[รีวิว] Four Seasons Tented Camp Golden Triangle สุดยอดประสบการณ์การพักผ่อนระดับโลก ใกล้สามเหลี่ยมทองคำ

ระหว่างล่องเรือไปตามแม่น้ำรวก ชายแดนธรรมชาติที่ไหลลงสู่แม่น้ำโขง ณ จุดที่เรียกว่า “สามเหลี่ยมทองคำ” จุดบรรจบของพรมแดนสามประเทศ ไทย เมียนมา ลาว เราก็ได้เห็นเต็นท์แคมป์ที่ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางป่าอันอุดมสมบูรณ์ ไม่มีหมู่บ้านหรือถนน หนึ่งในประสบการณ์การพักผ่อนที่โด่งดังระดับโลกที่ไม่มีใครเหมือน ที่นี่ Four Seasons Tented Camp Golden Triangle (โฟร์ ซีซันส์ เต็นท์ แคมป์ สามเหลี่ยมทองคำ) รีสอร์ทที่เรียกได้ว่าเป็น Once-in-a-Lifetime Experience ที่แท้จริง

แม้ว่าตัวเต็นท์แคมป์จะอยู่อย่างปลีกวิเวกท่ามกลางป่า แต่ที่นี่ถือว่าเป็นหนึ่งในรีสอร์ทวิวสวยที่เดินทางง่ายที่สุดในเชียงรายแล้วค่ะ เพราะว่าเดินทางด้วยรถยนต์จากสนามบินเชียงราย เพียงไม่ถึง 1 ชม. ถนนสี่เลนขับสบาย มุ่งหน้ามายังบริเวณสามเหลี่ยมทองคำ อ. เชียงแสน จากนั้นก็นั่งเรือเข้าไป ทำให้ไม่รู้สึกเหนื่อยจากอาการเมารถเลย

หากคุณเคยอ่านบทความหรือรีวิวเกี่ยวกับที่นี่ คุณจะต้องได้เห็นคำว่า Unique Experience จากผู้มาเยือนทั่วโลก ซึ่งเราขอยืนยันว่า คำนี้นั้น ไม่เกินจริงเลย ไม่น่าจะมีที่ไหนที่มีเต็นท์แคมป์สุดหรู บนโลเคชั่นที่มีเรื่องราวและประวัติศาสตร์ เป็นป่าเขียวชะอุ่มที่สมบูรณ์ มีมูลนิธิช้างให้เราได้เรียนรู้ชีวิตของพวกเขา เป็นที่ที่มีอิทธิพลทางวัฒนธรรมหลากหลาย และ มีการต้อนรับที่แสนอบอุ่นที่เป็นเสน่ห์ของคนไทยเรา

ที่นี่เป็นส่วนผสมที่ลงตัวของความหรูหรา ความผจญภัย ความธรรมชาติ การออกแบบที่สวยงาม และ การบริการที่เป็นเลิศ Four Seasons Tented Camp Golden Triangle ทำได้ดีในทุกด้าน และพอได้มาสัมผัสเอง ก็ต้องบอกเลยว่า รูปภาพและเรื่องเล่าที่เคยเห็นมานั้น ไม่สามารถถ่ายทอดความพิเศษของที่นี่ออกมาได้ทั้งหมด ตัวนัทเองก็ทำไม่ได้ จึงอยากเชิญทุกคนมาสัมผัสด้วยตัวเองค่ะ


Upon Arrival

ย้อนกลับไปตอนที่รีสอร์ทเปิดในช่วงปี 2006 ที่นี่เป็นรีสอร์ทในฝันของนัทมาตลอด ต้องบอกตรงๆ ว่าในสมัยนั้นยังไม่มีกูเกิลแมพเหมือนทุกวันนี้ นัทรู้สึกว่าที่นี่ลึกลับมากๆ ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน จะมีคนมารับที่สนามบิน และเข้าไปทางเรือเท่านั้น ซึ่งทุกวันนี้ แม้ว่าเราจะสามารถปักหมุดบนกูเกิ้ลแมพได้ แต่เสน่ห์ในการเดินทางเข้ามา และ ความลึกลับนั้นก็ยังคงอยู่

เราไม่สามารถนำรถเข้ามาที่แคมป์ได้นะคะ นัทแนะนำให้ใช้ Airport Transfer ของทางรีสอร์ท แต่หากใครสะดวกขับรถมาเอง ทางโรงแรมจะแจ้งเรื่องที่จอดรถ และส่งรถ Land Rover วินเทจมารับเราไปลงเรือค่ะ เราไม่แน่ใจว่าใช้เวลาไปเท่าไหร่ในการนั่งเรือ เพราะมัวแต่ตื่นเต้น ทั้งถ่ายรูป ทั้งชมวิว คิดว่าน่าจะไม่เกิน 10-15 นาที ก็มาถึงท่าเรือของรีสอร์ทแห่งนี้แล้ว

เดินขึ้นมาจากท่าเรือ ก็ขอตีฆ้องสามครั้ง เป็นธรรมเนียมในการเข้ามาพักที่นี่ค่ะ เราทำการเช็คอิน จิบเวลคัมดริงค์เย็นๆ ที่เลาจ์กันก่อน แค่ตรงนี้ก็บรรยากาศดี วิวสวยแล้ว เห็นโค้งแม่น้ำรวกจากที่เลาจ์เลย

Four Seasons Tented Camp Golden Triangle นั้น อยู่กลางป่าจริงๆ จึงไม่ได้ใช้รถบั๊กกี้แบบที่อื่น และแขกที่มาพักหลายๆ ท่านจะชอบบรรยากาศการได้เดินไปมาเอง แต่หากไม่อยากเดิน ก็สามารถเรียกรถแลนด์โรเวอร์รับส่ง ภายในส่วนต่างๆ ของแคมป์ได้ค่ะ

หากผู้สูงอายุหรือท่านใดมีปัญหาเรื่องเข่า ที่นี่อาจจะต้องมีการเดินขึ้นลงบันได แนะนำให้ติดต่อกับทางโรงแรมมาก่อนนะคะ จะได้จัดเต็นท์ที่สะดวกค่ะ


Superior Riverview Tent

ภายใน Four Seasons Tented Camp Golden Triangle (โฟร์ ซีซันส์ เต็นท์ แคมป์ สามเหลี่ยมทองคำ) นั้น มีห้องพักเพียง 15 เต็นท์ กับอีก 1 ลอดจ์เท่านั้น ซึ่งนั่นคือความพิเศษของที่นี่ เพราะแต่ละเต็นท์อยู่ค่อนข้างห่างกัน ความเป็นส่วนตัวสูงมากๆ และไม่มีช่วงเวลาที่วุ่นวายเลยตลอดการเข้าพักค่ะ

เต็นท์ทั้ง 15 เต็นท์นั้น เลย์เอาท์และการตกแต่งจะเหมือนกันหมด ยกเว้น Deluxe Tent ที่จะมีอ่างน้ำร้อนอ่างใหญ่ด้านนอกเพิ่มขึ้นมาค่ะ นอกจากนี้ พื้นที่ใช้สอยจะอยู่ที่ 54 ตร.ม. ซึ่งถือเป็นเต็นท์ที่ใหญ่มากๆ

อย่าลืมว่า ผู้คนมาที่นี่เพื่อที่จะมาแคมปิ้งในเต็นท์ ดังนั้นการเข้าออกไปยังระเบียงหรือห้องน้ำ เรายังจะได้บรรยากาศการรูดซิปเปิดเต็นท์ ช่วงกลางคืน เราก็จะได้ยินเสียงใบไม้ เสียงแมลง (ซึ่งนัทต้องขอสารภาพว่าเป็น ซาวด์ที่นัทชอบเปิดฟังตอนทำงาน) พอมาได้ยินแบบนี้ก็รู้สึกผ่อนคลายและใกล้ชิดธรรมชาติดีมากๆ

แต่กลับกัน แม้จะให้ความรู้สึกผจญภัย แต่ก็ยังได้ความหรูหรา สะดวกสบายสมมาตรฐานโฟร์ซีซันส์ ทั้งเครื่องปรับอากาศ มินิบาร์ เครื่องทำกาแฟ โต๊ะทำงาน อ่างล้างหน้าคู่ และที่ประทับใจที่สุดคือ ที่นี่ Pest Control ได้ดีมากกก เรียกว่า ไม่มีแมลงอยู่ในเต็นท์เลยค่ะ แม้แต่ระเบียง ก็ยังนั่งเล่นได้ชิลล์ๆ พ่อบ้าน/แม่บ้านมาวันละสองครั้ง ดูแลให้ทุกรายละเอียดเลย

ทุกเต็นท์จะมีพร๊อพที่ต่างกันไปค่ะ ตามชื่อที่ไม่เหมือนกันทั้งหมดค่ะ ของเราเป็น Explorer’s Tent หมายเลข 13

เรื่องความสบายของเครื่องนอนนี่นัทพูดถึงในทุกรีวิวของโฟร์ซีซันส์เลยค่ะ หมอนขนเป็ด และ เตียงนอนสบายมากๆ ยิ่งตื่นมาเจอวิวแบบนี้ยิ่งฟินมากเลย

ภายในเต็นท์จะมีอ่างขนาดใหญ่ ซึ่งจะคิดว่าลงแช่ได้ชิลล์ๆ สองคนเลยค่ะ

จุดเด่นภายในเต็นท์คือ รายละเอียดของการตกแต่งภายใน ก๊อกน้ำ อ่างน้ำ มือจับประตู แก้วน้ำ ทุกอย่างถูกสั่งทำให้เข้ากับธีมนักสำรวจของแคมป์

สำหรับสิ่งอำนวยความสะดวกในห้อง ก็มีตั้งแต่ชุด bathrobe ผ้าฝ้ายใส่สบาย เข้าชุดกับสลิปเปอร์ มีชุดม่อฮ่อมเผื่อเราไปทำกิจกรรมต่างๆ กับช้าง ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมอาบน้ำให้ช้างในช่วงเช้า หรือ My Elephant & I เดินป่ากับช้าง

มินิบาร์ภายในห้อง มีชุดชา เครื่องชงกาแฟ ที่บริการอยู่แล้ว ส่วนเครื่องดื่มที่ให้บริการก็หลากหลายดีค่ะ บนมินิบาร์นี้มีทีเด็ด คือ Cookie Jar คุ๊กกี้อร่อยมากเลยค่ะ

มุมอ่างล้างหน้า สบู่ แชมพู ครีมนวด และ โลชั่น รวมไปถึงยากันยุงแบบธรรมชาติ ชุดโกนหนวด ชุดแปรงฟัน หวี สำลี ตะไบเล็บ หมวกคลุมอาบน้ำ คอตตอนบัต และ ดรายเป่าผมค่ะ

ส่วนห้องน้ำ ฝั่งสุขาจะอยู่ภายในเต็นท์ค่ะ ชาวเวอร์จะอยู่เป็นเอาท์ดอร์ วิวป่าเลย

ทุกเต็นท์จะมีระเบียงขนาดค่อนข้างใหญ่เลยค่ะ มีโต๊ะทานข้าว และโซฟา ส่วนถ้าใครพักห้องแบบ Deluxe Tent จะมีอ่างน้ำด้วยค่ะ

พระอาทิตย์ตกจากที่เต็นท์ สวยมาก โค้งน้ำนิ่งๆ ฝั่งตรงข้ามบางทีก็มีวัวควายเดินช้าๆ วิวเป็นสีเขียว กับ ทิวเขา เงียบสงบ เป็น Magical Moment มากๆ ค่ะ


Breakfast with the Elephant

อาหารเช้า และ มื้อหลักๆ ของที่ Four Seasons Tented Camp Golden Triangle จะอยู่ที่ห้องอาหารนงเยาว์ (Nong Yao Restaurant) ค่ะ

โดยเจ้าภาพที่น่ารักของมื้อเช้านี้ คงต้องยกให้เจ้าช้าง ที่มาทักทาย ทานอาหารเช้าพร้อมๆ กับพวกเรา หากเราทานน้ำมะพร้าวหมด เราสามารถเอาลูกมะพร้าวมาให้ช้างได้ด้วยนะคะ เค้าฉลาดมากๆ สามารถแกะกินเองได้ทั้งลูกเลย

อาหารเช้าที่นี่เป็นแบบ A La Carte สั่งได้เรื่อยๆ นะคะ มีตัวเลือกครบทั้งอาหารไทย และ เบรคฟาสท์สไตล์ตะวันตก เมนูประมาณหนึ่งหน้าใหญ่ๆ คุณภาพของวัตถุดิบที่ใช้ก็ถือว่าดีเลยค่ะ มีกราโนล่าทำเอง แต่สิ่งที่พวกเราติดใจคือ ไข่เจียวปู คืออร่อยมากๆ เลย เฝอก็ดี พวกเบเกอรี่ก็อบใหม่อุ่นร้อน หอมฉุยเลยค่ะ

อย่าลืมลองพวกสมูตตี้ทำเองที่เต็มไปด้วยผลไม้และสมุนไพรต่างๆ เริ่มต้นวันได้ดีมากทีเดียวค่ะ


The Burma Bar

เมื่อคุณ Bill Bensley สถาปนิกชื่อดังผู้ออกแบบรีสอร์ทแห่งนี้ ได้มาวิ่งจ็อกกี้ยามเย็นและเห็นพระอาทิตย์ตกลงตรงโค้งของแม่น้ำรวกตรงนี้  แล้วพระอาทิตย์ตกลงตรงกลางพอดีอย่างน่าอัศจรรย์ เขาก็ได้ตัดสินใจทันทีว่า บาร์แห่งเดียวใน Four Seasons Tented Camp จะต้องตั้งอยู่ตรงนี้ ซึ่งเราเชื่อว่า ทุกคนก็น่าจะถูกใจไอเดียนี้ของคุณ Bill Bensley เช่นกัน เพราะเป็นโลเคชั่นที่สวยมากๆ

ที่ Burma Bar เราอาจจะได้เจอกับเพื่อนร่วมแคมป์ท่านอื่นๆ ในฤดูหนาว ที่นี่จะจุดเตาผิงให้ความอบอุ่น มีเครื่องดื่มดีๆ เพลงเพราะ มีเกมส์กระดานตามสไตล์นักสำรวจในยุค 1900s อยู่

เมนูเครื่องดื่มที่นี่มีการทวิสท์ใส่เรื่องราวของดินแดนสามเหลี่ยมทองคำเข้าไปได้อย่างน่าสนใจมากๆ ค่ะ

อีกหนึ่งกิจกรรม Complimentary ของทางรีสอร์ทก็จัดที่ Burma Bar ค่ะ กิจกรรม Shake & Stir ที่จะสอนเราทำค็อกเทล สนุกและได้เครื่องดื่มสดชื่นๆ ดับร้อนยามบ่ายอีกด้วย


Soak in the Jungle

สระว่ายน้ำที่นี่จะเป็นรูปทรงอิสระ โอบล้อมไปด้วยป่า และมีวิวแม่น้ำรวกอยู่ด้านล่าง เป็นดีไซน์สระที่ไม่เหมือนใครเลย
สระว่ายน้ำจะมี 2 ฝั่งค่ะ สระฝั่งหนึ่งเป็น Heated Pool น้ำอุ่นเลย และที่ต้องเป็นสระควบคุมอุณหภูมิ เพราะช่วงฤดูหนาวที่นี่หนาวมาก อุณหภูมิเลขตัวเดียวเลย

อีกหนึ่งในสิ่งที่ทำให้เห็นถึงความหลากหลายของวัฒนธรรมที่มีอิทธิพลในดินแดนแถบนี้ คือ เมนูอาหารที่ Four Seasons Tented Camp Golden Triangle เลือกที่จะเสิร์ฟค่ะ

เมนูช่วงกลางวัน จะมีค่อนข้างหลากหลาย มีทั้งเมนู A La Carte และเป็นเซ็ท ซึ่งวันนี้เรารีเควสท์เป็น Lunch by the Pool ค่ะ

เมนูแรกเป็นข้าวแรมฟืน ที่ทำมาจากแป้งและถั่ว หลายๆ ที่จะเสิร์ฟเป็นชิ้นเล็กๆ แต่ที่นี่เสิร์ฟเป็นแผ่นค่ะ อีกสองเมนูที่เราสั่งจะเป็น จอผักกาด และ แกงอ่อม ซึ่งเป็นแกงอ่อมเนื้อออสเตรเลีย เนื้อนุ่ม เข้มข้น ดีงามมากเลยค่ะ ชอบมากๆ

ตรงนี้คือรู้สึกได้ถึงความสงบ ความไม่วุ่นวาย แล้วมันก็เป็นความรู้สึกพิเศษมากๆ ที่ได้มาพักผ่อนอยู่ตรงพรมแดนธรรมชาติเลย


Jungle Spa

ทุกคนคะ ที่นัทเล่ามาทั้งหมด นัทก็รู้สึกว่า ในทุกๆ มุมของที่นี่ มันมีความพิเศษอยู่เต็มไปหมด แล้วมันยังไม่หมดแค่นั้นค่ะ ขอให้เดินเลาะป่า ตามกันมาที่ Jungle Spa สปาที่ Unique ที่สุดในไทยที่เราเคยไปมาเลยค่ะ

สปากลางป่า เปิดโล่งทุกอย่าง เป็นประสบการณ์ใหม่สำหรับเรา และ เป็นประสบการณ์ที่ดีมากๆ ความผ่อนคลายจากเสียงธรรมชาติเต็มร้อย ทุกครั้งที่มองออกไป ก็จะเห็นภาพแสงกระทบใบไม้ที่เขียวขจี

Therapist ที่นี่นวดดีมากๆ เลยค่ะ โปรแกรมนวดก็มีให้เลือกหลายโปรแกรม เช่น Mahout Recovery Treatment ที่จะเป็นการนวดสลับกับประคบร้อน, Ruak Bamboo ที่นำแท่งไม้ไผ่อันเป็นสัญลักษณ์ของความแข็งแรงและอายุยืนมาช่วยในการนวด

ส่วนเราเลือกเป็น Doi Tung Rejuvenator ซึ่งเป็นการนวดสลับการยืดเหยียดคลายเส้น ทำเสร็จแล้วรู้สึกเบาสบายมากค่ะ

ตัว Jungle Spa จะเดินแยกมาจากเต็นท์อยู่พักใหญ่เลยนะคะ เพราะทางสปามาด้วยคอนเซปท์ อยากให้เราหลีกหนีจากความวุ่นวายทุกอย่าง ให้การเดินเลาะป่ามายังสปา ช่วยทำให้เราใกล้ชิดธรรมชาติและผ่อนคลายก่อนมาถึงค่ะ

สปามีสองห้องเท่านั้น แต่ละห้อง อยู่ห่างกัน ไม่มีใครเห็นเราแน่นอนค่ะ


Around the camp

จริงๆ หากใครชอบเดินป่า อยู่ที่นี่ไม่ต้องเรียกรถเลยก็ได้ค่ะ สามารถเดินเลาะถึงกันได้หมดเลย ช่วงกลางรีสอร์ท จะมีสะพานแขวนเชื่อมอยู่ด้วยค่ะ วิวตรงนี้ สูงและสวยมาก เป็นหุบเขาลงไป

และเราก็จะเห็นโขลงช้างเดินไปเดินมาแว้ปๆ ตลอดเลยนะคะ เพราะเค้าปล่อยให้เดินอยู่ในป่า ส่วนสัตว์อื่นๆ ก็จะมีนกสวยๆ ผีเสื้อหน้าตาแปลกๆ สีสด เต็มไปหมดเลยค่ะ แต่ถ้าในเต็นท์คือไม่มีแมลงหรือสิ่งแปลกปลอมอะไรเลย ถือว่าจัดการดีมากๆ

ฝั่งตรงข้ามที่เราเห็นเป็นประเทศเมียนมาค่ะ ตอนล่องเรือ เราก็จะเห็นวิวสามประเทศเลยนะคะ


BBQ Dinner at Explorer’s Lodge

คืนสุดท้าย เราจองเป็น บาร์บีคิวดินเนอร์ ซึ่งจะจัดที่ห้อง Explorer’s Lodge ซึ่งห้องนี้เป็นห้องระดับสูงสุดของแคมป์ค่ะ มีเพียงห้องเดียว เป็นพูลวิลล่า 2 ห้องนอน พักได้สูงสุด 6 ท่าน จะเป็นบ้านไม้มีสระว่ายน้ำในตัว ตกแต่งสวยมากๆ

สำหรับ BBQ Dinner ถ้าพักห้องนี้อยู่แล้วก็จองเพิ่มได้เลย แต่อย่างเราไม่ได้พักห้องนี้ ก็ต้องลุ้นนิดนึงว่า วันนั้นห้องว่างรึป่าวค่ะ

โต๊ะดินเนอร์ของเราในวันนี้

ทางเชฟจะมาพร้อมเตาบาร์บีคิวที่ลอดจ์เลย มื้อนี้จะจัดเต็มทั้ง เนื้อและซีฟู้ด From both Land and Sea เลยค่ะ

เริ่มมื้อด้วย ขนมปังที่มาในกระติ๊บน่ารักสุดๆ ตามด้วยสลัดอะโวคาโดจานใหญ่มากๆ ส่วนของ บาร์บีคิว มีน้ำจิ้มให้เลือกถึง 4 แบบ จานซีฟู้ดมีทั้งแซลมอน ทูน่า แล้วก็กุ้งตัวโตมาเลย

จานเนื้อก็จัดเต็มมากๆ อันนี้ของจริงจานใหญ่มากค่ะ เนื้อเทนเดอร์ลอย ซี่โครงแกะ สเต็กไก่

ชอบความเงียบสงบแต่สดชื่นมากๆ ขากลับเดินกลับห้อง ทางทีมเรนเจอร์ก็จะเดินนำถือไฟฉายส่องสว่างกลับไปส่งถึงหน้าเต็นท์เลยค่ะ

สุดท้ายแล้ว หนึ่งสิ่งที่ไม่กล่าวถึงไม่ได้เลย คือ ความน่ารัก ความใส่ใจ การบริการของทีมงานทุกคนในแคมป์นี้ ตั้งแต่ลุงคนขับเรือ, เรนเจอร์ที่ว.​ประสานงาน, พ่อบ้านแม่บ้านที่ดูแลเต็นท์ให้เป็นอย่างดี, พนักงานที่คอยขับแลนด์โรเวอร์ไปรับส่งตลอด, พนักงานที่ห้องอาหารที่คอยดูแลในทุกๆ มื้อ, เชฟที่มาดูแลบาร์บีคิว, เทอราปีสที่สปา, บาร์เทนเดอร์ที่รังสรรค์เครื่องดื่มตามที่เราชอบ, ควานช้างที่ทำให้เราได้สัมผัสกับสัตว์ใหญ่ใจดี, Guest Service ที่มาต้อนรับและคอยตอบไลน์เราตลอดเวลา

นัทคิดว่า ไม่ว่ารีสอร์ทจะดีไซน์ออกมาสวยหรืออยู่ในโลเคชั่นที่พิเศษขนาดไหน ถ้าปราศจากผู้คนที่ดูแลอยู่ในแคมป์นี้ไป คงจะขาดเสน่ห์ที่ทำให้แขกทุกคนประทับใจไปแน่ๆ

โดยสรุปแล้ว สำหรับนัทคิดว่า ที่นี่คุ้มค่าที่จะเป็น Once in a lifetime experience และ สมกับที่เป็น Bucket List ที่รอคอย ยอมรับว่า สมัยที่ราคาเต็มแบบ All-Inclusive เท่านั้น (แพกเกจราวๆ สองแสน) ก็อาจจะมีลังเลและมักจะจบด้วยการไปโฟร์ซีซันส์ที่ต่างประเทศแทน (และกลับกันค่ะ ชาวต่างชาติก็จะไม่เลือกไปที่ประเทศตัวเองและมาที่นี่แทน) แต่ตอนนี้ ทางรีสอร์ทมีการปรับเปลี่ยนให้สามารถจองแยกได้ ไม่ต้องเป็นแพกเกจ All-Inclusive ทำให้มีทางเลือกในการเข้าพักที่หลากหลายมากขึ้น รวมถึงมีราคาพิเศษสำหรับคนไทยอยู่เรื่อยๆ ซึ่งในราคานี้ นัทคิดว่า คุ้มค่ากับประสบการณ์ที่ได้รับมากๆ ค่ะ

One of the most extraordinary, unique and magical experience I’ve ever had in Thailand.


Four Seasons Tented Camp Golden Triangle (โฟร์ ซีซันส์ เต็นท์ แคมป์ สามเหลี่ยมทองคำ)

ตั้งอยู่บริเวณ สามเหลี่ยมทองคำ อ.เชียงแสน จ.เชียงราย

ใช้เวลาประมาณ 1 ชม. โดยรถยนต์ จากสนามบินนานาชาติแม่ฟ้าหลวง เชียงราย สามารถติดต่อโรงแรมสำหรับรายละเอียดที่จอดรถค่ะ

โทร. : 053-910-200
เว็ปไซต์ : https://www.fourseasons.com/goldentriangle/

error: