[เที่ยวรัสเซียด้วยตัวเอง Ep. 4] เที่ยว เซนต์ปีเตอส์เบิร์ก เมืองหลวงเก่า รวยวัฒนธรรมแห่งรัสเซีย [อัพเดท 2024]

เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก (Saint Petersburg) เป็นเมืองหลวงเก่าและเมืองใหญ่อันดับสองของรัสเซียในปัจจุบัน เมืองนี้ตั้งอยู่บนอ่าวฟินแลนด์ในทะเลบัลติก เป็นเมืองที่มีกลิ่นอายจากศิลปะยุโรปค่อนข้างเยอะ โดยเฉพาะช่วงที่สร้างและขยายจักรวรรดิรัสเซีย ทำให้เราจะได้เห็นผลงานแสนวิจิตรอลังการมากมาย เต็มไปด้วยศิลปะวัฒนธรรมและสวยไม่แพ้เมืองอื่นในยุโรปเลยค่ะ

ตอนนี้เป็นตอนที่ 4 ของทริปเที่ยวรัสเซียทริปนี้ของนัทแล้วค่ะ หลังจากที่เราเที่ยวเมืองหลวงอย่างกรุงมอสโคว์กันไป 1 คืนกับ 2 วันเต็มๆ เรานั่งรถไฟแบบนอน เที่ยวภูมิภาค Karelia มาอีก 2 วัน และมาเที่ยวที่เซนท์ปีเตอร์สเบิร์กอีก 2 วัน ก่อนจะบินไปล่าแสงเหนือที่ Murmansk ค่ะ


ข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับการเที่ยว Saint Petersburg

– เรื่องสถานการณ์ในรัสเซีย นัทเขียนอย่างละเอียดไว้ในบทความตอนแรกแล้วนะคะ ย้อนกลับไปอ่านได้ > คลิ๊กที่นี่

– ทุกอย่างปกติมากๆ คนออกมากินดื่ม แฮงค์เอาท์ปกติ นักท่องเที่ยวก็ถือว่าคึกคัก แต่ทั้งไกด์และพี่ที่เคยมาบอกว่าเมื่อก่อนคนแน่นมากๆ ทุกที่ ดังนั้น ช่วงนี้ แม้เราจะเห็นว่าคนคึกคัก ก็ถือว่าน้อยกว่าปกติ เป็นช่วงน่าเที่ยวเลยค่ะ

– สรุปคร่าวๆ คือ ร้านอาหาร โรงแรม ร้านค้า สนามบิน ขนส่งสาธารณะ เปิดปกติหมด มีแค่บัตรเครดิตที่ไม่สามารถใช้ Visa/Mastercard ได้ รับได้แค่ Union Pay จากจีน (กสิกรมีค่ะ) / จองโรงแรมต้องผ่าน zenhotels หรือ เว็ปโรงแรม และ จองตั๋วเครื่องบินผ่าน Trip.com

– ทริปนัททั้งหมด สิบคืน มันต้องจองอะไรยิบย่อยเยอะมาก เลยใช้บริษัททัวร์ท้องถิ่น ซึ่งนัทใช้ Pavel Tours เป็นคนรัสเซียที่ฟังพูดอ่านเขียนภาษาไทยได้ ทำทัวร์กับคนไทยมานาน เคยทำงานในสถานทูตไทย เลยได้รับการบอกต่อมาอีกทีค่ะ และคุณ Pavel ก็ดูแลการจองทริปนี้ จัดเป็น Private Tour ไปเลย

– ติดต่อ คุณ Pavel ได้ที่ไลน์ choustrov พิมพ์ไทยหรืออังกฤษก็ได้ค่ะ หรือ เมสเสจไปที่ Facebook Pavel Tours ก็ได้ค่ะ

– จริงๆ จะบินมาลง Saint Petersburg เลยก็ได้นะคะ แต่นัทนั่งรถไฟมาจากมอสโคว์ค่ะ

– การเดินทางใน Saint Petersburg สามารถใช้ Metro และ บัสได้ค่ะ โหลดแอพ Yandex Map จะมีบอกเลย ว่าต้องต่อบัสสายไหน ใดๆ ก็ตามการมาเที่ยว เซนท์ปีเตอร์สเบิร์ก จะมีไฮไลท์คือการไปชมพระราชวังฤดูร้อน ซึ่งอยู่นอกเมือง ทำให้ยังไงก็ต้องมีการต่อเมโทรและรถบัส ดังนั้น ไปกับไพรเวททัวร์ก็สะดวกดีค่ะ มีไกด์ให้ด้วย

– แผนการเดินทางและค่าใช้จ่าย เค้าคิดมาแบบรวมทั้งทริป นัทเขียนไว้ในรีวิวเที่ยวรัสเซีย ตอนที่ 1 ไปอ่านได้ >> คลิ๊กที่นี่ ค่ะ


ที่เที่ยวในเซนท์ปีเตอร์สเบิร์ก

วันแรกนัทจะเริ่มจากเที่ยวในตัวเมืองก่อนค่ะ และวันที่สองจึงออกไปตามพระราชวังรอบๆ เนื่องจากนัทพักในเมืองเลย เลยจะเริ่มจากการเดินเที่ยวแค่ข้ามถนนจากโรงแรมมาเลยค่ะ

St. Isaac’s Cathedral

วิหารใหญ่และสำคัญตั้งอยู่ใจกลางเมือง St. Petersburg เลยค่ะ วิหารแห่งนี้ เป็นหนึ่งในอาคารโดมที่สูงและใหญ่ที่สุดในโลก เริ่มสร้างและออกแบบโดยสถาปนิกชาวฝรั่งเศส Montferrand ในปีค.ศ. 1818 และเป็นโบถส์ที่ใช้เวลาสร้างนานสิ้นสุดในปี 1858 เลยค่ะ

โดยนอกจากความสวยงามของงานโมเสคที่อลังการมาก ก็จะมีภาพเขียนผนังอยู่ทั่วทั้งวิหาร ไปจนถึงการประดับหินอ่อนซึ่งใช้หินอ่อนหลายแหล่ง รวมไปถึงจาก Ruskeala ที่เราไปมาในตอนที่แล้ว ทำให้สีสันที่ต่างกัน

และไกด์ก็ได้อธิบายเราถึงวิธีการสร้าง ซึ่งจุดที่น่าตื่นตาคือเสาหินชิ้นเดียว 48 เสา หนึ่งเสาหนักกว่าร้อยตัน หนึ่งเสาคือหินหนึ่งชิ้นไม่มีรอยต่อ โดยการจะยกขึ้นมาตั้ง ต้องใช้การหมุนรอกขึ้น และถ้าเราเอาตัวไปเทียบ เราจะรู้สึกจิ๋วมากๆ ค่ะ


Alexander Garden and Bronze Horseman

เดินข้ามถนนมาฝั่งตรงข้าม เราจะเจอกับสวนใจกลางเมือง ซึ่งพื้นที่สาธารณะและพื้นที่สีเขียวที่นี่เค้าก็ทำได้ดีมากเลยนะคะ ทั้งเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กและมอสโคว์เลย เราจะเดินผ่านสวนมากันที่ Bronze Horseman หรือ รูปปั้นบนหลังม้า ซึ่งเป็นรูปปั้นของ ปีเตอร์มหาราช ผู้ก่อตั้งเมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก

อาคารด้านหลังเป็นที่อยู่ของ อาคารวุฒิสภา Senate and Synod และ กระทรวงทหารเรือค่ะ ตรงจัตุรัสแห่งนี้จะมีคนเอานกพิราบขาวมารอให้นักท่องเที่ยวถ่ายรูป ซึ่งเค้าจะพยายามขูดรีดและคิดแพงมาก ทางที่ดีไม่ควรไปยุ่งนะคะ


Rostral Columns

เราข้ามมาอีกเกาะหนึ่งของเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก เกาะ Strelka of Vasilyevsky ซึ่งเสาสองเสานี้ ถูกสร้างในปี 1810 มีการประดับตกแต่งด้วยรูปเรือฝังอยู่ ตรงฐานมีรูปปั้นซึ่งหมายถึง 4 แม่น้ำสำคัญของรัสเซีย เสานี้เคยถูกใช้เป็นประภาคารในช่วงหนึ่ง และเป็นเสาที่หมายถึงความยิ่งใหญ่ของกองทัพเรือด้วยค่ะ


Peter and Paul Fortress

อีกหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก เป็นป้อมปราการที่สำคัญ และเป็นสิ่งปลูกสร้างแห่งแรกในเมืองนี้ทำให้เป็นเหมือนจุดกำเนิดของเมือง สร้างเสร็จในปี 1703 หลังจากนั้นในช่วงปี 1706-1740 จะมีฟังก์ชั่นเป็นป้อมปราการปกป้องเมืองในช่วงสงคราม The Great Northern War ระหว่างราชอาณาจักรรัสเซียและสวีเดน  ในช่วง 1720s เป็นช่วงที่เริ่มมีการใช้เป็นคุกสำหรับนักโทษระดับสูงและนักโทษทางการเมือง ซึ่งตัวป้อมนี้หากดูจากด้านบนจะมีลักษณะเป็นป้อมรูปดาวอยู่บนเกาะค่ะ

ภายในยังมีจุดสนใจและพิพิธภัณฑ์อีกหลายแห่งให้ชม อาทิเช่น Museum of Cosmonautics and Rocket Technology (พิพิธภัณฑ์อวกาศ), The Mint and the Museum of the History of Money (โรงกษาปณ์), นิทรรศกาลเครื่องทรมานในยุคกลางและคุก ซึ่งต้องซื้อตั๋วแยกนะคะ

ไฮไลท์ของที่นี่จะเป็น Peter and Paul Cathedral โบถส์ที่เก่าแก่ที่สุดและเคยเป็นอาคารที่สูงที่สุดในเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก (ก่อนจะมีการสร้างเสาโทรทัศน์) ถ้าเราไปเห็นจะเห็นเลยว่ายอดโบถส์สูงมากจริงๆ ค่ะ นอกจากความสวยงามภายในแล้ว ความสำคัญของโบถส์แห่งนี้คือเป็นที่ฝังพระศพของราชวงศ์เกือบทุกองค์ในราชวงศ์โรมานอฟ บุคคลสำคัญที่เราเคยได้ยิน ทั้งปีเตอร์มหาราช แคเทอรีนมหาราช ไปจนถึง ซาร์นิโคลัสเลยค่ะ

ถ้าหากมาถึงแล้วก็อย่าพลาด Midday Cannon Shot หรือการยิงปืนใหญ่ในตอนเที่ยงวัน ซึ่งแม้จะไม่ได้ใส่ลูกปืนเข้าไป แต่ก็เสียงดังและมีผู้คนมาคอยชมเยอะมากค่ะ ในยุคสมัยของปีเตอร์มหาราช เค้าจะยิงในวันที่ได้รับชัยชนะ หรือ มีงานเฉลิมฉลอง รวมถึงไว้เตือนประชาชนเรื่องระดับน้ำ แต่ว่าตั้งแต่ปี 1873 ปืนใหญ่จะถูกจุดทุกเที่ยงตรงเพื่อบอกเวลาและเป็นธรรมเนียมมาจนถึงทุกวันนี้ค่ะ


Magadan Restaurant

ร้านอาหารทะเลที่อยู่ใกล้ๆ Peter and Paul Fortress เลยค่ะ เป็นร้านที่เซ้ตติ้งอยู่บนเรือ Flying Dutchman บรรยากาศดี เห็นวิวคุ้งน้ำและพระราชวังด้านหลัง ร้านเสิร์ฟอาหารทะเล มีเมนูหลากหลาย และสดดีมากเลยค่ะ ชอบเมนู Tuna Tartare, ซุป Bouillabaisse ปลาย่าง และอูหนิสดๆ ค่ะ

อย่าลืมสั่งขนมที่เป็นรูป Cheburashka เป็นตัวการ์ตูนดังของรัสเซียค่ะ น่ารักมากๆ และอร่อยด้วย


The State Hermitage Museum

ข้ามกลับมาไม่ไกลจากโรงแรมเรา มาที่ Hermitage ซึ่งมีความโดดเด่นทั้งตัวอาคารและพิพิธภัณฑ์ด้านในค่ะ ตัวอาคารนั้นเป็นพระราชวังมาก่อน เป็นพระราชวังฤดูหนาว สถานที่พำนักอย่างเป็นทางการของราชวงค์โรมานอฟตั้งแต่ปี 1732 – 1917 ก่อนที่ Tsar Nicolas จะเป็นกษัตริย์องค์สุดท้าย และกลายมาเป็นพิพิธภัณฑ์ในเวลาต่อมา

ความยิ่งใหญ่ของคอลเลคชั่นในพิพิธภัณฑ์ Hermitage นั้น ถูกแบ่งเป็นหลายอาคารและหลายนิทรรศการ โดยวันนี้เรามาชมนิทรรศการหลักที่ทำให้เราได้เห็นตัวพระราชวังฤดูหนาว และ คอลเลคชั่นงานศิลปะรวมถึงวัตถุโบราณตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์ มาจนถึงยุคเรเนซองส์ค่ะ

ส่วนผลงานยุคโมเดิร์น จะอยู่ที่ General Staff Building ฝั่งตรงข้าม (ซึ่งนัทอยากดูมากๆ เพราะนัทไปชม Modern Art เกือบครบทั่วโลกแล้ว แต่ดันไม่รู้ว่าเค้าอยู่ตึกแยกกัน ขายบัตรแยก เลยไม่มีเวลาไปชมค่ะ เสียดายมาก มีงานของ Kandinsky กับ Matisse ที่อยากเห็นของจริงมานานแล้ว)

คำถามแรกที่นัทเอะใจ และ ต้องเมคชัวร์อีกที คือ รัสเซียไม่เคยล่าอาณานิคมใช่มั้ย? แล้วของพวกนี้มาจากไหน?…. เพราะเป็นที่รู้กันว่า พิพิธภัณฑ์ระดับโลกอย่าง British Museum, Louvre Paris, The MET เป็นของที่มาจากการล่าอาณานิคม (ซึ่งของหลายชิ้นก็โชคดีที่อังกฤษและฝรั่งเศสเก็บมา ไม่งั้นอาจจะถูกทำลายหรือไม่สามารถเก็บได้แบบนี้เช่นกัน ก็เป็นเรื่องเซนซิทีฟที่มีการถกเถียงและแล้วแต่คนมองนะคะ) แต่ที่รัสเซีย เป็นของที่ซื้อมาโดยถูกต้อง เป็นคอลเลคชั่นของสะสมของราชวงค์ หรือของที่ได้รับเป็นของขวัญ ไม่มีชิ้นไหนที่ไปรุกรานและนำกลับมาเอง

ภายในมีคอลเลคชั่นอียิปต์ที่น่าสนใจ มีปะติมากรรมยุคกรีกโรมันโบราณ (หน้าตาจะคล้ายกับพวกงานยุคศตวรรษ 14-16 แต่หายากกว่าเยอะค่ะ เก่ากว่าเป็นพันปี) มีงานยุคเรเนซองส์อยู่เยอะพอสมควร อย่างศิลปินชื่อดัง ไม่ว่าจะเป็น มิเคลลันเจโล, ดาวินชี, ราฟาเอล ก็มีครบค่ะ


Nevsky Prospekt

หรือ Nevsky Avenue ถนนหลักของเมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก และเป็นหนึ่งในถนนดังของรัสเซีย วิ่งยาวจากใจกลางเมืองไปจนถึงสถานีรถไฟ Moskovsky station ทั้งเส้นความยาวประมาณ 4 กม. แต่ถ้าเราเดินออกมาจาก Hermitage Museum เมื่อสักครู่ ตรงข้ามกับจัตุรัส เราก็จะเจอทางเข้าถนนเส้นนี้ และในระยะทางประมาณ 1 กม. ก็จะมีอาคารสำคัญและน่าสนใจหลายแห่ง ทั้งเส้นนี้เต็มไปด้วยร้านอาหาร บาร์ คาเฟ่ ร้านขายของฝาก บรรยากาศคึกคัก แนะนำให้แบ่งเวลามาเดินเล่นแฮงค์เอาท์ชิลล์ๆ ค่ะ


Kazan Cathedral

จาก Hermitage Museum เราเดินเล่น สัมผัสบรรยากาศบน Nevsky Prospekt มาเรื่อยๆ ก็จะเจอวิหารใหญ่อย่าง Kazan Cathedral ค่ะ เป็นวิหารที่สร้างในช่วงปี 1801 – 1811 ซึ่งเป็นโบถส์รัสเซียออร์โธดรอกซ์ในแบบนีโอคลาสสิก มีจุดเด่นเป็นเสาหินที่เรียงกันถึง 96 ต้นค่ะ


Dom Knigi

ฝั่งตรงข้ามวิหารเมื่อสักครู่ เป็นที่อยู่ของร้านหนังสือร้านใหญ่ และเป็นหนึ่งในอาคารที่สวยที่สุดบนถนนแห่งนี้เลยค่ะ ที่นี่ตกแต่งสไตล์อาร์ตนูโว ตัวยอดกระจกด้านบนสวยงามมากเป็นแห่งแรกในเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กที่ทำแบบนี้ด้วย ที่ตรงนี้เคยเป็นทั้งโรงเรียนสอนขี่ม้า เป็นสตูดิโอช่างภาพ ก่อนที่ในปี 1902 บริษัทจักรซิงเกอร์ได้มาซื้อที่และสร้างอาคารนี้ขึ้นมาค่ะ ซึ่งก็เปลี่ยนอีกหลายมือเช่นกัน เคยเป็นสถานทูตสหรัฐ เป็นสำนักพิมพ์ และตอนนี้ก็กลายมาเป็นร้านหนังสือใหญ่มาก มีคาเฟ่วิวสวยอยู่ด้านบนค่ะ ด้านในแม้ว่าหนังสือส่วนใหญ่จะเป็นภาษารัสเซีย แต่มีมุมเครื่องเขียนและของที่ระลึกที่สวยเลยค่ะ แนะนำให้แวะนะคะ


Church of the Savior on the Spilled Blood

เป็นโบถส์ที่ชาวไทยจะเรียกกันว่า โบถส์แห่งหยดเลือดค่ะ เป็นโบถส์รัสเซียออร์โธดอกซ์ที่มีความสวยงาม และเป็นสไตล์ที่แตกต่างจากโบถส์อื่นในเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก เนื่องจาก สถานที่แห่งนี้เป็นจุดที่พระเจ้าอเล็กซานเดอร์ที่สอง ถูกลองปรงพระชนม์ ซึ่งตอนนั้นยังไม่ได้เสียชีวิตทันที แต่เป็นจุดที่บาดเจ็บสาหัสและมีเลือดหยดลงค่ะ จากนั้น พระเจ้าอเล็กซานเดอร์ที่สามผู้เป็นทายาท จึงดำรัสให้สร้างโบถส์นี้ขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์แก่บิดา โดยสั่งให้สร้างโบถส์แบบรัสเซีย จึงมีการนำแรงบันดาลใจมาจากโบถส์เซนท์เบซิลที่มอสโคว์ ทำให้ไม่เหมือนที่อื่นค่ะ


Red Box Restaurant

ร้านนี้เป็นร้านอาหารเอเชียนแบบฟิวชั่น อยู่แถว Nevsky Prospekt เช่นกันค่ะ เดินมาไม่ไกล ร้านบรรยากาศดี มีเมนูอาหารเอเชียหลากหลาย ทั้งจีน ญี่ปุ่น เราสั่งต้มยำมาด้วย รสชาติไม่แย่เลยค่ะ คือฟีลเหมือนร้านเอเชียนฟิวชั่นทั่วไปในเอเชียมาก เผื่อใครคิดถึงรสชาติประมาณนี้ ก็แวะมาได้ คุณพาเวล ไกด์เราเป็นคนแนะนำเช่นเคยค่ะ


Peterhof Palace

ออกมาจากใจกลางเมืองประมาณ 45 – 60 นาที เราจะมายืนอยู่ที่พระราชวังฤดูร้อนของพระเจ้าปีเตอร์มหาราช ผู้ก่อตั้งเมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก และพระราชวังแห่งนี้ก็ชื่อว่า Peterhof ตั้งอยู่ริมทะเลบัลติก โดยถูกสั่งให้สร้างโดยใช้แรงบันดาลใจจากพระราชวังแวร์ซายที่ฝรั่งเศส มีความวิจิตรตระการตาและทำให้เราได้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ของรัสเซียในยุคจักรวรรดิ

สมัยก่อน ภายในพระราชวังจะไม่อนุญาตให้ถ่ายรูป แต่ที่นัทไปมาครั้งล่าสุด เค้าอนุญาตให้ถ่ายรูปภายในได้แล้วค่ะ ภายนอกเราจะเห็นสวนติดทะเลบัลติก ที่มีน้ำพุใหญ่โต ส่วนภายในก็จะจัดแสดงห้องต่างๆ ให้เราได้เห็นทั้งการตกแต่ง งานศิลปะ เฟอร์นิเจอร์ และชีวิตในยุคนั้นค่ะ

ห้องนี้เป็นห้องทำงานของพระเจ้าปีเตอร์มหาราช ซึ่งจะสังเกตความพิเศษของเก้าอี้คือมีห้าขาค่ะ เพราะว่าปีเตอร์เป็นคนที่สูงมากๆ กว่าสองเมตร ทำให้เก้าอี้ห้าขามีความมั่นคงกว่าค่ะ


Red Tavern (Krasny Kabachok)

ร้านนี้ คุณพาเวลเลือกให้อยู่ใกล้กับ Peterhof เลยค่ะ ออกมานิดเดียวก็ได้ทานมื้อเที่ยงเลย เพราะถ้ากลับเข้าเมืองต้องใช้เวลาประมาณชั่วโมงนึงเลย เป็นอาหารรัสเซียแบบดั้งเดิม ร้านนี้ ดูผิวเผินจะเหมือนร้านที่ไว้ต้อนรับคณะทัวร์ แต่เซอร์ไพรส์มาก เพราะอาหารคุณภาพดี เป็นชิ้นเป็นอัน ทำสดใหม่ น่าทานทุกจาน รสชาติก็ทำได้ดีมากๆ นอกจากอาหารแล้วเค้าก็มี Nalivka ลิเคียวจากผลไม้ให้ลองด้วยนะคะ


Catherine Palace

ออกนอกเมืองไปเที่ยวพระราชวังฤดูร้อนของปีเตอร์มหาราชแล้ว ก็ต้องออกนอกเมืองมาชมพระราชวังฤดูร้อนของแคทเทอรีนที่หนึ่ง ซึ่งเป็นพระชายาของปีเตอร์มหาราชและเคยขึ้นครองราชย์ในฐานะจักรพรรดินีหลังจากพระเจ้าปีเตอร์สิ้นพระชมน์อยู่สองปี

ซึ่งในประวัติศาสตร์รัสเซียนั้น จะมีจักรพรรดินีที่ชื่อแคทเทอรีนอีกหนึ่งพระองค์ที่ได้รับการยกย่องให้เป็นมหาราช ซึ่งพระองค์นั้นจะเป็น แคทเทอรีนที่สอง และเป็นคนละยุคสมัยค่ะ วันที่ขึ้นครองราชย์คือห่างกันประมาณ 40 ปี แต่พระองค์เองก็เคยมาพำนักอยู่ที่นี่เช่นกัน

ห้องอำพันหรือ Amber Room ห้องนี้เป็นไฮไลท์ของพระราชวังแห่งนี้เลยค่ะ เพราะทั้งผนังใช้อำพันกว่า 450 กิโล เราจะเห็นความสลับซับซ้อนของอำพันที่เรียงกันอยู่เป็นแผ่นผนังอย่างสวยงามและเป็นเอกลักษณ์มากๆ ค่ะ


Outlet Village Pulkovo

เอาท์เล็ทที่อยู่ใกล้สนามบินมากๆ ค่ะ พอดีนัทมีโอกาสมาแวะ เลยเขียนไว้เป็นข้อมูล เอาท์เล็ทแห่งนี้ นัทไม่แน่ใจว่า เพราะรัสเซียต้องตัดสัมพันธ์การค้ากับหลายแบรนด์ในยุโรปอยู่รึป่าว เลยทำให้ แบรนด์ส่วนใหญ่ไม่ใช่แบรนด์ที่รู้จักค่ะ ส่วนแบรนด์ที่รู้จัก แม้จะเป็นราคาในเอาท์เล็ท นัทว่าเอาท์เล็ทที่กรุงเทพยังราคาดีกว่า ไม่ต้องพูดถึงที่อเมริกาหรือยุโรปเลยค่ะ ที่นี่ถือว่าไม่ได้ราคาต่างขนาดที่จะถ่อมาจากในเมือง แต่ถ้าใครมีเวลาหรือผ่านพอดีก็แวะมาดูได้ มันก็มีชิ้นที่ราคาดีๆ ค่ะ


ที่พักในเซนท์ปีเตอร์สเบิร์ก

นัทพักที่โรงแรม Hotel Astoria ซึ่งประทับใจมากๆ ค่ะ โลเคชั่นของโรงแรมดีมาก อยู่บนจัตุรัสใจกลางเมือง บรรยากาศดี ด้านหน้านี่คือย่านที่ดูเป็นระเบียบเรียบร้อยมากๆ เดินไปช้อปปิ้งก็นิดเดียว

โรงแรมแห่งนี้ ถือเป็นโรงแรมหรูชั้นนำของเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กค่ะ เป็นโรงแรมที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อรองรับแขกระดับประเทศที่มางานเฉลิมฉลองของราชวงค์ในสมัยปี 1912 ค่ะ ภายในใช้วัสดุตกแต่งดีมากๆ พักสบาย ของใช้ครบครัน อาหารเช้าเต็มมากๆ ชอบที่มีเทราท์คาเวียร์ให้ทานทุกเช้าเลยค่ะ

ตอนหน้า เรานั่งเครื่องบินไปยัง Murmansk เมืองที่เป็นที่นิยมในการไปล่าแสงเหนือ อ่านต่อตอนต่อไปได้เลยค่า


สำหรับการจองทุกอย่าง หรือ จัดทัวร์ติดต่อ คุณ Pavel ได้ที่ไลน์ choustrov พิมพ์ไทยหรืออังกฤษก็ได้ค่ะ หรือ เมสเสจไปที่ Facebook Pavel Tours ก็ได้ค่ะ

สำหรับใครที่หาตั๋วเครื่องบินราคาถูกอยู่ก็ไปเทียบราคาได้ที่ Trip.com >> คลิ๊กที่นี่เพื่อหาตั๋วไปมอสโคว์

รีวิวรัสเซียทริปนี้ นัทเขียนไว้ทั้งหมด 6 ตอนนะคะ
ตอนที่ 1 : Moscow Part 1 เมืองหลวงแห่งรัสเซีย
ตอนที่ 2 : Moscow Part 2 ที่สุดของรัสเซีย
ตอนที่ 3 : Karelia นั่งรถไฟแบบทรานส์ไซบีเรีย
ตอนที่ 4 : St. Petersberg เมืองหลวงเก่าที่เต็มไปด้วยวัฒนธรรม
ตอนที่ 5 : Murmansk ล่าแสงเหนือ
ตอนที่ 6 : Teriberka เมืองสุดขอบโลกทะเลอาร์คติก

หากชอบรีวิว อย่าลืมกดไลค์เพจ และ ติดตามไอจี @eatchillwander ด้วยนะคะ ขอบคุณมากๆ ค่า



ติดตาม Eat Chill Wander ได้ที่
Facebook : Eat Chill Wander
Instagram : @eatchillwander
Twitter : @eatchillwander
Youtube : Eat Chill Wander
Website : www.eatchillwander.com

error: