คู่มือเที่ยว พิพิธภัณฑ์ลูฟร์ (Louvre Museum Paris) ให้ได้ทั่วพร้อม 10 ไฮไลท์ที่คุณไม่ควรพลาด

Louvre Museum (Musée du Louvre) หรือ พิพิธภัณฑ์ลูฟร์ ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศสนั้น ถือเป็นหนึ่งในพิพิธภัณฑ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก และ สัญลักษณ์แห่งกรุงปารีส ซึ่งหลายๆ คน อาจจะสงสัยว่า พิพิธภัณฑ์ลูฟร์ มีอะไร? ต้องดูอะไรบ้าง? งานแต่ละชิ้น มีความสำคัญยังไง? ทำไมถึงดัง? วันนี้ Eat Chill Wander ขอรวบรวมรีวิว ข้อควรรู้ เส้นทางในการเดิน และ ไฮไลท์ที่ควรชมหากคุณไปพิพิธภัณฑ์ลูฟร์ค่ะ

Musée du Louvre หรือ พิพิธภัณฑ์ลูฟร์ เป็นเจ้าของงานศิลปะและของล้ำค่าทางประวัติศาสตร์กว่า 380,000 ชิ้น และนำมาจัดแสดงไว้ในพิพิธภัณฑ์ครั้งละมากกว่า 35,000 ชิ้น นั่นหมายความว่า ถ้าเราใช้เวลาดูของทุกชิ้นโดยให้เวลา 20 วินาทีต่อ 1 ชิ้น เราจะต้องมาลูฟร์ตั้งแต่เปิดถึงปิด ติดกันโดยไม่พักราวสองเดือน!!!

และเราเชื่อว่าหลายๆ คน อาจจะมีเวลาเพียง 2-3 ชั่วโมง หรือ 1 วัน ในการชมพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ หากไม่ทราบอะไรไปก่อนเลย ก็อาจจะเบื่อ หรือไปชมแค่โมนาลิซ่า แต่จริงๆ สำหรับคนที่ชอบการเดินทางและประวัติศาสตร์แบบนัท ลูฟร์เป็นแหล่งความรู้ เป็นเหมือนหนังสือประวัติศาสตร์ที่มีชีวิตเลยค่ะ นัทเองมีโอกาสไปมา ครั้งล่าสุดตอนปลายปี 2021 เป็นครั้งที่ 7 แล้ว แต่ละครั้งชมไม่ซ้ำกันเลย แต่ลิสท์ไฮไลท์ 10 อย่าง ก็จะเลือกกลางๆ รวมมาจากหลายสำนัก และ ความสนใจของตัวเองประมาณนึงนะคะ 🙂 แต่เดินตามนี้ มันจะไม่วนไปวนมา และ เรียงยุคค่ะ พิพิธภัณฑ์มันใหญ่มาก ถ้าจะเดินให้ครบทุกห้องทุกชั้น จะอยู่ที่ 13 กม. ค่ะ


ข้อควรรู้ก่อนไป พิพิธภัณฑ์ลูฟร์

– เริ่มจากทางเข้าที่คนน้อยที่สุด นั่นคือ บันไดเลื่อนลง ข้างๆ ประตูชัยที่อยู่หน้าลูฟร์ค่ะ (Arc de Triomphe du Carrousel) ตรงนี้มักจะไม่มีคน คนส่วนใหญ่มักจะไปต่อคิวเข้าตรงปิรามิดตรงกลาง ซึ่งตรงนั้นคิวยาวแล้ว แต่ลงไปข้างล่างจะเจอคิวซื้อตั๋วที่ยาวมากอีกสเต็ปหนึ่ง (ซึ่งเราแนะนำให้ซื้อมาก่อน) และ คิวสแกนตั๋วเข้าลูฟร์ อีกทีค่ะ

– ช่วงนี้ ตรงทางเข้าเค้าตรวจหลักฐานวัคซีน หรือ Covid Pass นะคะ เตรียม qr code หมอพร้อมไว้เลย

– ลงมาปุ๊ป หากซื้อตั๋วมาก่อนแล้ว ให้ตรงไปที่ทางเข้าที่สแกนบาร์โค้ดเข้ามิวเซียมได้เลยค่ะ

– พิพิธภัณฑ์ลูฟร์ ปิดทุกวันอังคาร นะคะ!

ตั๋วเข้า Louvre Museum

– แนะนำให้จองตั๋วมาก่อน!!!! สำคัญมากๆ!!!! สามารถซื้อออนไลน์ได้เลย จริงๆ ซื้อหน้ามิวเซียมจะถูกกว่าประมาณ 2 ยูโรค่ะ แต่เราว่าไม่ค่อยคุ้มรอ ทางไปจอง >> คลิ๊กที่นี่

– คราวนี้นัทใช้ Paris Museum Pass ซื้อบน Klook เพราะราคาดีกว่า จ่ายเป็นเงินไทย และมักจะมีโปรโมชั่น/สะสมแต้ม — ตัว Paris Museum Pass มีตั้งแต่แบบ 2 วัน 48 ชั่วโมง

– นัทซื้อ แบบ 4 วัน ใช้ได้ 96 ชั่วโมง ราคาประมาณ 66€ แต่นัทไปมา 6 ที่ ค่าตั๋วรวมกันร้อยกว่ายูโร ประหยัดไปเกือบครึ่งเลยค่ะ

– พอซื้อ Paris Museum Pass บน Klook เสร็จ เราต้องไปรับที่ออฟฟิศ Big Bus ไม่ไกลจากลูฟร์ค่ะ ได้มาปุ๊ป ก็เอามาจองสล๊อตเวลาที่จะเข้าชมบนเว็ปได้เลย (เรื่องจองสล๊อตเวลานี่ เป็นเฉพาะช่วงโควิดนะคะ เพื่อจำกัดปริมาณการเข้าในแต่ละช่วง)

– สำหรับเส้นทางในการเดินชมที่นัทเขียนไว้ในรีวิวนี้ จะเป็นเริ่มจาก Richelieu Entrance ค่ะ เข้ามาแล้ว ลงมาแล้วเลี้ยวซ้าย โชว์ Paris Museum Pass และ Barcode คอนเฟิร์มสล๊อตเวลา ผ่านเข้าได้เลยค่ะ

ทางไปซื้อ Paris Museum Pass >> คลิ๊กที่นี่


เส้นทางในการเดินชม Louvre Museum ด้วยเวลาจำกัด

ลูฟร์แบ่งเป็น 3 ปีกค่ะ ถ้าเรามาจากสวน Tuileries มองตรงไปที่ตัว Palace ทางซ้ายมือจะเรียก Richelieu Wing ตรงกลางคือ Sully Wing และทางขวาคือ Denon Wing ค่ะ

ถ้าเวลาแบบจำกัดมากกกกกก มีไม่ถึง 1 ชั่วโมง ก็น่าจะเดินได้แค่ Denon Wing ค่ะ คือเข้ามาถึงชั้นล็อบบี้ เลี้ยวขวา จะเจอศิลปะอิสลาม ขึ้นบันไดไปได้เลย จะเจอรูปปั้นกรีก สามารถชม วีนัส แล้วขึ้นมาเจอ Winged Victory of Samotrace, Mona Lisa และภาพเขียน Neo Classicism กับ Romanticsm ห้องเบอร์ 700 ได้ทันสบายๆ ค่ะ

ส่วนรูทที่นัทเขียนไว้จะใช้เวลาประมาณ 2-3 ชั่วโมงขึ้นไป จนถึง เต็มวันก็ยังได้ค่ะ

ใครเรียนหรือศึกษาประวัติศาสตร์โลกอยู่ มารูทนี้จะสนุกค่ะ เพราะเราจะผ่านอารยธรรมโบราณ ไล่มาตั้งแต่ ยุคก่อนประวัติศาสตร์ (Pre-historic), เมโสโปเตเมีย (แอสซีเรีย, บาบิโลเนีย), เปอร์เซีย, อียิปต์, กรีกโบราณ, โรมันโบราณ, ยุคกลางนิดหน่อย แล้วเข้าสู่ยุคเรเนซองส์ มาจนถึง นีโอคลาสสิก และ โรแมนติก ค่ะ

ถัดจากนี้ ต้องไปต่อกันที่พิพิธภัณฑ์ถัดไปคือ Musee d’Orsay ซึ่งเป็นศิลปะในยุคโมเดิร์นค่ะ แต่การได้เห็นแนวคิด การพัฒนาขึ้นมาของอารยธรรม วัฒนธรรมและมูฟเม้นท์ต่างๆ ทางสังคม มันสนุกมากๆ เลยค่ะ

นัทจะเริ่มจาก ลงบันได้เลื่อนมาถึง เลี้ยวซ้าย เข้าทางเข้าที่ชื่อ Richelieu Entrance ค่ะ


Cour Marly (Room 105)

เข้ามาถึงจะเจอคอร์ทยาร์ดตรงนี้เป็นอันแรก Cour Marly ซึ่งตรงนี้จะเป็นรูปปั้นในสมัย 1600-1700 ซึ่งทำเหมือนงานจากสมัยกรีกโรมันโบราณ ซึ่งไม่ใช่ว่ามันไม่มีคุณค่านะคะ แต่แน่นอนว่า งานลักษณะเดียวกันที่ทำมาก่อนกาลก่อนนี้เกือบสองพันปี มันทำให้คนตื่นเต้นได้มากกว่าค่ะ (เหมือนกับทุกวันนี้ เราให้คุณค่ากับของที่เก่ากว่านั่นแหล่ะค่ะ)


1. Code of Hammurambi (1792-1750 BC) / Room 227

ขึ้นมานิดนึงเราจะเจอไฮไลท์ชิ้นแรกประมวลกฎหมายฮัมมูรัมบี เป็นกฎหมายที่ใช้ในยุคเมโสโปเตเมีย อารยธรรมในลุ่มแม่น้ำไทกริส ยูเฟตีส เป็นกฎหมายที่เก่าแก่ที่สุดในโลก

ประมวลกฎหมายที่จารึกบนหินสลักนี้ มาจากช่วงบาบิโลเนีย — ซึ่งความสำคัญของหินชิ้นนี้ คือ มันเป็นประมวลกฎหมายชิ้นที่ละเอียด สมบูรณ์ และ เขียนไว้อย่างเป็นระเบียบมากที่สุด ทำให้เราสามารถศึกษากฎหมายในบาบิโลเนีย กฎหมายที่เน้นการแก้แค้น ฟีลฆ่ามาฆ่ากลับ ตาต่อตา ฟันต่อฟัน และก็สำคัญมากๆ ในการศึกษาอารยธรรมต่างๆ ของมวลมนุษย์

ถ้าไปดูใกล้ๆ จะเห็นเขียนจารึกด้วยตัวอักษรคูนิฟอร์ม ตัวอักษรตัวแรกๆ ของโลกค่ะ


2. Lamassu – The Winged Bull (721-705 BC) / Room 229

เลี้ยวมานิดนึงจะเจอห้องนี้ค่ะ เค้าแทบจะยก The Palace of Sargon ii มาเลยค่ะ ซึ่งเป็นเมืองหลวงของแอสซีเรีย ในปัจจุบันอยู่ที่อิรัก โซนนี้ของลูฟร์ ถือเป็นนิทรรศการและพิพิธภัณฑ์แอสซีเรียแห่งแรกของโลกเลยค่ะ

สำหรับรูปปั้นครึ่งคนครึ่งกระทิงและมีปีก ชื่อว่า Lamassus แสดงให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ของกษัตริย์แอสซีเรียนค่ะ

ความน่าสนใจคือ เวลาเรามองรูปปั้นเจ้า Lamassus นี้จะมี 5 ขาค่ะ ซึ่งถ้ามองจะข้างหน้าก็จะดูยืนตระหง่านด้วยสองขาคู่ ส่วนถ้ามองข้างๆ เลยจะดูเป็น 4 ขา… แต่ พอเรามองเฉียงๆ จะเห็น 5 ขาค่ะ ส่วนรูปปั้นข้างๆ คือ Gilgamesh ค่ะ

ตัวนี้ นัทไม่ได้ใส่ไว้ในไฮไลท์ แต่จะอยู่ตรงทางผ่านค่ะ ความสำคัญคือเป็นของชิ้นที่เก่าแก่ที่สุดในมิวเซียมแห่งนี้ อายุ 7000 ปีก่อนคริสต์กาล ชื่อว่า Ain Ghazal (Room 303) ได้มาจากประเทศจอร์แดน จริงๆ รูปปั้นนี้มีหลายชิ้นค่ะ มีชิ้นที่โชว์อยู่ที่ Amman Citadel เมืองหลวงจอร์แดน และ ที่บริติชมิวเซียมด้วยค่ะ

อันนี้อีกหนึ่งทางผ่าน แต่ตรงนี้จะเป็นอารยธรรมเปอร์เซียค่ะ ซึ่งไปถึงอิหร่านก็ไม่ได้เห็นแบบนี้ (Room 307)


เดินตรงมาเรื่อยๆ จะเข้าสู่ห้องอียิปต์โบราณค่ะ ซึ่งมีของเยอะมากกกก น่าจะใช้พื้นที่ยาวหลายสิบห้องเลย

ก่อนอื่นต้องบอกว่า คอลเลคชั่นอียิปต์ที่ลูฟร์ดีมากๆ เลยค่ะ ถ้าไปดูรวมกับ บริติชมิวเซียมที่ลอนดอน ก็ถือว่าคอมพลีทมากๆ แล้วค่ะ (ณ วันที่เราเขียนตอนนี้ The Great Egyptian Museum ที่ไคโร ยังไม่เปิดนะคะ ไม่รู้ว่าเค้าเก็บของเด็ดอะไรไว้บ้าง)

Room 322 ที่อยู่ของมัมมี่ตัวเดียวในลูฟร์ค่ะ มัมมี่ชิ้นอื่นที่ได้มาเค้านำไปฝังไว้ตามสุสานในปารีสไม่ได้นำมาโชว์ค่ะ แม้จะมีหลุมศพและกล่องแบบโลงศพมากมาย แต่ไม่ได้เก็บตัวมัมมี่ไว้

อ้อ มี มัมมี่สัตว์ต่างๆ ด้วยนะคะ อันนี้เป็นมัมมี่แมว (Room 322)

3. Great Sphinx of Tanis (2600 BC) / Room 338

เดินตรงมาเรื่อยๆ เราจะออกจากห้องอียิปต์ เข้าสู่ห้องกรีกโบราณ ซึ่งระหว่างนั้น จะเจอสฟิงซ์ตัวนี้ค่ะ เดินลงบันไดมาหน่อย

สฟิงซ์ ตัวนี้เป็นหนึ่งในตัวที่ใหญ่ที่สุดที่อยู่นอกอียิปต์ค่ะ ค่อนข้างสมบูรณ์ เป็นสฟิงซ์จากหินแกรนิต และ หนักถึง 9.5 ตันกันเลยทีเดียว มีอักษรเฮียโรกริฟฟิคสลักอยู่ข้างๆ ด้วย

ระหว่างอยู่ที่ห้องนี้ ให้หันไปข้างหลังค่ะ จะเป็นทางลงไปชั้นล่าง ที่โชว์ซากของปราสาทยุคกลาง ที่พระราชวังลูฟร์มาสร้างทับอีกที

ถ้าพูดถึงประวัติศาสตร์ตะวันตกแบบคร่าวๆ หยาบๆ เลย มันจะเป็นยุคโบราณ ยุคกลาง ยุคเรเนซองส์ ซึ่งยุคกลาง บางสำนักก็เรียกยุคมืด มันเป็นยุคที่ค่อนข้างไปสนใจสงครามครูเสดกันอยู่ แต่ก็มีสถาปัตยกรรมโรมาเนสก์และโกธิคเกิดขึ้นมาในยุคนี้ — ซึ่งสถาปัตยกรรมโกธิคที่เราเห็นได้ในลูฟร์เองก็คือ ชั้นใต้ดินนี้ค่ะ

ส่วนในกรุงปารีสเอง หากอยากเห็นศิลปะโกธิค ให้ไปดูที่โบถส์ Notre-Dame ได้เลย กระจกสีตอนนี้ Notre-Dame ไฟไหม้ แนะนำให้ชมที่ Saint-Chapelle ค่ะ อลังการมากๆ


จากห้องสฟิงซ์ เดินตรงมาเรื่อยๆ จะเจอห้อง กรีกโบราณ/เฮเลนนิสติก

4. Venus de Milo (130BC) / Room 345

รูปสลักเทพีวีนัส ต้นฉบับความงามในสมัยเฮเลนิสติก

ทำไมมันถึงสำคัญ

– ยุคกรีกโบราณ เป็นต้นแบบและรากฐานของวัฒนธรรมตะวันตกเกือบทั้งหมด วิทยาการเยอะมากเริ่มในยุคนั้น

– การได้เห็นรูปปั้นที่ทำขึ้นมาได้อย่างสวยงามสมส่วน อย่าลืมนะคะว่า เรากำลังพูดถึงชิ้นงานศิลปะอายุ 130 ก่อนคริสตกาล นั่นคือประมาณ 2150 ปีที่แล้ว ถ้าให้เห็นภาพ คือ ของในยุคสุโขทัยที่เราเห็นอายุประมาณ 700-800 ปี ชิ้นนี้ก็คือ เก่ากว่าปวศ.ไทยที่เราเรียนทั้งหมดวน 3 รอบอ่ะค่ะ

– รูปปั้นจากยุคเฮเลนนิสติก เหลือที่สมบูรณ์ๆ เพียงไม่กี่ชิ้นในโลก ส่วนใหญ่ที่เราเห็นจะมาจากโรมันโบราณค่ะ กรีกโบราณแท้ค่อนข้างแรร์

– Milo คือชื่อเกาะในกรีซ ที่พบรูปปั้นนี้เฉยๆ ค่า

จริงๆ เราอาจจะเห็นรูปปั้นคล้ายๆ กัน ที่บางอันก็สวยสมบูรณ์กว่า แต่อยากให้เดินไปดูป้ายค่ะ มันอาจจะมาจากคนละยุคกันเลย อาจจะอายุห่างกันเป็นพันปีเลยค่ะ >>ให้เห็นภาพ คือ อย่างพวกงานดังๆ ในอิตาลี เดวิด อะไรพวกนี้ มันสร้างปี 1501 นะคะ หลังจาก ชิ้นนี้ 1600 ปี… และงานในยุคเรเนซองส์มันก็เกิดมาจากความตื่นเต้นตอนขุดพวกนี้เจอแล้วตกใจแบบ เห้ยทำไมคนยุคโบราณมันทำอะไรได้เทพขนาดนี้! อะไรประมาณนี้ค่ะ


5. Sleeping Hermaphroditus (2nd Century AD) / Room 348

จริงๆ รูปปั้นที่มี 2 เพศนี้ มี replica ให้ชมหลายที่นะคะ แต่ว่าไหนๆ เดินมาถึงห้องกรีกแล้ว มองตรงรูปปั้นวีนัส เลี้ยวขวา เจอห้องนี้เลยค่ะ

ความน่าสนใจคือ Hermaphroditus มี 2 เพศในร่างเดียว และเป็นคำเดียวกับคำศัพท์ Hermaphrodite ที่แปลว่า คนหรือสิ่งมีชีวิตที่มีสองเพศในร่างเดียว ค่ะ

สวนหมอนด้านล่างนี่เป็นหินเพิ่งแกะใหม่ในยุคหลังค่ะ

จริงๆ ทุกวันนี้ เรามีการเปิดกว้างในการศึกษาด้านความลื่นไหลทางเพศมากขึ้น ทั้งเรื่องเพศ เพศสภาพ เพศวิถี ฯลฯ แต่ความน่าสนใจคือ จริงๆ เรื่องพวกนี้มีมาตั้งแต่ยุคกรีกแล้วค่ะ และเราจะเห็นได้จากรูปปั้นและรูปสลักต่างๆ มากมายเลย อะไรที่เราคิดว่ามันเป็นสิ่งต้องห้าม ถ้าไปดูเรื่องราวและภาพสลักยุคนั้น มีหมดเลยนะ

ในห้องเดียวกันนี้เป็นที่อยู่ของ Diana Hunter ด้วยค่ะ


6. Winged Victory of Samothrace (190 BC) / Room 703

สุดจากห้องเมื่อกี้ เดินขึ้นบันไดมาค่ะ

จริงๆ ความสำคัญของชิ้นนี้จะคล้ายๆ กับ วีนัส ค่ะ คือมาจากยุคกรีกเฮเลนนิสติก ซึ่งเป็นแรร์ไอเท็ม และชิ้นนี้ยังมีรายละเอียดที่สวยงามมากๆ น่าเสียดายที่พบแค่นี้ค่ะ แล้วนี่เค้าประกอบกลับมาจากชิ้นเล็ก ชิ้นน้อยแล้วนะคะ

ตอนเจอเค้าเพิ่งเจอเมื่อปี 1863 นี่เองค่ะ (ช่วงปีที่ออกไปล่าอาณานิคมเนี่ยแหล่ะ) พบที่เกาะ Samotrace เป็นชิ้นส่วน 110 ชิ้น แต่หาแขนกับหัวไม่เจอค่ะ กลับไปขุดใหม่ก็ไม่เจอ ที่เราเห็นนี่มีการบูรณะแล้วด้วยค่ะ

รูปปั้นนี้เป็นเทพ Nike เพื่อเฉลิมฉลองการชัยชนะจากการรบค่ะ สง่างามมากๆ

จากนั้นเราจะเลี้ยวขวาขึ้นบันไดไป เพื่อตรงไปห้อง Mona Lisa ค่ะ


7. Mona Lisa (1503 AD)/ Room 711

ภาพที่ดังที่สุดในโลก คงไม่มีใครไม่รู้จัก ซึ่งส่วนตัวตอนศึกษาศิลปะเรเนซองส์ ก็ชื่นชอบงานอื่นๆ ของดาวินชีมากกว่าค่ะ แต่ไม่ใช่ว่าภาพนี้ไม่สำคัญนะคะ แทบจะเป็นสัญลักษณ์ของศิลปะยุคเรเนซองส์เลย

เรเนซองส์ แปลตรงตัวว่า rebirth หรือการเกิดใหม่ค่ะ มันเกิดขึ้นด้วยปัจจัยหลายอย่าง แต่หนึ่งอย่างคือ ศิลปินในยุคนี้ได้ไปเห็น ของกรีก-โรมันโบราณ แล้วตื่นเต้น ถึงขั้นต้องเอาวิทยาการในสมัยนั้นกลับมาฟื้นฟู จนเป็นหนึ่งในยุคที่สำคัญที่สุดของประวัติศาสตร์โลกค่ะ

จริงๆ ห้องก่อนที่จะถึงโมนาลิซ่า เราจะเห็นศิลปะภาพเขียนที่ไล่ๆ มาจากยุคกลาง (แต่ถ้าอยากเห็นเต็มๆ ต้องไป Uffizi ที่ฟลอเรนซ์ค่ะ) จะเห็นว่า ค่อนข้างอิงศาสนาและแบนกว่า มีกรอบหรือโครงสร้างของภาพที่ค่อนข้างชัดเจน และมีการใช้สีตามฐานะของผู้จ้างค่ะ

พอหลุดมา เรเนซองส์ปุ๊ป ก็ถือว่า ก้าวข้ามมาอีกขั้นเลย จริงๆ ศิลปะในแฟลนเดอร์/เนเธอร์แลนด์ ก็สนุกมากๆ ค่ะ

คนต่อคิวถ่ายรูปกับโมนาลิซ่า นัทไปมาปลายปีที่แล้วค่ะ (Nov 2021) ห้ามถอดแมสก์ตอนถ่ายรูปด้วย

อยากพูดถึงภาพนี้ แขวนไว้แบบตรงข้ามโมนาลิซ่า แต่ไม่ค่อยมีใครหันไปชม

ภาพนี้เป็นภาพสำคัญของยุคเรเนซองส์เช่นเดียวกัน นั่นคือ The Wedding at Cana ซึ่งเป็นการวาดภาพอีเว้นท์ที่อยู่ในไบเบิ้ลอีกที แต่ตีความในสมัยเรเนซองส์ ซึ่งเราจะเห็นว่าวิธีคิดเริ่มแตกต่างออกไปจากยุคกลางค่ะ เป็นภาพที่สวยงาม มีผู้คนหลากหลายชาติพันธุ์อยู่ในภาพ เป็นภาพอีเว้นท์ทางศาสนา ที่ใส่สีสันของชีวิตของชาวเวนิส ในสมัยที่ภาพถูกวาด ลงไปจริงๆ ค่ะ

เดินออกจากห้องโมนาลิซ่ามาเลี้ยวขวาก่อนค่ะ เข้าห้อง Neo-Classicism


8. The Coronation of Napolean (1807 AD) / Room 702

ภาพโดย Jacque-Louis David ภาพนี้นอกจากจะใหญ่และดีเทลแน่นแล้ว ยังมีสัญญะทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญด้วยค่ะ เป็นอีเว้นท์การขึ้นครองราชย์ของนโปเลียนที่ 1

ความพีคในภาพนี้มีหลายจุดค่ะ
1. ในประวัติศาสตร์จนถึงตอนนั้นพาวเวอร์ของโป๊ปก็ถือว่าใหญ่มาตลอด แต่นโปเลียนเชิญโป๊ปมาถึงปารีสได้ มานั่งดูตัวเองทำพิธี (ปกติต้องไปหานะ โป๊ปไม่มา)
2. นโปเลียนสวมมงเองไปเลย ไม่ให้โป๊ปสวมมงกุฎให้ แล้วในภาพคือตอนที่ตัวเองไปสวมมงกุฎให้โจเซฟีน พระมเหสี
3. ในภาพจะมีภาพของแม่ของนโปเลียนอยู่ แต่ในเหตุการณ์จริงแม่ไม่ได้มา เพราะมีปัญหากันมาก่อน ถือเป็นหนึ่งในตัวอย่างการ photoshop ภาพก่อนที่จะมีเทคโนโลยีภาพถ่ายไปเลย

ภาพนี้มีแบบเดียวกันอยู่ที่แวร์ซายด้วยนะคะ


9. The Raft of Medusa (1818 AD) / Room 700

ห้องถัดมาจะเป็นห้องศิลปะแบบ Romanticism ซึ่งไม่ได้แปลว่ารักโรแมนติกหวานแหววแบบที่เราใช้นะคะ ศิลปะแบบโรแมนติกในที่นี้คือ จะฉีกออกมาจากยุคก่อนหน้า (นีโอคลาสสิก) โดยเน้นจินตนาการ สิ่งที่อิมแพคและใช้อารมณ์ความรู้สึกมากขึ้นมากๆ

ภาพเขียนโดยศิลปินชาวฝรั่งเศส Théodore Géricault และแม้ว่าภาพนี้จะเป็นภาพของการล่มของเรือรบ Medusa ค่ะ

นักวิจารณ์ถกเถียงกันว่า มันสื่อความหมายถึงการต่อสู้ของคนมีพริวิเลจ และ ความยากลำบากของคนที่ไม่มีพริวิเลจ เป็นการนำประเด็นทางการเมืองมาไว้ในเพ้นติ้ง ซึ่งมันเป็นเรื่องที่กำลังเกิดขึ้นในสมัยนั้นจริงๆ เลยเป็นที่ฮือฮามากๆ ค่ะ


10. Liberty Leading The People (1830 AD) / Room 700

ภาพวาดโดย Eugene Delacroix ที่ได้รับแรงบันดาลใจโดยตรงมาจากการประท้วงและการปฏิวัติฝรั่งเศสปี 1830 เลยค่ะ

ซึ่งเรื่องปฏิวัติฝรั่งเศสมันรายละเอียดเยอะมากเลยค่ะทุกคน อันนี้คือเกิดขึ้นหลัง นโปเลียนที่หนึ่ง และ รีพับลิกที่หนึ่งแล้วนะคะ เป็นช่วงปฏิวัติ 1830 ของพระเจ้า Charles X แต่ถ้าเอาให้เห็นภาพชัดๆ ในสื่อยุคปัจจุบัน มันคือยุคไล่ๆ กับเนื้อเรื่องในมิวสิคคัล เรื่อง Les Miserables ค่ะ


ครบ 10 ไฮไลท์ของที่นี่แล้ว แต่จริงๆ ในลูฟร์ยังมีอะไรให้ชมอีกเยอะมากค่ะ

นอกจากที่นัทลิสท์มา ยังมีห้องที่เป็นงานเซรามิค pottery อยู่ Richelieu Wing ชั้น 1
มีศิลปะตะวันออกและศิลปะอิสลาม อยู่ชั้นเดียวกับล็อบบี้ขายตั๋ว ทาง Denon Wing
มีห้องใต้ดินแบบ Crypt ที่มีพวก tomb อยู่ค่ะ
ส่วนชั้น 2 เป็นชั้นบนสุด อันนี้เค้าเน้นเพ้นติ้งยุค Neo Classic กับ Romanticism เต็มไปหมดเลยค่ะ

ส่วนปิรามิดแก้วที่กลายมาเป็นแลนด์มาร์กของลูฟร์นั้น เพิ่งถูกสร้างขึ้นในปี 1988 เองค่ะ ห่างจากตัวอาคารพระราชวังถึงสี่ร้อยกว่าปีเลยค่ะ โดยดีไซเนอร์ชาวจีน-อเมริกัน I.M. Pei ตอนแรกก็โดนคำติ คำคัดค้าน ไม่น้อยเลย แต่ตอนนี้ก็กลายมาเป็นแลนด์มาร์กไปเรียบร้อย


หากใครอ่านมาถึงตรงนี้แล้วจะบอกว่า ประวัติศาสตร์มันไม่ได้จบแค่นี้นะคะ เพ้นติ้งยุคสมัยที่ต่อจากตรงนี้ เราจะไปต่อกันที่ Musee d’Orsay และ พิพิธภัณฑ์เฉพาะอื่นๆ เช่น Rodin Museum, Picasso Museum ซึ่งนัทถ่ายมาเช่นกัน ไว้จะเอามาเล่าต่อนะคะ ตอนที่เราเริ่มเห็นมูฟเม้นท์ทางศิลปะ แล้วค่อยๆ ต่อยอดตามยุคไปเรื่อยๆ มันสนุกมากเลยค่ะ

ขอให้ทุกคนสนุกกับการเที่ยวลูฟร์นะคะ สุดท้ายนี้ ถ้ามีข้อมูลตรงไหนไม่ตรงกัน มาแชร์กับนัทได้เลยน๊าาาา หรือเสริมได้เลยค่ะ นัทอยากรู้เหมือนกัน นัทชอบมากๆ

ทางไปซื้อ Paris Museum Pass >> คลิ๊กที่นี่

รีวิว 10 พิพิธภัณฑ์ ใน ปารีส สำหรับคนรักศิลปะและประวัติศาสตร์


อ่านรีวิวอื่นๆ ในปารีสได้ที่นี่ >>

ไป Paris พักที่ไหนดี? – รวมที่พักปารีส ปลอดภัย / ราคาถูก / วิวสวย

7 จุดถ่ายรูป กับ หอไอเฟล ในกรุงปารีส ที่จะทำให้คุณรู้สึกแบบปารีเซียงสุดๆ

[รีวิว] พาเที่ยว Disneyland Paris และรวมทุกเรื่องที่ควรรู้ก่อนไป ดิสนีย์แลนด์ ปารีส!! (อัพเดทช่วงโควิด)

ปักหมุด 12 โลเคชั่น ตามรอยเอมิลี่ไปปารีส กับ Emily in Paris Locations

สำหรับใครที่หาตั๋วเครื่องบินราคาถูกอยู่ก็ไปเทียบราคาได้ที่ Skyscanner.com นะคะ คลิ๊กที่นี่ได้เลย!!!

หากชอบรีวิว อย่าลืมกดไลค์เพจ และ ติดตามไอจี @eatchillwander ด้วยนะคะ ขอบคุณมากๆ ค่า

 



ติดตาม Eat Chill Wander ได้ที่
Facebook : Eat Chill Wander
Instagram : @eatchillwander
Twitter : @eatchillwander
Youtube : Eat Chill Wander
Website : www.eatchillwander.com

error: