[รีวิว] เทวาศรม เขาหลัก (Devasom Khao Lak Beach Resort) ฉบับอัพเดท กลับมาเยือนอีกครั้ง ใน Pool Villa สุดอลังการ

ทันทีที่ก้าวเข้าสู่โรงแรม เทวาศรม เขาหลัก (Devasom Khao Lak Beach Resort & Villas) เรารู้สึกเหมือนกำลังผ่านอุโมงค์แห่งกาลเวลา เข้าไปในดินแดนที่ทุกอย่างช้าลง เต็มไปด้วยรายละเอียดแสนวิจิตรงดงามที่ต้องมาสัมผัสด้วยตัวเอง และมีแรงดึงดูดให้เราอยากกลับมาที่นี่อีกครั้ง

เสน่ห์ของโรงแรม เทวาศรม เขาหลัก (Devasom Khao Lak Beach Resort & Villas) นั้น คือประสบการณ์ที่เราได้เหมือนเข้าไปเยือนยังอาณาจักรแห่งหนึ่ง มีความเป็นส่วนตัว มีความใกล้ชิดธรรมชาติ และ การออกแบบตกแต่งที่เป็นเอกลักษณ์ และด้วยการตกแต่งที่แตกต่างออกไปในแต่ละห้องพัก ที่นี่มีมากกว่าแค่รูปถ่ายสวยๆ แต่มีความละเมียดละไมในรายละเอียดที่ทำให้เราประทับใจจนต้องกลับมา

เทวาศรม เขาหลัก เป็นที่ที่เราสามารถพักผ่อนได้หลายๆ วันโดยไม่ต้องออกไปข้างนอกเลยค่ะ ตัวรีสอร์ทเป็น destination ในตัว มีกิจกรรมหลากหลาย มีห้องอาหารที่ได้รับการแนะนำจากไกด์บุ๊คเล่มแดงอย่างมิชลินถึงสองห้อง มีสปาที่สวยมากๆ และแน่นอนว่า มีจุดถ่ายรูปที่หลายๆ คนไม่อยากพลาด ส่วนเขาหลักเองนั้น ก็เที่ยวได้ทั้งปี โดยบรรยากาศและที่เที่ยวจะแตกต่างออกไปในแต่ละฤดู ซึ่งครั้งนี้ นัทมาในช่วงเข้าฤดูฝน ที่เกาะปิด แต่เป็นช่วงที่มีคลื่นสำหรับเล่นเซิร์ฟ ที่รีสอร์ทมีฝนตกบ้าง แต่ก็ได้บรรยากาศร่มรื่นไปอีกแบบค่ะ


Upon Arrival

คอนเซปท์ในการออกแบบของที่นี่นั้น คือการสรรเสริญศิลปะโบราณและอารยธรรมที่สูญหายไปของดินแดนแถบนี้ — ทำให้เราได้ย้อนกลับไปอ่านประวัติของเมือง “ตะกั่วป่า” และพบว่าเคยเป็นเส้นทางการค้าขายของ ชาวกรีก อาหรับ และ เปอร์เซีย ทั้งยังเคยมีร่องรอยของชาวกลิงคราษฎร์ทางอินเดียตะวันออก ทำให้รายละเอียดต่างๆ ของที่นี่ ได้รับแรงบันดาลใจอย่างหลากหลายจนกลายมาเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว

ล็อบบี้ของที่นี่ โปร่ง โล่ง และมองเห็นวิวทะเลได้ตั้งแต่ที่มาถึง เราจิบเครื่องดื่มต้อนรับเย็นๆ ก่อนที่จะเดินผ่านประตูไม้บานใหญ่ที่ขนข้ามน้ำข้ามทะเลมาจากอินเดีย พร้อมเชิญเราตีฆ้อง บอกเทวดาว่า เรากำลังจะมาเยือน เทวาศรม หรือ เทวา+อาศรม ที่หมายถึง ที่พักผ่อนของเหล่าเทพนั่นเอง


Beachfront Pool Villa

ความสนุกของการกลับมาเยือนที่นี่ คือการพักในห้องพักที่แตกต่างกันไปทุกครั้งค่ะ เทวาศรม เขาหลัก มีห้องทั้งหมด 7 แบบ ทั้งแบบ Grand Deluxe ที่อยู่บนอาคาร, Seaside Junior Suite with Jacuzzi ที่มีอ่างจากุชชี่ใหญ่อยู่ที่ระเบียง, Pool Paradise Suite ที่มีสระว่ายน้ำบนระเบียงห้องทุกห้อง, พูลวิลล่า 1 และ 2 ห้องนอน, และ สกายวิลล่า ที่เป็นเหมือนเพนเฮ้าส์

ทุกห้องสามารถเห็นวิวทะเลได้หมดเลยค่ะ ตัวรีสอร์ทส่วนใหญ่หันไปทางทิศตะวันตก ทำให้เห็นวิวพระอาทิตย์ตกสวยๆ ได้ทุกวัน

ซึ่งในครั้งนี้ นัทพัก 2 แบบเลย เรามาชมห้องแบบแรก “Beachfront Pool Villa” ซึ่งแต่ละห้องเลย์เอาท์จะไม่เหมือนกัน เพราะได้แรงบันดาลใจมาจากหมู่บ้านชาวประมงที่อยู่ริมทะเลค่ะ ทั้งรูปร่างของสระน้ำ หรือ ตัวห้องนั่งเล่น ห้องนอน ก็จะแตกต่างกันไป แต่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบเหมือนกันทุกวิลลา และ มีขนาดพื้นที่ใกล้เคียงกันอยู่ที่ 150 – 160 ตร.ม. ค่ะ

เข้าไปจะมีทางเดินหน้าห้องเล็กน้อย ก่อนถึงประตูห้องนะคะ ให้ความรู้สึกส่วนตัว เหมือนอยู่บ้าน

สิ่งแรกที่เราชอบคือเตียงขนาด 7 ฟุต ซึ่งใหญ่กว่าเตียงคิงไซส์ปกติ พร้อมเครื่องนอนที่นอนสบาย มีทั้งหมอนเนื้อแน่นและแบบอ่อนค่ะ

ห้องนั่งเล่น มีทั้งมินิบาร์ ซึ่งเราสามารถทานได้ทั้งหมดไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ทั้งน้ำผลไม้ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ขนมของว่าง มีชุดชา ที่มีชาสมุนไพรของไทยด้วย แล้วก็เครื่องชงกาแฟค่ะ

ห้องต่างๆ ว่าปังแล้ว มาเจอห้องน้ำ อ่างใหญ่ แสงธรรมชาติ ห้องน้ำใหญ่มาก และที่สำคัญ น้ำจากฝักบัว สามารถปรับได้แรงสะใจมาก อาบน้ำได้แบบฟินๆ มีทั้งเรนชาวเวอร์ และ ฝักบัวค่ะ

มาที่อ่างล้างหน้าแบบ His & Her หันไปเห็นดรายเป่าผม Dyson แล้วดีใจมากค่ะ ดีงามไม่ต้องแบกมาเอง นอกจากนี้ ทางรีสอร์ทเตรียม bath salt และ bath oil ไว้ให้ด้วยค่ะ โดนสปอยจริงๆ

สิ่งอำนวยความสะดวกในห้องก็มีให้ครบครันค่ะ ชุดคลุม รองเท้าสลิปเปอร์ รองเท้าแตะ แปรงสีฟัน สำลี สบู่แชมพูที่นี่ เป็นแบรนด์ของตัวเอง กลิ่นหอมมมมม

ช่วงที่เรามา ฝนตกบ้าง แต่ด้วยความที่เป็นกระจก Floor-to-Ceiling นอนมองวิวชิลล์ๆ ก็รู้สึกได้พักผ่อนแล้วค่ะ ส่วนทะเลก็เดินลงจากห้องได้เลยค่า


Good Morning Breakfast!

สำหรับอาหารเช้าของที่นี่นั้น ต้องบอกว่าจัดเต็มมากๆ ใครที่พักห้องที่มีสระว่ายน้ำ นัทขอแนะนำให้สั่ง Floating Breakfast มาทานที่ห้อง ซึ่งมีค่าใช้จ่ายเพิ่มท่านละ 800 บาทค่ะ เราให้โรงแรมจัดมาให้เลย ถูกใจเลยค่ะ ชอบแซลมอนรมควัน, prosciutto, salami โยเกิร์ตและเบเกอรี่ก็ดีค่ะ ที่สระหน้าห้อง จะมีสเต็ปที่สามารถนั่งเล่นได้ ชมวิวได้ เป็นการทานอาหารเช้าลอยน้ำ ที่สดชื่น และ ทานได้จริงมากๆ ค่ะ

ส่วนอาหารเช้าปกติจะเสิร์ฟที่ห้องอาหาร Takola Thai Restaurant

เราชอบพรีเซนเทชั่นของอาหารเช้าที่นี่มากๆ เหมือนอยู่ใน souk เมืองอาหรับ รู้สึกเก๋มากๆ ทุกอย่างดูสวยไปหมด ให้ความรู้สึกอยากเดินมาช้อปปิ้งอาหารเช้าไปทานที่โต๊ะ เดินหลายรอบมากเลยค่ะ

เมนูอาหารก็เอาใจทุกคน ทั้งไทยและต่างชาติ อย่างนัทก็จะชอบ Salami, Prosciutto กับ ชีส เอามากๆ ขนมปัง ไข่ต่างๆ มีครบทุกแบบ มีชอบขนมจีนน้ำยา เผ็ดถึงเครื่องแบบมาถึงภาคใต้จริงๆ ก๋วยเตี๋ยวต้มยำ ข้าวต้ม อย่าลืมลองไข่กระทะด้วยนะคะ นอกจากนี้ ใครที่ทานอาหารสายสุขภาพ จะต้องรักสลัด โยเกิร์ตโฮมเมด เมนูสุขภาพของที่นี่เอามากๆ แน่ๆ

เจออาหารเช้าดีๆ นี่แฮปปี้มากๆ เลยค่า


Takola Thai Restaurant

พอเข้าช่วงเที่ยง ห้องอาหาร ตะโกลา ก็จะกลายร่างเป็นห้องอาหารไทย ที่มีดีกรีรางวัล Bib Gourmand จาก มิชลินไกด์ 2 ปีซ้อนเลยนะคะ อาหารไทยที่นี่รสชาติจัดจ้านถูกปาก มีเมนูท้องถิ่น อาหารใต้ อย่างแกงส้ม แกงปูใบชะพลู น้ำพริกตะโกลา หมูฮ้อง พอร์ชั่นใหญ่เต็มปากเต็มคำ


Seaside “Pool Paradise” Suite

อีกหนึ่งห้องพักที่เราพักในครั้งนี้ เป็นห้องแบบ Seaside “Pool Paradise” Suite ซึ่งห้องพักที่อยู่ในอาคารเดียวกันนี้ จะมีสระน้ำ plunge pool อยู่ทุกห้องเลยค่ะ แทบไม่เคยเห็นโรงแรมไหน ทำสระว่ายน้ำไว้ทุกห้องแบบนี้เลย ซึ่งมันมีเอกลักษณ์มากๆ ตรงที่ ถ้าอยู่ชั้นบนก็จะมีวิวสวย ส่วนถ้าอยู่ชั้นล่าง ก็จะมีพื้นที่กว้าง มีระเบียงให้นั่งชิลล์

ไม่ว่าจะพักห้องไหน ก็จะเห็นวิวทะเลหรือลากูน เพราะทางรีสอร์ทออกแบบให้ทางระเบียงทุกห้อง เฉียงออกไปทางทะเล แต่ยังมีความเป็นส่วนตัวอยู่ค่ะ เราจะไม่เห็นห้องข้างๆ ค่ะ

ห้องนั่งเล่นจะแยกออกมาเป็นโซนเลยค่ะ มีทุกอย่างเพียบพร้อมเช่นกัน ของว่าง เครื่องดื่ม เหมือนในพูลวิลล่าเลย แต่ไม่รวมเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ค่ะ

ครั้งนี้ได้อยู่ชั้นล่าง วิวดีไปอีกแบบ มีความเป็นส่วนตัวดีนะคะ

ห้องน้ำจะมีแยกส่วนเปียกกับส่วนแห้ง มีตู้เสื้อผ้าและโต๊ะเครื่องแป้งยาวเลยค่ะ ส่วนตัวอ่างอาบน้ำจะอยู่บริเวณห้องนอน นัทว่าดีนะคะ เพราะนั่งมองทะเลสวยๆ เรียกทางโรงแรมมาตีฟองได้ค่ะ

อ่างล้างหน้าคู่เช่นกัน น้ำอุ่นและแรง ต่างกับห้องพูลวิลล่าแค่ตรงดรายเป่าผมเป็นแบรนด์ทั่วไปค่ะ นอกนี้มีให้ครบ

เตียงใหญ่ 7 ฟุตเช่นกันค่ะ นอนสบายมากๆ


The Golden Peninsula

มาที่นี่เหมือนหลุดมาอีกโลก มุมถ่ายรูปเยอะมากกก มีหลายๆ จุด ที่อยากชวนไปถ่ายให้ครบนะคะ เพราะอย่างที่บอกว่าที่นี่เหมือนเป็นเดสติเนชั่นในตัวเลยค่ะ

ส่วนหอคอยที่เห็นอยู่ด้านหลังนี้เป็น Lagoon Tower ทั้งห้องชั้นล่างและชั้น 2 เราว่าออกแบบมาให้สงบมากเลยค่ะ มีเสื่อและบล๊อคโยคะเตรียมไว้ เราแอบมาเล่นโยคะตอนเช้าที่ชั้นบน วิวสวย บรรยากาศดีมากๆ ทั้งการสูดอากาศริมทะเล การมองออกไปไกลๆ ที่ทะเล การฟังเสียงคลื่น ทุกอย่างช่วยเสริมพลังและสมาธิ ทำให้เล่นโยคะได้อย่างสมบูรณ์มากๆ ค่ะ

กำแพงที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก Step Well

มุมสวยๆ เพียบเลยค่ะ จริงๆ นัทมาแล้วครั้งนึง แต่พอมาอีกครั้ง ในฤดูกาลที่เปลี่ยนไป บรรยากาศเปลี่ยนไป มู้ดก็เปลี่ยนไปหมดเลย ครั้งนี้ ก็ยังสนุกและตื่นเต้นกับการได้พักผ่อนที่นี่เช่นเคย

Fun in the Sun

ที่นี่มีสระว่ายน้ำใหญ่อยู่ริมหาด เป็นสระว่ายน้ำสองสเต็ป พื้นหินอ่อน ทำให้น้ำสีสวยมากๆ เป็นสระว่ายน้ำที่เหมาะกับการพักผ่อนเป็นอย่างมาก ด้านข้างก็จะมีสระเด็กเล็กๆ อยู่ด้วยค่ะ

กีฬาทางน้ำ ที่ทางรีสอร์ทมีเตรียมไว้ จะเป็น คายัค บอดี้บอร์ด แพดเดิ้ลบอร์ด และ บอร์ดเซิร์ฟค่ะ

สำหรับ แพดเดิ้ลบอร์ด สามารถพายอยู่ในลากูนตามธรรมชาติด้านข้างรีสอร์ทได้เลย แต่จะไม่อนุญาตให้นำออกไปในทะเล เพื่อความปลอดภัยของแขกผู้เข้าพักทุกท่านค่ะ ลากูนก็บรรยากาศดีมากๆ สามารถพายได้ไกลไปถึงแนวต้นมะพร้าว ที่อยู่ด้านนอกรีสอร์ทได้เลยนะคะ ได้สวมวิญญาณนักสำรวจของจริง

นอกจากนี้ก็จะมีฟิตเนส ที่มีครบครัน มีมุมต่อยมวย และ มีจักรยานให้ยืมปั่นไปละแวกด้านนอกด้วยค่ะ

มีสวนสมุนไพรของตัวเองด้วยนะคะ


Afternoon Tea at The Library

อีกมุมลับในรีสอร์ทต้องยกให้ห้องสมุด ที่สามารถมานั่งเล่น นั่งอ่านหนังสือระหว่างวันได้ค่ะ หนังสือน่าสนใจเยอะมากเลยนะคะ เป็นวิวสวน แอร์เย็นๆ มาหลบร้อนได้

ส่วนอาฟเตอร์นูนทีที่นี่ จะชื่อว่า Devasom Patisserie Tea Salon Set ชุดชายามบ่ายและขนมสไตล์ฝรั่งเศสที่ใช้วัตถุดิบชั้นดี และจัดเต็มมากๆ ตัวของว่างคาว ทำมาอย่างพิถีพิถัน ส่วนขนมเค้กก็ชิ้นใหญ่เลยค่ะ ชิ้นที่เป็นมะพร้าวอร่อยมากๆ เลย เสิร์ฟคู่กับชาหอมๆ อยู่ที่ราคา 1,177 บาทต่อเช็ตสำหรับ 2 ท่านค่ะ


Devasom Spa | Wellness

คราวที่แล้วสปาเต็ม นัทเลยไม่ได้ทำ แต่ประทับใจในความสวยงามของสปามากๆ เป็นหนึ่งในสปาที่สวยที่สุดที่นัทเคยไปแล้วค่ะ รายละเอียดเยอะมาก

ครั้งนี้ พอได้มาทำ บอกเลยว่า ไม่ได้มีดีแค่ความสวยจริงๆ นี่คือสปาที่ดูแลทุกรายละเอียดเลยค่ะ ตั้งแต่ เสียงเพลงเพราะๆ เข้ากับบรรยากาศ ความนุ่มของเตียง ที่ชอบมากๆๆๆ ที่สุด คือผ้าที่ใช้รองหน้าเรากับหมอนตอนนอนคว่ำค่ะ คือบางที่ชอบใช้ผ้าขนหนูแล้วมันเจ็บหน้า บางที่ก็เป็นผ้าที่ไม่นุ่ม แต่อันนี้เป็นผ้าแบบใช้แล้วทิ้ง ที่สัมผัสดีมากๆ

น้ำมันที่ใช้นวดก็นุ่มชุ่มผิวอย่างเห็นได้ชัด ตอนนวดเสร็จ ปลุกเราด้วยเสียงขัน เหมือนตื่นจากภวังค์ ต้องบอกเลยว่า วันนั้นเป็นประสบการณ์สปาที่สมบูรณ์แบบมากๆ ค่ะ


Devasom Beach Grill & Bar

เราเดินผ่านกลิ่นหอมๆ จากพิซซ่าเตาถ่าน ก่อนที่จะมองไปเห็นวิวทะเลจากภายในห้องอาหารแห่งนี้กันเลย เสิร์ฟเมนูที่มีกลิ่นอายเมดิเตอเรเนียน ทั้งสลัด, แซนวิชต่างๆ, รวมไปถึง พาสต้า หลากชนิด เราทาน Focaccia กับ ซัลซ่าที่เสิร์ฟมาตอนเริ่มมื้อเกลี้ยงทุกรอบ

วันนี้ได้ลองทั้งพาสต้า พิซซ่า สเต็ก และ สลัด ดีทุกจานเลยค่ะ อย่างสลัดเป็นเมนูที่หลายคนมองว่าธรรมดา แต่พอมันถูกรังสรรค์มาอย่างดี ต้องบอกว่ากลายเป็นสลัดที่อร่อยมากๆ สำหรับคนไม่อินกับผักค่ะ พาสต้าเส้น Al Dente ตามมาตรฐาน ส่วนพอร์คช้อปก็สุกพอดี มีเครื่องเคียงและซอสที่อร่อยเลยค่ะ


Beach Picnic at Devasom Khao Lak Beach Life

หากใครอยากชมพระอาทิตย์ตกสวยๆ ชิลล์ๆ นัทขอแนะนำ Beach Picnic ที่จะได้ทั้งชุดปิคนิค ของว่างคานาเป้ ผลไม้และของหวาน มีทั้งเครื่องดื่มต้อนรับ และ เครื่องดื่มที่เราเลือกเองได้อีกคนละ 1 แก้ว รวมไปถึงน้ำดื่ม Sparkling Water ดับร้อนด้วยค่ะ ตรงนี้ ค่อยๆ นั่งคุย นั่งเอนจอย มันเป็นบรรยากาศที่ดีมากๆ เลยค่ะ

สามารถใช้บริการได้จนถึงพระอาทิตย์ตกเลย จะนั่งได้ 3 ชม. ราคา 2,800.- สำหรับสองท่านค่ะ


เทวาศรม เขาหลัก (Devasom Khao Lak Beach Resort & Villas)

ขับรถมาตามถนน เพชรเกษม สาย 4 และ เข้าซอยมาประมาณ 2 กม.

เว็ปไซต์ : www.devasom.com/khaolak
โทร. : 076-592-277
Line OA : @devasomkhaolak

error: