[รีวิว] At The Top Burj Khalifa ขึ้นจุดชมวิว เบิร์จ คาลิฟา ดูไบ ตึกที่สูงที่สุดในโลก

เรียกได้ว่าเป็นแลนด์มาร์กที่สำคัญที่สุดในเมืองดูไบ กับ ตึกเบิร์จคาลิฟา (Burj Khalifa) ตึกที่สูงที่สุดในโลก โดดเด่นอยู่ในสกายไลน์ของเมืองดูไบ ครองสถิติโลกมานานตั้งแต่ปี 2009 และยังไม่มีใครล้มล้างได้ เป็นหนึ่งในความก้าวหน้าของมนุษย์ และวันนี้เราจะพาไปเที่ยวตึกเบิร์จคาลิฟากันค่ะ!

ตึกเบิร์จคาลิฟานั้นมีความสูง 828 เมตร จำนวน 163 ชั้น หากนึกไม่ออกให้ลองเทียบว่า สูงกว่าตึกมหานครที่กรุงเทพฯ ถึง 2.6 เท่า นั่นหมายความว่าต้องเอาตึกมหานครมาต่อกันสองตึกครึ่งถึงจะเป็นความสูงของที่นี่ คำว่า Burj นั้นแปลว่า ตึกหรืออาคาร และ Khalifa เป็นชื่อของ Khalifa bin Zayed Al Nahyan ซึ่งเป็นอดีตประธานธิบดีของสหรัฐอาหรับเอมิเรทส์  ใช้เวลาก่อสร้างตั้งแต่ปี 2004 และแล้วเสร็จในปี 2009 และเปิดสู่สาธารณชนในปี 2010 ครองสถิติตึกที่สูงที่สุดในโลกมาอย่างยาวนาน

พอได้ชื่อว่าเป็นตึกที่สูงที่สุดในโลกแล้ว เลยได้สถิติโลกอื่นๆ ตามมา อาทิเช่น อาคารที่มีจำนวนชั้นเยอะที่สุดในโลก จุดชมวิวที่อยู่สูงที่สุดในโลก ลิฟท์ที่มีระยะทางยาวและสูงที่สุดในโลก ที่อยู่อาศัยที่สูงที่สุดในโลก ฯลฯ

เพื่อได้รับประสบการณ์ที่เต็มอิ่ม นัทแนะนำให้ขึ้นไปชมวิวจากชั้นบนค่ะ แค่ขึ้นลิฟท์ 124 ชั้น นาทีเดียวถึงก็เจ๋งมากแล้วโดยมีแพกเกจต่างๆ ประมาณนี้

– At The Top ชั้น 124-125 ซึ่งอันนี้ถูกที่สุด และ ฮิตที่สุดค่ะ เป็นอันที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ขึ้น ราคาประมาณ 1,700 – 2,400.- แล้วแต่ช่วงเวลา
– At The Top ชั้น 124-125 และ 148 เพิ่มขึ้นมาอีกชั้นที่สูงกว่า คนน้อยกว่าค่อนข้างไพรเวท ราคาก็เพิ่มมาเท่านึง
– World’s Highest Lounge ชั้น 152-154 อันนี้แพงสุดๆ ราคาประมาณ 7,300.-

ปกตินัทซื้อบัตรผ่าน Klook.com สะดวกสุด คิดเป็นเงินไทยมาเลย ถูกกว่าเว็ปหลักนิดหน่อย ทุกครั้งที่ซื้อจะมีเครดิตเอาไปลดครั้งต่อไปได้ และยังมีคอมโบที่ได้ส่วนลดเพิ่มเมื่อจองกับอย่างอื่นด้วยนะคะ ทางไปจอง > จุดชมวิวตึกเบิร์จคาลิฟา

ทางเข้าเพื่อขึ้นลิฟท์ไปยังจุดชมวิวจะเชื่อมกับ Dubai Mall เลยนะคะ เดินตามป้ายบอกทางในห้างไปได้เลย หรือหากใครแวะมาเที่ยวแบบทรานสิทจากสนามบินดูไบ ก็คือขึ้นเมโทรตรงมาลงสถานี Burj Khalifa/Dubai Mall สายสีแดง แล้วเดินประมาณ 10 นาทีก็จะถึงทางขึ้นค่ะ

นัทซื้อตั๋วผ่าน Klook.com มาแล้ว ก็แสดงบาร์โค้ดที่เคาเตอร์ด้านล่าง และจะได้บัตรเข้าชมขึ้นไปค่ะ แพกเกจจะมีแบบตั๋วธรรมดากับแบบ Skip-the-line ซึ่งช่วงที่เราไปเป็นหน้าไฮซีซั่น ถือตั๋วธรรมดาก็รอคิวขึ้นลิฟท์ประมาณ 20-30 นาทีค่ะ

พอขึ้นลิฟท์มาแล้ว จะเจอกับชั้น 124 ก่อน ซึ่งเป็น observation deck ที่เดินออกไปด้านนอกได้ค่ะ วิวคือสุดลูกหูลูกตามาก ระเบียงจะเป็นฝั่งเดียวค่ะ

อีกหนึ่งสถิติโลกที่ดูไบถือ คือดูไบเป็นเมืองที่มีตึกสูงกว่า 300 เมตรจำนวนมากที่สุดในโลก ในขณะที่เมืองไทยมีตึกสูงกว่า 300 เมตรตึกเดียวคือตึกมหานครที่สูง 314 เมตร หมายความว่า ตึกที่เราเห็นจากวิวนี้ คือสูงกว่าตึกที่สูงที่สุดในไทยทั้งนั้น (หรือแม้แต่สิงคโปร์ก็ไม่มีตึกสูงกว่า 300 เมตรเลยนะคะ)

ส่วนชั้น 125 เดินขึ้นบันไดมาได้ จะสามารถเดินวนได้รอบแบบ 360 องศา แต่ว่าเป็นกระจกภายในอาคารทั้งหมด ไม่ได้มีระเบียงยื่นออกไปค่ะ เราต้องต่อคิวลงลิฟท์จากตรงนี้เช่นกัน

นอกจากนี้ หากใครไม่อยากเจอคนเยอะๆ ก็สามารถจองไปทานอาหารหรืออาฟเตอร์นูนทีที่ห้องอาหาร Atmosphere ที่ชั้น 122 ซึ่งจะมีกำหนดขั้นต่ำในการทานคือมื้อเที่ยง 4000 บาทต่อท่าน และ มื้อเย็น 7000 บาทต่อท่าน หรือ อาฟเตอร์นูนที 4000 บาทต่อท่านค่ะ

ทางไปจอง > จุดชมวิวตึก Burj Khalifa

ขอให้ทุกคนสนุกกับการไปสัมผัสตึกที่สูงที่สุดในโลกนะคะ นัทเขียนรีวิวดูไบไว้หลายตอนเลย ไปอ่านรีวิวกันได้ที่

ติดตาม Eat Chill Wander ได้ที่
Facebook : Eat Chill Wander
Instagram : @eatchillwander
Twitter : @eatchillwander
Youtube : Eat Chill Wander
Website : www.eatchillwander.com

error: