รีวิว รวม 10 ร้านอาหารที่ดีสุดในเอเชีย จากลิสท์ Asia’s 50 Best Restaurants 2019 ที่เราชื่นชอบ

ประกาศกันไปแล้วกับผลรางวัล Asia’s 50 Best Restaurants 2019 ที่จัดขึ้นที่มาเก๊า โดยสามารถตามไปชมผลรางวัล 50 ร้านอาหารที่ดีที่สุดในเอเชียกันเต็มได้ คลิ๊กที่นี่ ซึ่งหากถามว่า ลิสท์นี้ ต่างจากลิสท์รางวัลอื่นอย่างไร ก็ต้องบอกว่า นี่เป็นลิสท์เดียว ที่รวบรวมนำร้านอาหารทั้งเอเชีย ไม่ใช่แค่เมืองใดเมืองนึง และ แม้ว่าเมืองนั้นจะเป็นเมืองเล็กๆ ที่ยังไม่ได้มีไกด์อื่นๆ เข้าไปทำ ทาง Asia’s 50 Best Restaurants ก็ยังสามารถไปสืบเสาะ และนำทั้งหมดมาจัดอันดับ ทำให้เราได้รู้จักร้านเจ๋งๆ ใน ศรีลังกา บาหลี หรือ มะนิลา เป็นต้น
และอย่างที่เราบอกเสมอว่า เรื่องของการกิน เป็นความชอบส่วนบุคคล ร้านในลิสท์แต่ละลิสท์ ก็จะถูกใจบ้างไม่ถูกใจบ้างแล้วแต่หลักเกณฑ์และสไตล์ วันนี้ Eat Chill Wander เลยขอรวบรวม 10 ร้านที่เราชอบที่สุดจากลิสท์นี้ ในปี 2019 (ตามความชอบส่วนตัวสุดๆ) มาให้ทุกท่านพิจารณา เผื่อทริปหน้า ไปไหนในเอเชีย ก็ลองตามรอยได้นะคะ
1. Gaggan (No.2)
หนึ่งในร้านที่จองยากที่สุดในกรุงเทพฯ และถือเป็นร้านที่เป็นตำนานระดับโลกอีกหนึ่งร้าน อยู่ใกล้พวกเราแค่ซอยหลังสวน เราดีใจที่กรุงเทพฯ มีร้านนี้ ที่ได้อันดับ 1 ในลิสท์มาถึง 4 ปีติดต่อกัน เราแอบสองจิตสองใจไม่อยากทำรีวิวที่นี่ เพราะรู้สึกว่า ทุกคนควรจะได้ไปลอง แบบห้ามอ่านสปอยไปก่อน แต่รับรองว่า 3-4 ชั่วโมงที่ทานดินเนอร์อยู่นั้น สนุกสุดๆ
2. Les Amis (No. 33)
ร้านนี้เป็นร้านคลาสสิคที่กลับไปได้เรื่อยๆ เป็นร้านที่ทำ French Fine Dining ตามธรรมเนียมและถูกต้องมากๆ ทั้งความเป็นเลิศของวัตถุดิบ การแพร์รสชาติ และ เทคนิคในการปรุง รวมไปถึงการบริการที่ดีมากๆ ดูแค่วิธีลงจานกับความฟูของวัตถุดิบในรูปก็น้ำลายไหลแล้ว
ตามไปอ่านรีวิวฉบับเต็ม คลิ๊กที่นี่ได้เลย
3. Otto e Mezzo Bombana (No. 12)
เราว่าอาหารอิตาเลียน จะทำให้โดดเด่นขึ้นมามากๆ ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่การที่ร้านนี้โดดเด่นได้ขนาดนี้มันคือการใส่ใจในเรื่องวัตถุดิบ การต้อนรับ ความรู้สึกเหมือนอยู่บ้าน เหมือนได้กินอาหารอิตาเลียนดีๆ เต็มๆ เราว่าทั้งความใส่ใจและแพสชั่นของเชฟ Umberto Bombona ทำให้ร้าน 8 1/2 ได้รับรางวัลมากมายขนาดนี้
4. L’efferessence (No. 26)
ร้านนี้คือส่วนผสมของเชฟคนญี่ปุ่น ที่มีปรัชญาหลายแง่แบบญี่ปุ่น ในประเทศที่มีวัตถุดิบดีๆ เซอร์วิสมายด์ชั้นเลิศ และ เค้าเลือกทำอาหารฝรั่งเศส ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมานั้น ทำให้ร้านนี้ในโตเกียว กลายเป็นร้านที่มีเอกลักษณ์ มีความซับซ้อนของรสชาติของวัตถุดิบที่เค้าพยายามดึงออกมา โดยที่ยังดูค่อนข้างมินิมอล และเชฟก็ยังเชื่อในเรื่องของ Sustainability อีกด้วย ทำให้เราชอบร้านนี้มากๆ ค่ะ
5. Gaa (No. 16)
เชฟการิมา นี่เราชอบในแพสชั่นมาตั้งแต่เปิดร้านเลยค่ะ เวลาไปทานร้านนี้ เหมือนไปดูหนัง ดูวัตถุดิบที่เชฟสรรหามา ที่นี่หมักซอสทุกอย่างเองนะคะ ทำทุกอย่างจาก scratch ใช้วัตถุดิบท้องถิ่นทั้งหมด ซึ่งเชฟ ไปตามสรรหาวัตถุดิบเหล่านี้ด้วยตัวเอง ทำให้เราได้ลองทานอะไรหลายๆ อย่าง เช่น ม่อนไข่ มะนาวคาเวียร์ เป็นมื้อที่สนุกอีกมื้อเลยค่ะ เชฟมี persona ของตัวเอง ผสมผสานกับร้านดังๆ ในโลกที่เชฟเคยร่วมงานด้วยอยู่อย่างลงตัวมากๆ ทั้งเรื่องความคิดสร้างสรรค์และการจัดการกับวัตถุดิบค่ะ คิดว่าเป็นอีกหนึ่งร้านที่ควรมาโดนในกรุงเทพค่ะ
นี่เป็นร้านที่พูดทุกปีว่าอยากให้อยู่ในลิสท์ จนปีนี้ได้อันดับที่ 16 ไปเรียบร้อยค่ะ เป็น Highest Entry เลย
ไปอ่านรีวิวฉบับเต็มกันได้เลย คลิ๊กที่นี่
6. Lung King Heen (No. 38)
ขอมาแนวอาหารจีน ที่ใช้เทคนิคของจีนแท้ๆ บ้างนะคะ หากถามถึงอาหารจีน หลายๆ ครั้ง เรามักจะสั่งซุปไก่มาลองค่ะ ซุปไก่เฉยๆ เลยเนี่ยแหล่ะ ที่นี่คือเบิกเนตรมากเลยค่ะ เป็นหนึ่งในร้านอาหารจีนอันดับต้นๆ ในโลกจริงๆ อีกอย่างที่ประทับใจไม่เคยลืมคือหมูหันค่ะ
ไปอ่านรีวิวฉบับเต็มกันได้เลย คลิ๊กที่นี่
7. Le Du (No. 20)
เชฟต้น เป็นอีกหนึ่งท่านที่เราชื่นชมมากๆ ในการยกระดับวัตถุดิบไทย และ ทำให้เราได้รู้จักอาหารไทยให้มากขึ้นค่ะ แม้วิธีปรุงและเทคนิคจะเป็นแนวตะวันตก แต่เวลาเราทานแล้ว เราจะรู้เลยว่า เชฟได้รับแรงบันดาลใจมาจากอาหารจานไหนของไทยค่ะ ซึ่งบางทีเราไม่ได้มีโอกาสไปสัมผัสเอง ก็ได้สัมผัสผ่านอาหารของเชฟเช่นเดียวกัน
8. Wing Lei Palace (No. 36)
จริงๆ แล้วชาวไทยหลายท่าน น่าจะคุ้นเคยกับ Chef Tam Kwok Fung, เชฟคนใหม่แห่งห้องอาหาร Wing Lei Palace กันเป็นอย่างดี เพราะเชฟเคยทำงานอยู่ที่ เพนินซูล่ากรุงเทพ มาหลายปี ก่อนจะย้ายไปร้านที่ปัจจุบันได้สามดาวมิชลิน อย่าง Jade Dragons และ ย้ายมาร้านนี้ค่ะ ซึ่งเชฟเป็นหนึ่งคนที่เชื่อในการทำอาหารจีนแบบ Innovative และยังคงความเป็น Tradition ซึ่งนำเสนอออกมาได้น่าสนใจมากๆ
9. Paste (No. 28)
เวลาแนะนำร้านอาหารไทยทีไร เราแนะนำร้าน Paste ตลอดเลย อาหารเชฟบีเป็นอาหารที่กลมกล่อม หอม หอมสมุนไพรที่ปกติเรากินไม่ได้และรู้สึกเหม็นเขียว แต่ที่นี่ทุกอย่างลงตัวพอดีมากๆ แม้อาจจะไม่ถูกใจคนชอบรสจัด แต่เราว่านี่เป็นหนึ่งในรสและการนำตำราอาหารไทยมาทำได้อย่างลงตัวมากๆ ค่ะ
10. Suhring (N0. 4)
ร้านเยอรมันไฟน์ไดนิ่งยืนหนึ่งในกรุงเทพฯ กับบรรยากาศแสนอบอุ่น ทั้งความคิดสร้างสรรค์และเทคนิคการทำอาหาร รวมถึงเรื่องราวของเชฟแฝด ทำให้เค้าได้รับรางวัลมากมายจริงๆ ค่ะ
อ่านรีวิวฉบับเต็ม คลิ๊กที่นี่
หากชอบรีวิว ช่วยกดไลค์เพจเป็นกำลังใจให้หน่อยนะคะ หรือไปตามไอจี @eatchillwander อัพเดทกันแบบเรียลไทม์ขอบคุณมากๆ ค่า