[รีวิว] พักผ่อนแบบฟินๆ ที่ Four Seasons Hong Kong โรงแรมฮ่องกง ที่เรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบ
สำหรับเราแล้ว ฮ่องกงถือว่าเป็นเดสติเนชั่นลำดับต้นๆ ในเอเชียสำหรับสายกิน โดยเฉพาะอาหารแบบ Fine Dining ทั้งไวน์ลิสท์ที่เยอะ การนำเข้าวัตถุดิบดีๆ ได้มากตามดีมานด์ เกริ่นมาแบบนี้อาจจะดูแปลกในรีวิวโรงแรม แต่เราเลือกโรงแรมนี้ เพราะ โรงแรม Four Seasons Hotel Hong Kong เป็นโรงแรมที่มีร้านอาหารที่ได้จำนวนดาว Michelin รวมกันเยอะที่สุดในโลกขณะนี้
นอกจากความอลังการในเรื่อง Gastronomy แล้ว โรงแรมนี้ถือเป็นโรงแรมที่สมบูรณ์แบบมากๆ ทั้งเรื่องของโลเคชั่น สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ในโรงแรม วิวจากห้องนอน ห้องนอนว่ากว้างแล้ว ห้องน้ำกว้างมาก สระว่ายน้ำหลายสระ ฟิตเนส และ Wellness เรียกได้ว่า ตลอด 3 วัน 2 คืนที่อยู่ที่พักที่นี่นับเป็น quality time มากๆ ค่ะ เราใช้เวลาอยู่โรงแรมเยอะมาก และไม่คิดเลยว่า เมืองที่ดูวุ่นวายๆ มีความหว่องๆ แบบฮ่องกง มันจะมีความผ่อนคลายแบบนี้อยู่ นับเป็นความ luxury อย่างแท้จริง
เช็คราคาและจองกับ Booking.com Click Here!
เช็คราคาและจองกับ Agoda.com Click Here!
Location
ถ้าใครเคยอ่านรีวิวโรงแรมของเรา เราจะไม่เคยเริ่มรีวิวจากเรื่องโลเคชั่น แต่ที่นี่ไม่ว่าคุณจะเดินทางมาจากสนามบิน เรือเฟอร์รี่ รถไฟใต้ดิน รถบัส สะดวกทุกทาง ตัวอาคารเองตั้งอยู่ร่วมกับตึก IFC ดังนั้น หากใครสายช้อปปิ้งนี่สะดวกสุดๆ มีทุกแบรนด์อยู่ในห้าง ตั้งแต่แบรนด์หรูยันแบรนด์ธรรมดา มีร้านกาแฟฮิตๆ อยู่ครบ เดินลงไปเป็น % Arabica Coffee งี้ ซุปเปอร์มาร์เก็ตข้างล่างก็คือดีมาก
ถ้ามาจากสนามบิน คือออกมาจาก Airport Express ขึ้นลิฟท์มา ก็จะอยู่ในตัวอาคารเลยค่ะ ส่วนถ้าใช้สถานี Central ก็เดินลัดใต้ดินไปได้เลยค่ะ สถานีเชื่อมกัน ถ้าใครมาจากมาเก๊าทางเฟอร์รี่ก็สามารถ ลากกระเป๋าผ่านสะพานลอยมาได้เช่นกัน เดินง่ายมาก ส่วนแถวๆ โรงแรมก็มี Attractions คาเฟ่เก๋ๆ ร้านอาหาร ร้านห่านย่างชื่อดังก็อยู่ไม่ไกล บาร์ จุดถ่ายรูป อยู่แถวนี้หมดเลยค่ะ
ถ้าจะข้ามไปฝั่ง จิมซาจุ่ย ก็แค่เดินข้ามสะพานลอยไปนั่งเรือข้ามฟาก แป้ปเดียว ถึงเลย หรือจะนั่งใต้ดินก็ได้ค่ะ
Deluxe Harbour View Room with King Bed
เราพักแบบ Deluxe Harbour View Room ค่ะ น่าจะเป็นออปชั่นที่ราคาต่ำสุด ตอนแรกดูรูปก็รู้สึกเฉยๆ ไม่โดดเด่น แต่พอได้ไปพักจริงๆ รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ของวัสดุที่ใช้คือดีมากๆ เลยค่ะ พวกเฟอร์นิเจอร์ไม้ ท็อปหินอ่อน มีความ luxury แบบคลาสสิกมากๆ
ขนาดห้อง นับว่าใหญ่มาก ถ้าเทียบกับโรงแรมทั่วไปในฮ่องกงที่ขนาดอยู่ที่ไม่เกินสามสิบกว่าตารางเมตร ห้องที่เราพักมีขนาด 45 ตารางเมตร ค่ะ
โต๊ะทำงานกว้างขวาง มีมุมโซฟา ที่มีหนังสือ นิตยสาร ฉบับใหม่หลายเล่ม นั่งชมวิวอ่าววิคตอเรียกันได้เพลินๆ เลยค่ะ
สิ่งอำนวยความสะดวกภายในห้องครบครันค่ะ ที่ไม่มีคือเตารีดกับโต๊ะรีด แต่ขอได้นะคะ
ตู้เสื้อผ้าแขวนได้เยอะดีค่ะเราชอบ มีตู้เซฟ สลิปเปอร์ ร่ม ที่ขัดรองเท้าและช้อนรองเท้า ครบถ้วนค่ะ
มาดูกันที่เคานเตอร์มินิบาร์ค่ะ แม้ว่าค่าห้องจะไม่ได้รวมมินิบาร์ แต่ของหลากหลายมากนะคะ ส่วนที่เราชอบมากๆ คือ ของ complimentary ก็ดีมากๆ เลยค่ะ มีเซ็ทชา กาแฟ เครื่องทำกาแฟ ชอบที่กาน้ำชาพร้อมมากๆ ส่วนเครื่องแก้วและภาชนะอื่นๆ ก็มีให้ครบ เค้าแอบมาเติมน้ำแข็งในถังน้ำแข็งให้ตลอดด้วยค่ะ
ที่สำคัญ น้ำดื่มที่ให้เป็นน้ำแร่ Fiji ค่ะ แฮปปี้มากกกกก ใช้ทั้งโรงแรม ที่ฟิตเนส กับ สระว่ายน้ำ ก็เป็นน้ำฟิจิให้ ซึ่งเค้าจะมาเติมตอนเทิร์นดาวน์ด้วยนะคะ
อีกจุดที่แสดงให้เห็นถึงความใส่ใจคือ ชุด stationary ซึ่งมีครบเลยค่ะ แมค สก๊อตเทป กรรไกร กระดาษโน้ต แล้วก็มีปลั๊กพ่วง รวมถึงสายชาร์จต่างๆ ให้ด้วยนะคะ ใส่ใจรายละเอียดมากๆ
มาถึงห้องน้ำกันบ้างค่ะ เป็นอีกที่ที่เข้าไปวิ่งเล่นในห้องน้ำได้ กว้างมากเลยค่ะ มีของใช้จำเป็นให้ครบค่ะ สบู่ แชมพู เป็นของ Loccitane
ในห้องน้ำจะแบ่งเป็นห้องส้วม ห้องชาวเวอร์ และ อ่างอาบน้ำค่ะ
Swimming Pools
เราชอบสระว่ายน้ำที่นี่มาก ด้วยวิวอ่าววิคตอเรีย และบรรยากาศ ทำให้มาทั้งตอนเช้าและตอนเย็น
ข้อดีมากๆ ของสระว่ายน้ำที่นี่คือ ปิด 4 ทุ่ม ทำให้มีเวลามาสระว่ายน้ำมากขึ้น และสามารถชมวิวแสงไฟสวยๆ ยามค่ำคืนซึ่งเราว่า วิวตรงนี้ ไม่แพ้ที่อื่นเลยค่ะ
อีกข้อคือ สระว่ายน้ำที่นี่มีหลายสระ สระใหญ่จะเป็นน้ำอุ่นตลอด สามารถว่ายได้แม้วันหนาวๆ ค่ะ ส่วน Jacuzzi ก็จะอุ่นขึ้นมาอีกนิดนึง ซึ่งฟินมากนะคะ ตอนเช้ากับตอนเย็นที่ได้แช่จากุชชี่นี่สบายตัวมากๆ เลยค่ะ
ข้างๆ บ่อจากุชชี่จะมี plunge pool แบบเย็นจัดให้จุ่มตัวได้ แล้วก็ฝั่งที่หันไปทาง The Peak จะเป็นสระว่ายน้ำแบบ lap pool มาตรฐานนะคะ แต่สระนี้จะไม่มีเครื่องทำน้ำอุ่นค่ะ
ที่สระว่ายน้ำ พนักงานจะดูแลเรื่องผ้าเช็ดตัว น้ำดื่ม และ ปูเตียงริมสระให้ค่ะ
อันนี้ตอนเย็นค่ะ จะเห็นว่าเรายืนตรงกลางใช่มั้ยคะ สระที่ติดทะเลจะเป็นสระอุ่น ส่วนสระด้านหน้า คือสระว่ายน้ำมาตรฐาน ไม่มีเครื่องทำน้ำอุ่นค่ะ
ตัดภาพมาตอนกลางคืน แสงไฟสวยเชียวค่ะ เรือแล่นผ่านไปผ่านมา มองเพลินมาก น้ำก็อุ่น ไปเที่ยวทั้งวัน กลับมาแช่กลางคืนก็ทันค่ะ หายเมื่อยเลย
Breakfast
เรามีโอกาสทานทั้ง In-room breakfast และแบบบุฟเฟ่ต์นะคะ
เริ่มจาก In-Room Breakfast ก่อนค่ะ มีให้เลือกเป็นเซ็ท เซ็ทคอนทิเนนทัลปกติ แล้วทีเด็ดคือมีเซ็ทฮ่องกง กับ เซ็ทญี่ปุ่นค่ะ
เราสั่งเป็นเซ็ทฮ่องกง กับ คอนทิเนนทัล ค่ะ เซ็ทฮ่องกงดีงามมาก เป็นโจ๊ก ติ่มซำ แล้วก็ผัดหมี่ รสชาติดีค่ะ ส่วนเซ็ทคอนทิเนนทัล ครัวซองอร่อยมาก ทุกอย่างครบค่ะ น้ำผลไม้สด
มาดูห้องอาหารเช้าด้านล่างบ้างนะคะ มี 2 ห้องค่ะ คือ The Lounge กับ Blue Bar ค่ะ ที่ The Lounge จะเป็นแบบ A La Carte ค่ะ
ส่วนเราเลือกอีกห้องซึ่งเป็นแบบบุฟเฟ่ต์ ครบครันมาก ถือว่าเป็นไลน์ที่ใหญ่มาก มีตั้งแต่ จีน ญี่ปุ่น เกาหลี ฝรั่ง ที่ชอบมากคือไลน์ชีสกับโคลด์คัท แล้วก็ โยเกิร์ตที่ใช้ของ Bodier ปลื้มมากค่ะ เป็นไลน์อาหารเช้าที่ใช้ของดีมากกกกก
แฟนเราชอบ เกี๊ยวน้ำ กับ เนื้อย่างในโซนญี่ปุ่นมากๆ ดีจริงๆ
Gym and Wellness
ฟิตเนสที่นี่ดีมากเลยค่ะ วิ่งลู่ไปดูวิวไป ไม่พอ อุปกรณ์ครบครันมากๆ พื้นที่กว้างมากนะคะ มีเครื่องเวทอีกฝั่งนึงด้วยที่เราไม่ได้ถ่ายมา เพราะมีคนเล่นอยู่ ครบและกว้างจนตกใจ กว้างกว่าฟิตเนสในกรุงเทพบางที่อีกค่ะ มีผลไม้ให้ทานด้วย
อีกทีเด็ดในเรื่อง Wellness ที่นี่ คือ ห้องซาวน่า ห้องสตรีม และ Vitality Pool ใช้ฟรีนะคะ เข้ามาใช้ได้เลย อยู่ติดกับสระว่ายน้ำเลยค่ะ เราก็แช่ Vitality Pool หายเมื่อย ฟินๆ ไป
Dining : Most Michelin Stars under one roof!!
สุดท้ายที่ขาดไม่ได้ เกริ่นมาตั้งแต่ต้นรีวิว ห้องอาหารค่ะ ที่นี่มีห้องอาหาร 6 ห้องค่ะ 3 ห้องจะเป็น The Lounge ตรงส่วนล็อบบี้ ที่เสิร์ฟอาหารเช้า อาฟเตอร์นูนที, Pool Terrace ริมสระน้ำ แล้วก็ Blue Bar เป็นบุฟเฟ่ต์ทั้งวันค่ะ
อีก 3 ห้องคือสุดยอดไฮไลท์ที่โรงแรมเค้าภาคภูมิใจค่ะ เพราะเป็นร้านอาหารที่ได้รางวัลมิชลินสตาร์ ทั้ง 3 ร้าน และนับดาวรวมกันออกมา กลายเป็นโรงแรมที่มี ร้านอาหารได้ดาวมิชลินรวมกันเยอะที่สุดในโลกเลยนะคะ
ห้องแรกคือ Lung King Heen *** ตำนานร้านอาหารจีนกวางตุ้งร้านแรกของโลกที่ได้รับ 3 ดาวมิชลิน และก็ได้ติดต่อกันมา 10 ปีแล้วค่ะ หมูหันอร่อยน้ำตาไหลมาก ไปอ่านรีวิวฉบับเต็ม คลิ๊กที่นี่
ห้องที่สอง คือ Caprice *** ห้องอาหารฝรั่งเศส 3 ดาวมิชลิน เช่นเดียวกันค่ะ บริการและอาหารของที่นี่เหนือระดับมาก นิยามทุกอย่างของคำว่า french fine dining ได้อย่างแท้จริง ไปอ่านรีวิวฉบับเต็ม คลิ๊กที่นี่
ร้านที่สาม คือ Sushi Saito ** อันเดียวกับที่จองยากมากกกกกกกกกกกในโตเกียวค่ะ เชฟส่งมือขวามาเปิดร้าน ที่นี่จองยากเช่นกัน ต้องล่วงหน้านิดนึง เราก็อดไปตามระเบียบ ที่นี่ได้รางวัลการันตี อีก 2 ดาวมิชลินค่ะ
หากใครมีโอกาสมาฮ่องกง แล้วอยากสปอยตัวเองแบบฟินๆ ลองเก็บ Four Seasons Hong Kong ไว้พิจารณาดูนะคะ!
เช็คราคาและจองกับ Booking.com Click!
เช็คราคาและจองกับ Agoda.com Click!
โรงแรม Four Seasons Hotel Hong Kong
ตั้งอยู่ในตึก IFC สถานี Hong Kong
Website : https://www.fourseasons.com/hongkong/
Tel. : +(852) 3196 8333