[เที่ยวรัสเซียด้วยตัวเอง Ep.1 ] เที่ยว มอสโคว์ เมืองหลวงแห่งรัสเซีย เมืองสวยน่าค้นหา ไม่ต้องขอวีซ่า [อัพเดท 2024]

มอสโคว์ หรือที่บางทีก็สะกดว่า มอสโก (Moscow) เป็นเมืองหลวง เมืองเศรษฐกิจ และเมืองที่ใหญ่ที่สุดของประเทศรัสเซีย เป็นอีกหนึ่งเมืองที่มีสถาปัตยกรรมหลายยุค มีประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจหลายสมัย มีแหล่งแฮงค์เอาท์ กินดื่มมากมาย และเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เรารู้จักกับประเทศที่มีขนาดพื้นที่ใหญ่ที่สุดในโลกอย่าง รัสเซีย ได้ดีมากๆ

บทความนี้ นัทไปในช่วงกันยา-ตุลา ปี 2023 ซึ่งมีปัญหาทางการเมืองแล้ว อย่างไรก็ตาม ปัญหาส่วนใหญ่จะอยู่ตามชายแดน และไม่ได้มีผลกระทบต่อมอสโคว์หรือเมืองอื่นๆ ที่เราไปในทริปนี้ เรียกว่า ผู้คนออกมาใช้ชีวิตปกติ ร้านค้าทุกอย่างเปิดปกติ การคมนาคมต่างๆ ก็ปกติทั้งหมดค่ะ


ข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับการเที่ยว มอสโคว์ รัสเซีย (อัพเดท 2023)

– สถานการณ์ในมอสโคว์ใช้ชีวิตกันปกติ คนออกมาเที่ยว มากินข้าว แฮงค์เอาท์ จิบกาแฟ กันปกติ มีนักท่องเที่ยวต่างชาติ ส่วนใหญ่จากจีน เกาหลี และ ชาติอาหรับ มีการรักษาความปลอดภัยที่สูง ร้านอาหาร ร้านค้า รถไฟ ทุกอย่างเปิดให้บริการตามปกติค่ะ

– สิ่งที่ไม่ปกติคือ เนื่องจากการโดนคว่ำบาตรจากชาติตะวันตก ทำให้บางแบรนด์ประกาศว่าจะไม่ทำธุรกิจในรัสเซีย อาทิเช่น แมคโดนัลด์ สตาร์บัคส์ แต่สุดท้ายแล้ว ร้านยังอยู่นะคะ แค่เปลี่ยนชื่อกับเปลี่ยนโลโก้ เปลี่ยนอัตลักษณ์ทุกอย่าง แต่เมนูเหมือนเดิม มาตรฐานเดิมค่ะ อย่าง สตาร์บัคส์ เปลี่ยนเป็น สตาร์คอฟฟี่ ส่วนแมค เปลี่ยนเป็นชื่อรัสเซีย แต่มีตัว M สีส้มๆ อยู่หน้าร้านค่ะ — ส่วนใหญ่จะมีแค่ร้านแบรนด์เนมที่ปิดไปเลย แล้วให้สั่งออนไลน์เอา แต่ตั้งแต่ก่อนมีเรื่อง ที่รัสเซียก็ขายพวก Chanel, Gucci, LV ฯลฯ แพงกว่ายุโรปหรือไทยอยู่แล้ว เลยคิดว่าไม่มีผลอะไรค่ะ

– ปัญหาใหญ่สุดในการคว่ำบาตรมี 2 อย่างคือ 1. ใช้บัตรเครดิตพวก visa, mastercard ไม่ได้เลยยยย และ 2. พวกเว็ปจองออนไลน์ก็ถอดรัสเซียออกจากลิสท์ทำให้ใช้พวก booking, agoda, skyscanner ฯลฯ ไม่ได้ค่ะ

– ทางไปจองตั๋วเครื่องบิน เลยต้องหาจาก Trip.com >> คลิ๊กที่นี่เพื่อหาตั๋วไปมอสโคว์

– ส่วนโรงแรม จริงๆ ใช้ zenhotels ได้ แต่ประเด็นคือ โรงแรมที่เราอยากจองส่วนใหญ่จะไม่อยู่ในนี้ เลยทำให้ต้องหาบริษัททัวร์ท้องถิ่น ซึ่งนัทใช้ Pavel Tours เป็นคนรัสเซียที่ฟังพูดอ่านเขียนภาษาไทยได้ ทำทัวร์กับคนไทยมานาน เคยทำงานในสถานทูตไทย เลยได้รับการบอกต่อมาอีกทีค่ะ และคุณ Pavel ก็ดูแลการจองทริปนี้ จัดเป็น Private Tour ไปเลย

– ติดต่อ คุณ Pavel ได้ที่ไลน์ choustrov พิมพ์ไทยหรืออังกฤษก็ได้ค่ะ หรือ เมสเสจไปที่ Facebook Pavel Tours ก็ได้ค่ะ

– บริษัททัวร์ของคุณ Pavel มีทั้งบริการแบบทัวร์กรุ๊ปที่มีออกตลอด หรือ ให้เค้าทำให้ตรงกับความต้องการของเราก็ได้ค่ะ อย่างทริปนี้ นัทมีไปนั่งรถไฟ Karelia, ไปล่าแสงเหนือที่ Teriberka และไป St. Petersburg ด้วย ส่วนร้านอาหารก็คือมีทั้งอันที่เค้าแนะนำและเราอยากไปเอง จะให้เค้าจองโรงแรม พาทัวร์ จะรวมอาหาร หรือ ไปสั่งเอง หรือ จะจองตั๋วเครื่องบินแยก ฯลฯ คือพิมพ์ความต้องการของเราไปให้เค้าได้เลยนะคะ — ง่ายสุดแล้ว เพราะ เค้ารับโอนเงินจากไทย

– คนไทยไม่ต้องขอวีซ่าสามารถอยู่ได้ 30 วันตามปกติค่ะ ตอนนัทไป ตม. ถามแค่ มากี่วัน ไปเมืองไหนบ้าง จริงๆ ปั๊มพาสพอร์ทเสร็จไปแล้ว ถามเป็นพิธีมากๆ

– เที่ยวบินจากไทย จริงๆ เค้าบอก Aeroflot มีบินตรง แต่คนรัสเซียจองมาเที่ยวไทยก็เต็มแล้ว ที่นิยมไปกันจะเป็นพวกรูทตะวันออกกลางค่ะ มีบินหมด ตั้งแต่ Etihad, Qatar, Oman Air แนะนำที่เวลาและราคาสะดวกเลยค่ะ >> เช็คราคาตั๋วเครื่องบินไปมอสโคว์ กดด้านล่างนี้ได้เลยค่ะ

– มอสโคว์ มี 4 สนามบิน แต่ถ้าบินมาจากไทยช่วงนี้ นัทได้ใช้สนามบิน Sheremetyevo Airport ตัวย่อ SVO ค่ะ มีรถไฟตรงเข้าเมือง แต่นัทให้ทัวร์คุณ Pavel มารับที่สนามบินเลย

– ตอนนี้ บัตรเครดิต Visa, Mastercard, Amex ใช้ไม่ได้เลยเนื่องจากการโดนคว่ำบาตร มีแค่ Union Pay ของจีนที่ใช้ได้ค่ะ คือคนรัสเซียท้องถิ่นเค้าก็ cashless นะคะ ทุกที่รับบัตรเครดิต แต่รับแค่ของท้องถิ่นกับ Union Pay ซึ่งกสิกรมีเป็นบัตรเดบิตค่ะ // ส่วนเงินสด นัทก็แลกร้านแลกเงินดังๆ ที่กทม. ไปปกติเลยค่ะ

– การเดินทางใน Moscow ส่วนใหญ่ใช้รถไฟใต้ดิน และ ถ้าเป็นแท็กซี่ ปกตินัทใช้แอพ Yandex GO ค่ะ ใช้มาตลอด (เหมือนแกร็บบ้านเรา) แต่!!!! ครั้งนี้ไม่รู้เป็นอะไร ลงทะเบียนไม่ได้ เลยใช้ไม่ได้เลย เป็นครั้งแรกที่อุ่นใจมากที่ไปกับทัวร์

– ตอนนี้ที่รัสเซีย บล็อก ไลน์ เฟสบุ๊ค และ อินสตาแกรม ค่ะ แต่ว่าเหมือนจีนนะคะ คือถ้าโรมมิ่งจากไทยไป ก็เล่นได้เลย ไม่ต้องทำอะไร แต่ถ้าใช้ซิมที่โน่น หรือ ต่อ wifi ต้องมีแอพ vpn ค่ะ


แผนการเดินทางและค่าใช้จ่าย

Day 0 : วันเดินทาง นัทออกจากกทม.เช้า ไปถึงค่ำที่มอสโคว์ พักโรงแรมติดสนามบิน Park Inn by Radisson

Day 1 – 2 : พี่ๆ ที่ไปด้วยกันเดินทางมาถึงไฟลท์เช้า รถตู้ทัวร์มารับ เริ่มเที่ยว Moscow เต็มๆ 2 วัน พักคืนแรกที่ Marriott Aurora ส่วนวันถัดไปตอนบนรถไฟค่ะ

Day 3 : รถไฟไปถึง Petrozavodsk เที่ยวเกาะ Kizhi นอนบนรถไฟต่อ

Day 4 : รถไฟไปถึง Karelia เที่ยว Ruskeala, Vyborg เข้าสู่เซนท์ปีเตอร์สเบิร์ก พัก Hotel Astoria

Day 5 – 6 : เที่ยว St. Petersburg เต็มๆ 2 วันค่ะ พัก Hotel Astoria เช่นเดิม

Day 7 : ออกเช้าบินไปลง Murmansk เที่ยว Murmansk ทั้งวัน ไปนอนที่ Teriberka

Day 8 : เที่ยว Teriberka ทั้งวัน แล้วกลับมานอน Murmansk

Day 9 : บินกลับมอสโคว์ มีเวลาตามอัธยาศรัยที่มอสโคว์ สามารถบินกลับไฟลท์กลางคืนได้เลย แต่นัทนอนต่ออีกคืน แล้วกลับวันถัดไปค่ะ

สรุปว่าของนัท จะนอนที่รัสเซีย 10 คืน ถ้านับแบบทัวร์ รวมวันเดินทางมันจะเป็น 12 วัน 10 คืน ค่ะ สำหรับค่าใช้จ่าย ทางทัวร์น่าจะคิดตาม จำนวนคนในกรุ๊ป สถานที่ที่จะไป โรงแรมที่เราเลือก รวมอาหารกี่มื้อ ร้านที่เราอยากไปจะให้เค้าจองแล้วเราไปจ่ายค่าอาหารเอง หรือให้เค้าจัดให้ รวมไฟลท์ในประเทศมั้ย ฯลฯ ให้แจ้งความต้องการไปได้เลยค่ะ กรุ๊ปนัท 6 คน ตกแสนนิดๆ แต่เราเลือกที่พักดีและมีรถกับไกด์ไพรเวททุกวัน


Day 1 : Red Square & Kremlin

เกริ่นมาเยอะมาก เรามาเริ่มเที่ยวมอสโคว์กันเลยค่ะ

ครั้งนี้ ได้มาเป็นครั้งที่สองแล้ว คราวที่แล้วมาช่วงมกราเป็นหน้าหนาวที่กลางวันสั้นมากๆ แต่ครั้งนี้มาในช่วงปลายกันยายน ต้นตุลาคม อากาศกำลังดี มีสวิงไปหนาวและฝนตกบางวันค่ะ

วันนี้ ขอเริ่มจากจัตุรัสที่เก่าแก่ที่สุดและใหญ่ที่สุดใจกลางเมืองอย่าง Red Square หรือ จัตุรัสแดง โดยมีเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยว่า คำว่า Red Square นั้น จริงๆ ไม่ได้มาจากคำว่า สีแดง นะคะ แต่คำว่า krasnaya ในภาษารัสเซียดั้งเดิมนั้น แปลว่า “สวย” ซึ่งเป็นคำเดียวกับคำว่า “สีแดง” ในภาษารัสเซียปัจจุบัน พอแปลเป็นภาษาอังกฤษในปัจจุบันเลยกลายเป็น จัตุรัสแดง แต่ชื่อจริงๆ คือ Beautiful Square ค่ะ

บนจัตุรัสแดงนั้น เป็นที่ตั้งของสถาปัตยกรรมอันสวยงามหลายแห่ง ซึ่งมีทั้งพิพิธภัณฑ์ โบถส์และห้างสรรพสินค้าค่ะ แลนด์มาร์คที่สำคัญที่สุดอย่าง Saint Basil’s Cathedral

Saint Basil’s Cathedral นั้น ถูกสร้างขึ้นในช่วงปี ค.ศ. 1555 – 1561 และเป็นวิหารรัสเซียออร์โธดอกซ์ ที่ดีไซน์ใหม่โดยไม่เหมือนกับสถาปัตยกรรมอื่นๆ ในยุคนั้น ตัววิหารประกอบด้วยโดมรูปทรงคล้ายหัวหอม 9 โดม ซึ่งสร้างเพื่ออุทิศให้กับเซนท์ที่ต่างกันไป

ในปัจจุบัน วิหารแห่งนี้ ได้กลายเป็นพิพิธภัณฑ์ และ แสดงเรื่องราวเกี่ยวกับที่มาและการสร้างที่นี่ ซึ่งใช้อิฐแดงซึ่งถือว่าเป็นวัสดุใหม่ในสมัยนั้นค่ะ

ข้างๆ กันเป็นที่อยู่ของห้างสรรพสินค้าที่ชื่อว่า GUM ซึ่งทุกวันนี้ก็เรียกกันว่า กุม มาจากคำย่อภาษารัสเซีย ซึ่งแปลมาเป็นภาษาอังกฤษได้ว่า Main Universal Store ประมาณว่าเป็นร้านค้าหลักที่มีของทุกอย่าง ถูกสร้างในสมัย 1890 – 1893 เป็นห้างสรรพสินค้าที่มีความสวยงาม มีหลังคากระจกอันโดดเด่นมาตั้งแต่แรก ในสมัยโซเวียต ที่นี่เคยกลายเป็นห้างของพรรคคอมมิวนิสท์ ส่วนในปัจจุบัน ก็เป็นที่อยู่ของร้านค้า ร้านอาหาร และ แบรนด์กว่าร้อยแบรนด์ค่ะ

บนจัตุรัสแดงนี้ ยังเป็นที่อยู่ของ State Historical Museum ซึ่งเป็นมิวเซียมที่จัดแสดงวัตถุล้ำค่าตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ของรัสเซียมาจนถึงยุคราชวงค์โรมานอฟ โดยตัวอาคารเอง เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของสถาปัตยกรรมแบบ Naryshkin Baroque เป็นมีรากฐานจากสถาปัตยกรรมบาโรคที่ฮิตในฝั่งยุโรปตะวันตกในช่วงนั้น แต่พอเทรนด์มาถึงที่นี่ก็มีการ localize กับสไตล์ท้องถิ่นจนกลายเป็นแบบที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเองขึ้นมาค่ะ

นอกจากนี้ บนจัตุรัสแดงเองก็จะมี Kazan Cathedral ซึ่งเคยถูกสตาลินสั่งให้ทำลายและสร้างขึ้นมาใหม่เมื่อปี 1993 ในสไตล์รัสเซีย, มีอาคาร Museum of the Patriotic War of 1812 อยู่ใกล้ๆ อีกด้วยค่ะ

ถ้าหันหน้าไปทางแม่น้ำ ฝั่งขวามือของเราก็คือ ป้อมปราการเครมลิน ซึ่งเราจะไปในช่วงบ่าย จะเข้าจากทางจัตุรัสแดงไม่ได้ค่ะ ต้องเดินไปประมาณ 10 นาที หรือ จะนั่งใต้ดินไปหนึ่งสถานีก็ได้

แต่พวกเราขอไปทานอาหารเที่ยงกันก่อน ซึ่งวันนี้ ทานกันที่ร้านชื่อดังของมอสโคว์อย่าง White Rabbit ได้รางวัลมิชลินสตาร์ 1 ดาว และเคยเป็นอันดับที่ 25 ร้านอาหารที่ดีที่สุดในโลกจากลิสท์ World’s 50 Best Restaurants 2021

ภายในร้านตกแต่งสวยงามมากๆ อาหารก็น่าสนใจหลายอย่างค่ะ

เหมือนหลุดเข้าไปใน Alice in Wonderland

กลับมาที่ใจกลางเมืองกันอีกครั้ง เราไปกันต่อที่ป้อมปราการเครมลิน หรือ The Moscow Kremlin โดยทางเข้าจะอยู่ตรงหอ Kutafiya Tower ค่ะ

เครมลิน ไม่ได้เป็นแค่สถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญ แต่ยังเป็นป้อมปราการและจุดศูนย์กลางของประเทศที่สำคัญอีกด้วย ป้อมปราการเครมลินเป็นป้อมปราการใจกลางเมือง ที่เราจะได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์ของรัสเซียตั้งแต่ยังเป็นชนเผ่าสลาฟ มาถึงยุคราชวงค์ Rurik ยุคจักวรรดิ ยุคโซเวียต จนถึงปัจจุบันจริงๆ ก็ต้องเป็นที่อยู่ทางการของประธานาธิบดีของรัสเซียด้วยค่ะ

ภายในเครมลิน เป็นที่อยู่ของพระราชวัง 5 แห่ง, โบถส์วิหาร 4 แห่ง, กำแพงเครมลินและหอคอย มีจุดน่าสนใจหลายแห่งให้ชมค่ะ ปัจจุบันได้รับการยกย่องจาก UNESCO ให้เป็นมรดกโลก โดยจุดน่าสนใจหลักๆ จะอยู่ที่ Sobornaya Square หรือจัตุรัสที่เป็นที่อยู่ของเหล่าโบถส์วิหารสำคัญค่ะ ทั้งหมดนี้เป็นโบถส์แบบ Russian Orthodox เลย

Dormition Cathedral หรือ Assumption Cathedral – วิหารนี้มีความสำคัญตรงที่เป็นวิหารสำหรับพิธีราชาภิเศกขึ้นครองราชย์ของราชวงศ์รัสเซียตั้งแต่ปี 1547 ถึง 1896 แต่วันที่นัทไป ที่นี่ปิด เลยไม่ได้เข้าไปชมแท่นพิธีเลยค่ะ

Cathedral of the Archangel – วิหารนี้มี ไอค่อนที่สวยงาม (ภาพที่อยู่ตรงแท่นบูชา สำหรับนิกายออร์โธด๊อกซ์) และเป็นที่ฝังศพของ ราชวงศ์ทั้งหมดก่อนย้ายเมืองหลวงไปเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กค่ะ

The Tsar Bell – ระฆังที่ถูกสั่งให้สร้างและตั้งใจนำไปไว้ยังหอคอย นับเป็นระฆังที่ใหญ่ที่สุดในโลก หนักถึง 200 ตัน แต่เกิดมีรอยแตกก่อนที่จะได้นำไปใช้ แค่ส่วนของรอยแตก มีน้ำหนักถึง 11 ตัน เลยกลายเป็นระฆังที่ไม่เคยถูกใช้ค่ะ

Armory Chamber – แปลตรงตัวว่าคลังสรรพาวุธ เป็นที่เก็บและจัดแสดงข้าวของเครื่องใช้ ของขวัญทางการทูต ชุดเกราะ รถม้า ฯลฯ ซึ่งก็ทำให้เราได้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ของจักรวรรดิรัสเซีย ภายในไม่สามารถถ่ายรูปได้ค่ะ ตรงนี้ค่าเข้าต้องซื้อบัตรแยกที่ 1000 รูเบิล

หากใครยังมีเวลา สามารถไปต่ออีกนิดที่ Cathedral of Christ the Savior ซึ่งอยู่สถานีถัดไป วิหารที่เราเห็นอยู่ตรงหน้านี้ เพิ่งถูกสร้างขึ้นใหม่เมื่อปี 1995 ที่ผ่านมา ทำให้ยังมีความสวยงามสมบูรณ์ รายละเอียดเยอะมากๆ วิหารแห่งนี้เป็นหนึ่งในวิหารออร์โธด๊อกซ์ที่สูงที่สุดในโลก โดยตามเดิมแล้ว วิหารแห่งนี้ถูกสั่งให้สร้างหลังกองทัพรัสเซียชนะสงคราม 1812 ที่ชนะนโปเลียนจากฝรั่งเศสค่ะ โดยสร้างเพื่อระลึกถึงผู้กล้าในสงคราม ในโลเคชั่นที่ดีมากๆ เพราะไม่ไกลจากเครมลิน และ ตั้งตระหง่านริมแม่น้ำ Moskva เลยค่ะ อย่างไรก็ตาม ในยุคโซเวียตที่มีการทำลายศาสนา วิหารแห่งนี้ถูกบอมบ์ราบไปเลย และพื้นที่ตรงนี้ก็กลายมาเป็นสระว่ายน้ำกลางแจ้ง

กลางคืนวันนี้ เราจบด้วยการไปล่องเรือ Radisson Cruise (Flotilla Radisson Royal) ซึ่งมีรอบออกทั้งวัน รอบละประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่งตั้งแต่เที่ยงค่ะ โดย Radisson Cruise จะให้บริการล่องเรือ และ บนเรือมีร้านอาหารกับบาร์ ให้เราไปสั่งอาหารกันเองได้ หรือจะไม่ทานบนเรือก็ได้ ส่วนพวกนัทก็ทานดินเนอร์กันบนเรือเลยค่ะ

แม่น้ำ Moskva เป็นแม่น้ำที่สำคัญ และไหลคดเคี้ยวผ่านใจกลางเมืองมอสโคว์ค่ะ ตลอดทางก็จะมีสถานที่สำคัญต่างๆ แม้แต่จุดที่ขึ้นเรือ จะเป็นที่อยู่ของโรงแรม Radisson Collection Hotel, Moscow ที่ตัวโรงแรมนั้น เป็นสถาปัตยกรรมแบบ Stalinist Architecture ซึ่งเป็นหนึ่งในแบบสถาปัตยกรรมที่โซเวียตมากๆ เลยค่ะ มันแกรนด์และใหญ่โตมาก โดยตึกหน้าตาสไตล์เดียวกันนี้ จะมีอยู่ 7 ตึกในมอสโคว์ เรียกว่า Seven Sisters ซึ่งเดี๋ยวเราจะได้เห็นเรื่อยๆ เลยค่ะ

จากนั้นเราก็เข้าที่พักกันค่ะ นี่คือวันแรกในมอสโคว์ของเรา แต่จริงๆ ถ้าเดินไม่เก่ง หรือ สนใจบางจุดเป็นพิเศษ ทั้งหมดนี้ อาจจะต้องใช้เวลา 1.5-2 วันนะคะ แต่ตอนหน้า นัทยังอยู่ในมอสโคว์ เราจะพาไปชมสิ่งที่เป็นที่สุดของรัสเซีย นั่นคือ เรื่องของอวกาศ และ บัลเล่ต์ แล้วพาไปชมคาเฟ่สวยๆ ด้วยค่ะ ไปอ่านต่อกันได้เลย >> คลิ๊กที่นี่


สำหรับการจองทุกอย่าง หรือ จัดทัวร์ติดต่อ คุณ Pavel ได้ที่ไลน์ choustrov พิมพ์ไทยหรืออังกฤษก็ได้ค่ะ หรือ เมสเสจไปที่ Facebook Pavel Tours ก็ได้ค่ะ

สำหรับใครที่หาตั๋วเครื่องบินราคาถูกอยู่ก็ไปเทียบราคาได้ที่ Trip.com >> คลิ๊กที่นี่เพื่อหาตั๋วไปมอสโคว์

รีวิวรัสเซียทริปนี้ นัทเขียนไว้ทั้งหมด 6 ตอนนะคะ
ตอนที่ 1 : Moscow Part 1 เมืองหลวงแห่งรัสเซีย
ตอนที่ 2 : Moscow Part 2 ที่สุดของรัสเซีย
ตอนที่ 3 : Karelia นั่งรถไฟแบบทรานส์ไซบีเรีย
ตอนที่ 4 : St. Petersberg เมืองหลวงเก่าที่เต็มไปด้วยวัฒนธรรม
ตอนที่ 5 : Murmansk ล่าแสงเหนือ
ตอนที่ 6 : Teriberka เมืองสุดขอบโลกทะเลอาร์คติก

หากชอบรีวิว อย่าลืมกดไลค์เพจ และ ติดตามไอจี @eatchillwander ด้วยนะคะ ขอบคุณมากๆ ค่า



ติดตาม Eat Chill Wander ได้ที่
Facebook : Eat Chill Wander
Instagram : @eatchillwander
Twitter : @eatchillwander
Youtube : Eat Chill Wander
Website : www.eatchillwander.com

error: