก็สวยงามมากๆ
หากใครอยากไปที่อื่นในอิตาลี อ่านต่อได้เลยนะคะ
ครั้งที่แล้วนัทเขียนเรื่องอิตาลีใต้ไว้ ที่เน้น แคว้น Campania และ Puglia ค่ะ
สโลว์ไลฟ์ในอิตาลีตอนใต้ Positano-Amalfi Coast ดินแดนในฝัน ที่เที่ยวคนเดียวง่ายมาก
ลุยเดี่ยวเที่ยว Capri เกาะสวรรค์ของเซเลบริตี้ตัวแม่ ในอิตาลีตอนใต้ [Capri Travel Guide]
[Unseen Italy ตอนที่ 1] เที่ยว ทิโวลี (Tivoli) เมืองสวยใกล้โรม อีกหนึ่งมรดกโลกสำคัญของอิตาลี
[Unseen Italy ตอนที่ 3] เที่ยว Caserta พระราชวังที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป และ Outlet ใกล้ Naples
[Unseen Italy ตอนที่ 4] เที่ยว Alberobello หมู่บ้านแสนน่ารัก ในแคว้นตรงส้นรองเท้าบู้ท Puglia
[Unseen Italy ตอนที่ 5] เที่ยว Lecce เมืองศิลปะ Italian Baroque แสนอลังการ และ Gallipoli เมืองท่าย้อนยุค ทางตอนใต้ของอิตาลี
[Unseen Italy ตอนที่ 6] เที่ยว Ostuni เมืองสีขาวบนชายฝั่งอิตาลีตอนใต้ และ ที่พักแบบ Masseria
[Unseen Italy ตอนที่ 7] มหัศจรรย์ “Matera” เมืองถ้ำหินเขาวงกต มรดกโลกจากอิตาลี ที่ต้องมาสัมผัสซักครั้ง
[Unseen Italy ตอนที่ 8] โหนซิปไลน์ข้ามหมู่บ้านที่สวยที่สุดในอิตาลี Castelmezzano – Pietrapertosa
สำหรับใครที่หาตั๋วเครื่องบินราคาถูกอยู่ก็ไปเทียบราคาได้ที่ Skyscanner.com นะคะ คลิ๊กที่นี่ได้เลย!!!
หากชอบรีวิว ช่วยกดไลค์เพจเป็นกำลังใจให้หน่อยนะคะ อย่าลืมติดตามไอจี @eatchillwander ขอบคุณมากๆ ค่า
ติดตาม Eat Chill Wander ได้ที่
Facebook : Eat Chill Wander
Instagram : @eatchillwander
Twitter : @eatchillwander
Youtube : Eat Chill Wander
Website : www.eatchillwander.com