[เที่ยวรัสเซียด้วยตัวเอง EP.5] ล่าแสงเหนือ เล่นกับเรนเดียร์ ทานปูทาราบะ ที่เมือง Murmansk

แสงเหนือ นับเป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่น่าอัศจรรย์ ซึ่งจะเกิดได้ในบริเวณที่ใกล้กับขั้วโลกเหนือเท่านั้น นั่นหมายความว่า หากเราอยากชมแสงเหนือ เราจะต้องเดินทางไป ณ เมืองต่างๆ ที่อยู่ใกล้เส้นวงกลมอาร์คติกเพื่อเพิ่มโอกาสในการเห็น ซึ่งประเทศส่วนใหญ่เป็นประเทศที่คนไทยจะต้องขอวีซ่า ยกเว้น ประเทศรัสเซีย ซึ่งมีพื้นที่ติดขั้วโลกเหนือ และมีเมืองใหญ่อย่าง Murmansk (เมอร์มังส์ หรือ มูร์มังส์) เป็นเมืองที่เหมาะกับการไปเที่ยวชมแสงเหนือ ชมธรรมชาติแปลกตา เล่นกับเรนเดียร์ และเต็มไปด้วยซีฟู้ดอร่อยๆ มากมายเลยค่ะ


ข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับการเที่ยว Murmansk

– Murmansk ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศรัสเซียค่ะ (เขียนไปแล้ว แต่ขอเขียนอีกทีว่า ประเทศรัสเซียขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ฝั่ง Murmansk คือติด นอร์เวย์ ฟินแลนด์ เลย แต่ถ้าเราไปฝั่งตะวันออกสุดทางเหนือ เค้าจะติดกับอลาสก้าและอยู่เหนือญี่ปุ่นค่ะ)

– การมา Murmansk มีไฟลท์บินจากเมืองใหญ่ๆ ของรัสเซียตลอดค่ะ โดยเฉพาะ มอสโคว์ กับ เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก มีไฟลท์ทุกวัน ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงค่ะ ครั้งนี้ ขาไปจากเซนท์ปีเตอร์สเบิร์กนัทบินสายการบิน Smartavia ส่วนขากลับกลับเข้ามอสโคว์ใช้ Aeroflot ค่ะ

– การเที่ยวใน Murmansk มาเที่ยวเองได้ แต่สุดท้ายแล้วยังไงก็น่าจะต้องใช้ไกด์ท้องถิ่นหรือคนขับรถ เพราะแต่ละจุดอยู่ห่างกัน เป็นเมืองขั้วโลก หิมะหนา ควรมีประสบการณ์มากๆ และถือว่ามีอุปสรรคด้านภาษาเยอะพอสมควรเลยค่ะ

– สำหรับทัวร์ ของนัทยังคงใช้เจ้าเดิมที่ใช้มาตั้งแต่มอสโคว์ คือคุณ Pavel ติดต่อได้ที่ไลน์ choustrov พิมพ์ไทยหรืออังกฤษก็ได้ค่ะ หรือ เมสเสจไปที่ Facebook Pavel Tours ก็ได้ค่ะ ซึ่งเค้าก็จะมีไกด์ท้องถิ่นที่ Murmansk ให้อีกที

– ทริปนี้ นัทไปสองเมืองค่ะ คือ Murmansk กับ Teriberka ซึ่งนัทชอบ Teriberka มากๆ เป็นเมืองชาวประมงเล็กๆ มีธรรมชาติที่สงบ นักท่องเที่ยวไม่เยอะ Murmansk นั้นจะตั้งอยู่เข้ามาในแหลม Kola แต่เมือง Teriberka คืออยู่เหนือขึ้นไปอีก ไปอีก 2 ชั่วโมง อยู่แบบติดขอบทะเลอาร์คติกจริงๆ เลยค่ะ เป็นทะเลเปิดเลย

– โปรแกรมของนัทคือ 2 คืน มาถึงเที่ยว Murmansk ก่อน แล้วไปนอน Teriberka ตื่นมาเที่ยว Teriberka ทั้งวัน แล้วกลับมานอน Murmansk ก่อนขึ้นเครื่องกลับในวันถัดไป แต่ถ้ามีเวลาและเป็นสายชิลล์สโลว์ไลฟ์มาก จริงๆ นัทอยากอยู่ Teriberka อีกซักคืนค่ะ

– Murmansk มีปรากฎการณ์ Polar Day – Polar Night ด้วยนะคะ นั่นก็คือ ช่วงต้นธันวา – กลางมกรา จะไม่มีแสงอาทิตย์เลย พระอาทิตย์จะไม่เคยขึ้นเลย ตลอด 24 ชั่วโมง ส่วนวันถัดจาก Polar Night หรือวันที่พระอาทิตย์จะขึ้นครั้งแรกหลังจากมืดสนิท 40 วัน เค้าจะมีพระอาทิตย์ขึ้นมา 17 นาทีค่ะ แล้วตกเลย ซึ่งปีหน้านี้คือวันที่ 11 มกราคม 2024 ค่ะ

– เมื่อกี้คือปลายปีเป็น Polar Night ส่วนปลายพฤษภา จนถึงกลางกรกฎา คือพระอาทิตย์ไม่ตกเลยยยยย เรียก Polar Day หรือหลายคนเรียกพระอาทิตย์เที่ยงคืน ซึ่งถ้าใครไปช่วงนี้ก็จะไม่เห็นแสงเหนือนะคะ เพราะฟ้าไม่มืด พระอาทิตย์ไม่ตก

– รีวิวนี้ นัทมาปลายเดือนกันยา ต้นตุลาค่ะ หิมะตกครั้งนึง

– แผนการเดินทางและค่าใช้จ่าย เค้าคิดมาแบบรวมทั้งทริป นัทเขียนไว้ในรีวิวเที่ยวรัสเซีย ตอนที่ 1 ไปอ่านได้ >> คลิ๊กที่นี่ ค่ะ


Aurora Borealis หรือ แสงเหนือเกิดจากอะไร? 

จะไปล่าแสงเหนือที่รัสเซีย เรามารู้จักแสงเหนือกันหน่อยค่ะ คือปกติ รอบๆ ดาวโลกเนี่ยจะมีสิ่งที่เรียกว่า พายุสุริยะ และ มีอนุภาคที่พุ่งเข้ามาหาโลกอยู่แล้ว ซึ่งสนามแม่เหล็กโลกมีหน้าที่ป้องกันอนุภาคเหล่านี้ ทำให้เราไม่เห็นที่อื่น ยกเว้นตรงขั้วของสนามแม่เหล็กโลกซึ่งเหมือนเป็นจุดบอดที่มีอนุภาคพุ่งเข้ามาได้ใกล้และมาถึงชั้นบรรยากาศของโลก

ส่วนสีที่เราเห็นจริงๆ คือสีของอนุภาคที่วิ่งเร็วมาก มาชนกับก๊าซในชั้นบรรยากาศนั่นเองค่ะ

ทั้งหมดทั้งมวลนี้ มันเกิดเมื่อไหร่ก็ได้ เกิดตลอดปี เกิดบ้าง อ่อนบ้าง แรงบ้าง ไม่แรงบ้างสลับกันไป แต่เหตุผลถัดไปที่เราต้องไปให้ถูกเดือนก็คือเพราะว่า บางเดือนในแถบขั้วโลกมันสว่างด้วยแสงอาทิตย์ทั้งวันค่ะ ดังนั้น พ๊อยท์คือต้องไปฤดูที่มีช่วงฟ้ามืด หลักการคล้ายๆ กับดูดาวเลย ดาวมันก็อยู่บนฟ้าตลอด แต่ถ้าฟ้าไม่มืดก็ไม่เห็น และ ถ้าเมฆบังก็ไม่เห็นค่ะ

สรุปแล้ว ต้องอาศัยประมาณ 3 อย่าง คือ 1. ฟ้ามืด มีมลภาวะทางแสงให้น้อยที่สุด 2. ฟ้าเปิด เมฆไม่บัง  3. ค่า KP ซึ่งคือค่าการถูกรบกวนของสนามแม่เหล็กโลก ถ้าสนามแม่เหล็กโลกถูกรบกวนเยอะ ก็เปิดให้อนุภาควิ่งเข้ามาชนกับชั้นบรรยากาศได้เยอะ เราก็จะเห็นแสงเหนือได้เยอะค่ะ

ถามว่า แล้วต้องไปดูเดือนไหน กะคร่าวๆ นะคะ ช่วงฤดูหนาว ธค.-กพ. กลางคืนยาวและมีช่วงที่พระอาทิตย์ไม่ขึ้นเลย มืดเกือบตลอดวัน ลุ้นแสงเหนือได้เยอะขึ้น แต่ก็ต้องเที่ยวแบบไม่มีแสงอาทิตย์ ไม่มีกลางวันเลย ส่วนช่วงใบไม้ร่วงกับใบไม้ผลิ (ราวๆ กย.-พย. และ มีค.-เมย. บวกลบ) มีทั้งกลางวันกลางคืนค่ะ ส่วนฤดูร้อนคือพระอาทิตย์ไม่ตก ไม่มีช่วงฟ้ามืด หรือกว่าพระอาทิตย์จะตกก็ห้าทุ่ม ขึ้นอีกตีสอง แบบนี้ ดาวยังไม่ทันเห็นเลยค่ะ อย่าว่าแต่แสงเหนือ

อย่างที่บอกว่า จุดบอดของสนามแม่เหล็กโลก มันอยู่ตรงขั้วโลก ปรากฏการณ์ฝั่งขั้วโลกเหนือ ก็จะเห็นได้ที่ ไอซ์แลนด์, นอร์เวย์, สวีเดน, ฟินแลนด์, กรีนแลนด์, สหรัฐอเมริกา, แคนาดา และ นั่นทำให้รัสเซีย เป็นแสงเหนือเดียวที่คนไทยไม่ต้องขอวีซ่าค่ะ

จริงๆ นอกจากแสงเหนือแล้ว โลกเราก็มีแสงใต้เช่นกันค่ะ อยู่ใกล้ขั้วโลกใต้ สามารถไปดูได้ที่ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ แล้วก็ถ้าจะให้พูดเว่อๆ อีกที่ที่ดูแสงแบบนี้ได้โดยไม่ต้องขอวีซ่า คือ แสงใต้ทางตอนใต้ของชิลีและอาร์เจนติน่าค่ะ


Journey in Murmansk

จากตอนที่แล้ว เรานั่งเครื่องบินออกจาก St. Petersburg มาราวๆ 2 ชั่วโมงก็ถึง Murmansk แล้ว ก็ไปทานอาหารกันก่อนเลยค่ะ เรามาที่ร้านซึ่งเป็นชื่อภาษารัสเซีย ที่แปลตรงตัวว่า Tsar’s Hunt ซึ่งเป็นร้านอาหารที่เป็นธีมล่าสัตว์ ร้านนี้ เมนูดีมากค่ะ มีทั้งเมนูทั่วไปที่ทานง่ายและถูกปากทุกคนในกรุ๊ป ไปจนถึงเมนูของป่าที่เป็นเมนูเฉพาะทางหน่อย เช่น เนื้อหมี เนื้อเรนเดียร์ สาหร่าย มอสที่เรนเดียร์ทาน

ของเด็ดสุดๆ ของที่นี่คือ หอยเชลล์สดค่ะ ถ้าไปแล้วเค้ามีเป็นๆ ในตู้ อย่าลืมสั่งนะคะ มันหวานเด้งมากกกก แบบหอยเชลล์ที่แช่เย็นในไทยสู้ไม่ได้อ่ะค่ะ ส่วนหอยเชลล์แช่เข็งคือห้ามเทียบเลย

เมนูอื่นๆ ที่อร่อยคือ ซุป Teriberka, หอยแมลงภู่อบ, ซี่โครงหมูย่าง, สเต๊กเนื้อ

ของหวานวันนี้เป็นเค้กจาก Sea buckthorns ที่นัทไม่เคยทานสดเลยค่ะ

ทานอาหารเสร็จแล้ว ก็ไปเที่ยวรอบๆ Murmansk กันค่ะ อันนี้ นัทคิดว่าด้วยความที่เรามาฤดูที่หิมะยังไม่ตก ก็เลยยังไม่ได้ไปทำกิจกรรมทางหิมะ เช่นนั่งรถลากเลื่อน หรือ ขี่ Snowmobile กิจกรรมก็เลยเป็นการชมเมืองแทนค่ะ ถามว่า น่าสนใจมั้ย ก็ต้องบอกว่า ไม่ได้เป็นภาพที่เรานึกถึงเมื่อมาเที่ยวเมืองขั้วโลก และด้วยความที่เราชมพวกโบสถ์ที่เมืองใหญ่ๆ มาเยอะ ที่นี่ก็จะไม่ได้น่าตื่นเต้นเท่าเมืองใหญ่ค่ะ

จุดแรกที่เค้าพาไปจะเป็นโบถส์ Saviors on the Water ซึ่งตัวโบถส์เองเป็นโบถส์เล็กๆ ภายในจะมีเซนท์ต่างๆ ซึ่งความน่าสนใจคือ เซนท์ที่นี่จะเกี่ยวกับการเดินเรือและนักเดินเรือค่ะ ฝั่งตรงข้ามมีประภาคาร และ อนุสรณ์ Kursk Submarine เป็นอนุสรณ์ให้กับผู้วายชนม์ในเหตุการณ์การจมของเรือดำน้ำของรัสเซียค่ะ

จากนั้นจึงพาไปยัง Alyosha Monument ซึ่งเป็นรูปปั้นอนุสรณ์ให้กับทหารโซเวียตใน Great Patriotic War ทั้งนี้ทั้งนั้น อนุสรณ์แห่งนี้มีความสูงถึง 35 เมตร จึงเป็นรูปปั้นที่สูงอันดับสองของรัสเซียค่ะ

ไฮไลท์ของการมาที่นี่ น่าจะเป็นวิวอ่าว Kola และ ท่าเรือ Murmansk ซึ่งเรามองลงไปก็จะเห็นความเป็นท่าเรืออุตสาหกรรมต่างจากหลายเมืองอาร์คติกที่เราเคยไป เมอร์มังส์เป็นเมืองแถบเส้นวงกลมอาร์คติกที่ถือว่ามีประชากรอยู่หนาแน่นที่สุดและเป็นเมืองใหญ่ ซึ่งจากวิวตรงนี้ ถือเป็นท่าเรือใหญ่แต่บรรยากาศไม่เหมือนเมืองท่าอื่นๆ ที่เราเคยไปมาเลยค่ะ

จุดถัดไป สำหรับนักท่องเที่ยวชาวรัสเซียและนักท่องเที่ยวตะวันตก ที่นี่ถือเป็นไฮไลท์เลยค่ะ นั่นคือ Lenin Nuclear Icebreaker เป็นเรือตัดน้ำแข็งพลังงานนิวเคลียร์ลำแรกของโลก ที่ใช้งานตั้งแต่ปี 1959 – 1989 และตอนนี้เปิดให้เข้าชมเป็นมิวเซียมค่ะ * ทัวร์ที่พาขึ้นเรือเป็นภาษารัสเซีย จะมีความแอบน่าเบื่อประมาณนึง ต้องให้ไกด์เราแปลให้อีกทีค่ะ

นี่ถือเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยในยุคของมัน และทุกวันนี้ รัสเซียก็ยังเป็นประเทศเดียวที่ผลิตและใช้งานเรือแบบนี้อยู่ ซึ่งเราได้ยินคำว่าพลังงานนิวเคลียร์แล้วอาจจะฟังดูน่ากลัว แต่จริงๆ มันเจ๋งมากนะคะ มันสร้างขึ้นมาเพื่อขนถ่ายสินค้า ใช้ในเชิงพานิชย์เลย เนื่องจากขั้วโลกเหนือ ทะเลเป็นน้ำแข็งแทบจะทั้งหมด และรัสเซียมีพื้นที่ห่างไกลเยอะมาก บางที่ก็ขนของทางบกไม่ไหว ทีนี้ พอจะต้องเดินทางอยู่ในทะเลอาร์คติค (ทะเลขั้วโลกเหนือ) จะให้แวะเติมน้ำมันบ่อยๆ ก็ทำไม่ได้เหมือนเส้นทางอื่น (เผลอๆ จะต้องขนน้ำมันไปให้เมืองห่างไกลด้วยซ้ำ) ดังนั้นเค้าจึงคิดค้นเรือที่สร้างพลังงานนิวเคลียร์จากยูเรเนียมบนเรือเลยค่ะ เรือเดินทางได้เป็นปีโดยไม่ต้องเข้ามาที่ฝั่ง — ทำให้ทั้งการขนส่งสินค้าในพื้นที่ห่างไกล และ การออกสำรวจทะเลอาร์คติค เป็นไปได้ง่ายขึ้นมาก (รัสเซียมีก๊าซธรรมชาติและถ่านหินเยอะมากค่ะ อย่าลืมว่ารัสเซียติดนอร์เวย์แล้วติดกับอเมริกา/ญี่ปุ่นในอีกฝั่งด้วย ทะเลอาร์คติคทั้งหมดตรงนั้น คือพื้นที่ที่เราพูดถึงกันอยู่)

นอกจากจะไม่ต้องเติมน้ำมันแล้ว ยังตัดแผ่นน้ำแข็งในทะเลเหนือได้อีกด้วย เรือตัดน้ำแข็งก็จะไม่เหมือนเรือปกตินะคะ ทุกคนต้องลองไปออกเรือตอนที่มันเป็นหิมะและแผ่นน้ำแข็งสีขาวสุดทาง แล้วมีเรือตัดออกไป มันเจ๋งมากๆ ค่ะ

อ้อ ที่ทางขึ้นเรือ จะมีร้านขายของฝากอยู่ ซึ่งอยู่ดีๆ ก็มีตู้อูหนิมาตั้งค่ะ เป็นอูหนิเป็นๆ ยังมีชีวิตอยู่ เค้าแกะทานตรงนั้นเลย ตัวละร้อยบาท แวะออกมาได้คำพูนๆ หวานมากกกกก ใครสายอูหนิ สายอาหารญี่ปุ่น ห้ามพลาดเลยนะคะ

โปรแกรมสุดท้ายของวันนี้ เราไปกันที่ Reindeer & Husky Farm ค่ะ ไฮไลท์คือการให้อาหารกวางเรนเดียร์ ซึ่งมันคือ เรนเดียร์มอส เป็นมอสหน้าตาประหลาด (ซึ่งเราเคยกินหลายครั้งมาก) น้องๆ ก็คือนิ่งมากค่ะ รู้สึกเหมือนการ์ตูนเลย ส่วนไซบีเรียนฮัสกี้ก็คือมาจากไซบีเรียในรัสเซียจริงๆ มีเต็มเลยค่ะ น้องอเลิร์ทมากๆ

มาถึง Murmansk หรือ Teriberka แล้ว ห้ามพลาดทานปู Kamchatka เด็ดขาดเลยค่ะ ปู Kamchatka เชื่อว่าชาวไทยส่วนใหญ่รู้จักกันในนาม ปูทาราบะ หรือ Alaskan King Crab (ซึ่งเป็นพันธุ์เดียวกัน แต่ต่างกันแค่จับได้ที่แหล่งไหนค่ะ) ซึ่งปู Kamchatka เนี่ยเป็น Red King Crab เลยนะคะ ไม่ใช่ Blue หรือ Brown King Crab ซึ่งคือตัวที่แพงที่สุดในอาหารญี่ปุ่นนั่นแหล่ะค่ะ และเป็นตัวที่เนื้อหวานฉ่ำ มีความ juicy กว่ามากๆ กล้ามใหญ่แหล่ะหวานฉ่ำจริงค่ะ ส่วนตัวนัท ไม่แนะนำให้จิ้มน้ำจิ้มซีฟู้ดเลยนะคะ เพราะเสียดายความหวานของเนื้อปู ไม่อยากให้กลบ แต่แล้วแต่คนชอบค่ะ

อีกเมนูที่เตรียมไว้ เป็นสเต็กกวางเรนเดียร์ ซึ่งที่นี่ทำกลิ่นแรงกว่าที่ทานตอนไป Karelia ในตอนก่อนมากเลยค่ะ

จบจากดินเนอร์แล้ว จริงๆ คืนนี้เราไปล่าแสงเหนือกันที่ Teriberka ซึ่งนั่งรถไปประมาณ 2 ชั่วโมง แล้ววันรุ่งขึ้นเที่ยว Teriberka เต็มวัน แล้วก็กลับมา Murmansk ค่ะ เนื่องด้วยนัทอยากเขียนข้อมูล Murmansk ทั้งหมดให้จบในตอน จึงขอเขียนถึงที่พักที่เรากลับมาพัก ก่อนที่จะไปสนามบินในวันถัดไปค่ะ

คืนที่เรากลับมาพักที่เมอร์มังส์ เราพักในที่พักเต็นท์สไตล์โดมใสค่ะ ชื่อว่า Laplandia Village ที่นี่ถือว่าดีเลยค่ะ เป็นโดม Igloo แบบที่ฮิตกันช่วงนึงในบ้านเรา แต่ต้องยอมรับว่า ที่นี่จัดการเรื่องการควบคุมอุณหภูมิได้มีมาก เพราะข้างนอกหนาวมาก แต่พื้นอุ่น อุณหภูมิด้านในพอดี ห้องน้ำน้ำอุ่นแรง เป็นห้องน้ำจริงจังในตัว ไม่ได้แยกไปข้างนอก ไม่มีแมลงเลย สิ่งอำนวยความสะดวกโดยทั่วไปคือดีเลยค่ะ

อาหารเช้า อาหารเย็น จะอยู่ที่โดมใหญ่ ที่นี่ทำชาหอมอร่อยมาก ฟินสุดๆ

ตอนกลางคืน เห็นแสงเหนือ แต่ด้วยความที่นัทเห็นที่ Teriberka แบบเต็มๆ แล้ว เลยนั่งมองจากในห้อง ไม่ได้แต่งตัวออกมาถ่ายรูปข้างนอกค่ะ ตื่นเช้ามา หิมะตก มีความแฟรี่เทลอยู่

วันสุดท้าย ก่อนไปขึ้นเครื่องกลับมอสโคว์ นัทไปฟาร์มฮัสกี้อีกแห่งค่ะ จริงๆ แล้ว ที่นี่เค้าจะให้บริการนั่งรถลากเลื่อนฮัสกี้ ในช่วงที่หิมะตกหนาๆ พาเข้าป่าไปเป็นชั่วโมงเลย แล้วน้องฮัสกี้ที่นี่คือสะอาด ดูแลดีมากกก เค้ามาให้ความรู้ด้วยว่าต้องจัดขบวนลากเลื่อนยังไง สุนัขแบบไหนต้องอยู่ตรงไหน แล้วก็ทานอาหารเที่ยงรองท้องก่อนกลับค่ะ


เดินทางมาถึงตอนสุดท้ายแล้ว ตอนหน้านัทจะพาไป Teriberka ดินแดนสุดขอบโลก ชายฝั่งทะเลอาร์คติคที่มีธรรมชาติแปลกตามากมายเลยค่ะ อ่านต่อ > คลิ๊กที่นี่


สำหรับการจองทุกอย่าง หรือ จัดทัวร์ติดต่อ คุณ Pavel ได้ที่ไลน์ choustrov พิมพ์ไทยหรืออังกฤษก็ได้ค่ะ หรือ เมสเสจไปที่ Facebook Pavel Tours ก็ได้ค่ะ

สำหรับใครที่หาตั๋วเครื่องบินราคาถูกอยู่ก็ไปเทียบราคาได้ที่ Trip.com >> คลิ๊กที่นี่เพื่อหาตั๋วไปมอสโคว์

รีวิวรัสเซียทริปนี้ นัทเขียนไว้ทั้งหมด 6 ตอนนะคะ
ตอนที่ 1 : Moscow Part 1 เมืองหลวงแห่งรัสเซีย
ตอนที่ 2 : Moscow Part 2 ที่สุดของรัสเซีย
ตอนที่ 3 : Karelia นั่งรถไฟแบบทรานส์ไซบีเรีย
ตอนที่ 4 : St. Petersberg เมืองหลวงเก่าที่เต็มไปด้วยวัฒนธรรม
ตอนที่ 5 : Murmansk ล่าแสงเหนือ
ตอนที่ 6 : Teriberka เมืองสุดขอบโลกทะเลอาร์คติก

หากชอบรีวิว อย่าลืมกดไลค์เพจ และ ติดตามไอจี @eatchillwander ด้วยนะคะ ขอบคุณมากๆ ค่า



ติดตาม Eat Chill Wander ได้ที่
Facebook : Eat Chill Wander
Instagram : @eatchillwander
Twitter : @eatchillwander
Youtube : Eat Chill Wander
Website : www.eatchillwander.com

error: