[รีวิว] Hibiki Omakase & Bar โอมากาเสะวัตถุดิบชั้นเลิศ โดยเชฟผู้มีประสบการณ์จากร้าน 2 ดาวมิชลิน

ท่ามกลาง ซอย เอกมัย 12 เราได้ก้าวเข้ามายังบาร์ที่ตกแต่งอย่างเรียบหรู เท่ และ มีความสงบ ตามแบบฉบับของปรัชญาญี่ปุ่น ที่นี่ไม่ใช่บาร์นั่งดื่ม หรือ ซูชิบาร์ เพียงอย่างใดอย่างหนึ่ง แต่ Hibiki Omakase & Bar นั้น เป็นร้านโอมากาเสะร้านใหม่ที่มีดีกรีและแนวคิดที่ไม่ธรรมดา ตอบฟังก์ชั่นทั้งเรื่องของการมานั่งทานซูชิโอมากาเสะชั้นดี รวมไปถึงการนั่งดื่มทั้งก่อนและหลังมื้ออาหาร
โดยคอนเซปต์ของซูชิโอมากาเสะ ในร้าน Hibiki Omakase & Bar จะออกไปทางแนวดั้งเดิมของญี่ปุ่น มีความเป็น Edomae อยู่มากพอสมควร ไม่แต่งน้าซูชิหวือหวามากแบบที่ร้านโอมากาเสะมัยใหม่นิยมกัน แต่จะเน้นไปที่เรื่องของคุณภาพวัตถุดิบและกรรมวิธีในการดึงรสชาติของปลาให้ออกมาดีที่สุด
สำหรับตัวเชฟ Tsukasa นั้นเคยเป็นเชฟปั้นซูชิอยู่ที่ร้านระดับมิชลินสตาร์ ชื่อ Mizumi ที่โรงแรม Wynn Palace Cotai ซึ่งเป็นร้านพี่น้องกับร้าน Mizumi ในโรงแรม Wynn Macau ซึ่งได้รับรางวัล Michelin Star 2 ดาวมาเป็นเวลานาน และเป็นหนึ่งในร้านอาหารญี่ปุ่นที่ดีที่สุดในมาเก๊า ส่วนตัวเราได้เคยไปทานอาหารที่ร้าน Mizumi มาแล้วทั้งสองสาขา (อ่านรีวิว Mizumiได้ ที่นี่) ก็ยืนยันได้ว่ารสชาติมาตรฐานเดียวกัน ทำให้เราตื่นเต้นมากๆที่จะได้ทานซูชิจากเชฟ Tsukasa ในคราวนี้
ในส่วนของเมนู ร้าน Hibiki Omakase & Bar นั้นมีให้เลือกอยู่ 2 แบบด้วยกัน คือแบบ Sachi Omakase (4,500++) และแบบ Hibiki Omakase (6,500++) โดยปริมาณอาหารนั้นจะใกล้เคียงกัน อยู่ที่ประมาณ 18-25 คอร์ส แตกต่างกันที่วัตถุดิบ ซึ่งวันนี้เรามาทานแบบ Hibiki Omakase กันค่ะ
เริ่มต้นมื้อกันด้วย Homemade Tofu + Bafun Uni เนื้อเต้าหู้ทำออกมาได้ครีมมี่ และเนียนนุ่มมากๆ ได้ไข่หอยเม่นมาเสริมความหวาน ราดด้วยซอสดาชิที่รสชาติกลมกล่อมอูมามิมากๆ
Meiji Maguro หรือลูกปลาบลูฟินทูน่า น้ำหนักเพียงไม่กี่สิบโล นำมาย่างฟางให้ผิวนอกหอมกลิ่นควันแต่ด้านในยังดิบอยู่ รสสัมผัสของลูกทูน่านั้นจะมีความเด้งมากๆ แต่เนื้อกลับเนียนละเอียด คล้ายเจลลี่ อร่อยและหาทานยากมากในไทย
Awabi หรือ หอยเป๋าฮื้อตัวใหญ่มากๆ จากจังหวัด Shimane นำมาตุ๋นจนนุ่ม ทานคู่กับซอสตับ เข้ากันดีตามท้องเรื่อง แต่ให้คะแนนพิเศษที่ความใหญ่ของหอย พอนำมาตุ๋นแล้วจะได้ความนุ่มกว่าหอยตัวเล็กๆ
Yari Ika ที่มาพร้อมไข่ นำไปย่างและราดด้วยซอสหวาน อร่อยหวานมัน
Kekani หรือปูขน นำมานึ่งแล้วแกะเปลือกทานกับซอสมันปูและท้อปด้วยคาเวียร์
Ankimo นำไปตุ๋นซอสหวาน ทานคู่กับแตงโมดอง ที่ต้มกับไวน์แดง รสชาติเข้มข้น มีความขมนิดๆ ตัดความเลี่ยนของอังกิโมะ แต่เสริมความเข้มข้นได้เป็นอย่างดี สุดยอดมากๆ
Tai Shirako Tempura ในซอสไวน์ขาวโรยหน้าด้วยทรัฟเฟิล ตัวแป้งทอดได้ดีมาก ตัวชิราโกะก็ดีงาม แต่ซอสอาจจะรสชาติอ่อนไปสักหน่อย เมื่อทานหลังจากคอร์สที่แล้ว รู้สึกว่าจืดไปสักนิด ทั้งๆที่โดยรวมถือว่าทำได้ดี
Shiso Granita รสชาติใบชิโสะแท้ๆ เย็นๆหวานๆ สดชื่น ล้างปาก เพื่อไปต่อกับคอร์สซูชิกัน
เชฟ Tsukasa ได้นำปลาต่างๆที่แล่เตรียมไว้มาโชว์ ดูจากรูปก็พอเดาได้ว่าอร่อยแน่ๆ เนื้อปลาคุณภาพมากๆ
ซูชินั้นมาด้วยกันทั้งหมด 10 คำ
Hirame – เป็นปลาที่นิ่มแต่ไม่เละ เคี้ยวได้ สู้ฟันนิดๆ รสชาติมันพอดี สะอาด เหมาะสำหรับการเป็นซูชิคำแรก
Aji – หนึ่งในคำที่ดีที่สุดของวัน คุณภาพเนื้อปลานั้นสุดยอดมากๆ ทั้งมัน ทั้งเด้ง อูมามิ ขิงและชิโสะสับด้านบนช่วยขับรสให้ระเบิดออกมาได้อย่างสุดยอด
Kawahagi – ค่อนข้างลีน เนื้ออกไปแนวเจลลี่หนึบๆ ด้านใต้เป็นตับของมัน เสริมความอูมามิ
Akami – นำไปซึเกะด้วยไวน์แดง ลีนมากๆ ไม่มีความมันเลย รสชาติลึก
ในส่วนของข้าวซูชินั้น มีความเปรี้ยวที่กำลังดี แต่วันที่ทานข้าวอาจจะนิ่มไปสักนิดจาก preference ส่วนตัวของเรา
Chutoro – นำไปนาบกับถ่าน รสชาติดีมาก ได้ความมันกำลังดี และได้ความหอมจากถ่านบินโจตัน
Kasugodai – นำไปซึเกะกับไข่แดงและน้ำส้มสายชูตามแบบร้านดัง 3* ดึงรสชาติปลาที่เบาๆให้ระเบิดออกมาได้ดีทีเดียว
Torigai – กรุบกรอบพอประมาณ หวานดีในระดับนึง
Kuruma Ebi – ตัวใหญ่ หวานแน่น ดีงามตามท้องเรื่อง
Uni Rice – ข้าวคลุกไข่หอยเม่น แล้วโปะด้วยไข่หอยเม่นและคาเวียร์ หวานมัน ฟินๆกันไป
Kinmedai – เนื้อเด้ง มัน ละเอียด เป็นหนึ่งในปลาที่เราชอบมากๆ
ปิดซูชิคำสุดท้ายด้วย Anago แต่สำหรับคนที่ไม่ทาน Anago อย่างเรา เชฟได้เปลี่ยนเมนูให้ค่ะ
Hamaguri – หอยตลับ นำไปต้มกับสาเก โชยุ และเปลือกส้มยูสุ ราดด้วยซอสปลาไหล เด้งสู้ฟัน เข้มข้นทุกครั้งที่เคี้ยว
ตามมาด้วย Ochazuke ที่โปะหน้าด้วย Amadai ที่นำมาราดด้วยน้ำมันร้อนๆให้เกล็ดนั้นกรอบฟู ตัวซุปนั้นติดเค็มไปนิดแต่รสชาติอร่อยดีทีเดียว
ปิดท้ายด้วยของหวาน เป็น Strawberry Daifuku และไอศกรีมงาดำ รสชาติมาตรฐาน
ในส่วนของเครื่องดื่มนั้น Hibiki Omakase & Bar ได้บาร์เทนเดอร์มือดี ที่เคยทำงานอยู่ในบาร์ระดับแนวหน้าของกรุงเทพฯ มาทำค๊อกเทลให้ และในส่วนของ Wine/Sake list เนื่องด้วยเจ้าของร้านนั้นเป็นนักดื่มตัวยง ทำให้มีไวน์และสาเกชั้นดีไว้ให้เลือกสรรมากมาย อีกทั้งเครื่องแก้วที่ใช้ก็นับว่าชั้นยอด ทำให้ส่วนของเครื่องดื่มที่ Hibiki Omakase & Bar นั้นเรียกได้ว่าเหนือชั้นไปกว่าร้านโอมากาเสะร้านอื่นๆไปอย่างมาก
เรียกได้ว่า นอกจากการเป็นร้าน Sushi Omakase แล้ว Hibiki Omakase & Bar ยังสามารถเป็นบาร์ชั้นดี ให้กับลูกค้านักดื่มได้มานั่งละเมียดเครื่องดื่มอร่อยๆได้อีกด้วย
โดยสรุป Hibiki Omakase & Bar เป็นหนึ่งร้านโอมากาเสะที่เปิดใหม่ในย่าน ทองหล่อ-เอกมัย ที่นับว่าถูกใจเรามาก เพราะไม่เพียงแต่รสชาติอาหารที่อร่อยได้มาตรฐานร้านติดดาวกับปริมาณอาหารที่ให้เยอะจนอิ่มอย่างจุกๆแล้ว ยังมีทั้งไวน์ สาเก และ ค๊อกเทลชั้นดี ไว้ให้บริการอีกด้วย
Hibiki Omakase & Bar (ฮิบิกิ โอมากาเสะ แอนด์ บาร์)
ตั้งอยู่บน ถนน เอกมัย ซอย 12 มีที่จอดรถหน้าร้าน