ต้องยอมรับว่า ในกรุงเทพมหานครนั้น มีร้านอาหารญี่ปุ่นจำนวนมาก และในวันนี้เราก็จะมารีวิวร้านอาหารญี่ปุ่นอีกหนึ่งร้าน แต่ที่นี่ไม่ใช่ร้านอาหารญี่ปุ่นธรรมดานะคะ! เป็นร้านอาหารญี่ปุ่นที่มีต้นกำเนิดสาขามาจากกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ และ ขยายสาขามีชื่อเสียงไปทั่วโลก ทั้งนิวยอร์ก ฮ่องกง ดูไบ กว่า 10 ประเทศ ที่นี่คือร้าน ZUMA ร้านอาหารญี่ปุ่นร่วมสมัย ที่เปิดสาขากรุงเทพฯ ณ ชั้น G โรงแรม The St. Regis Bangkok คอนเซปท์ของ ZUMA คืออาหารญี่ปุ่นสไตล์ Izakaya ที่มีความหรูหราและทันสมัย ซึ่งเราคิดว่าเค้าทำได้ตรงคอนเซปท์จริงๆ ทั้งเมนูอาหาร รสชาติ และ การออกแบบตกแต่งร้านค่ะ เมนูอาหารจะมีการ Twist จากอาหารญี่ปุ่นดั้งเดิม ยังคงความเป็นญี่ปุ่นแต่ตีความออกมาแบบสากลค่ะ เลยไม่แปลกใจเลยว่า ทำไมขยายสาขาได้ทั่วโลก และเป็นที่ชื่นชอบของผู้คนในเมืองใหญ่ค่ะ อาหารที่นี่มีตั้งแต่ ซูชิบาร์ ของสด ของผัดและทอด ไปจนถึง Robata Grill หรือของย่างค่ะ แอบกระซิบว่า นี่เป็นหนึ่งในร้านอาหารญี่ปุ่นที่เราและแฟนทานค่อนข้างบ่อยสมัยที่เรียนที่ลอนดอนค่ะ มาที่นี่เหมือนได้ระลึกความหลัง… [READ MORE…]
สำหรับนักชิมตัวยงและผู้แสวงหาอาหารไทยตำรับโบราณแล้ว ไม่ว่าใครก็คงจะเคยได้ยินชื่อของเชฟ ปริญญ์ ผลสุข กันมาบ้าง กับร้าน “สำรับสำหรับไทย” ร้านเล็กๆที่ซ่อนตัวอยู่ในละแวกเจริญกรุง ที่ขึ้นชื่อว่าจองยากมาก ถึงมากที่สุดร้านหนึ่งในกรุงเทพฯ โรงแรม อนันตรา สยาม กรุงเทพฯ อยากให้ลูกค้าทุกท่านได้สัมผัสกับอาหารของเชฟปริญญ์ได้อย่างง่ายดายมากขึ้น จึงได้ขอให้เชฟปริญญ์มาช่วยดูแล ห้องอาหาร Spice Market ของทางโรงแรม โดยเมนูของห้องอาหาร Spice Market โดย สำรับสำหรับไทย นั้นจะมาในรูปแบบของคอร์สเมนู และปรับเปลี่ยนไปตามฤดูกาล ในการจัดสำรับอาหารในช่วงฤดูฝนย่างเข้าสู่ฤดูหนาวนี้ เชฟปริญญ์จะเน้นการใช้พืชผักผลไม้ตามฤดูกาลโดยคัดสรรวัตถุดิบหายากจากแหล่งท้องถิ่นที่ดีที่สุด อาทิกระท้อน ลิ้นจี่ ลูกตาล ลองกอง บีทรูธ ใบเหลียง ใบชะคราม และมังคุดคัด ซึ่งมีรสเปรี้ยวกลมกล่อมผสานกับเครื่องเทศและพริกไทยเพิ่มความเผ็ดร้อนให้ความอบอุ่นแก่ร่างกาย เริ่มต้นกันด้วยของทานเล่นที่เป็นฟองเต้าหู้ทอด และ สตาร์ทเตอร์ 3 อย่าง ได้แก่ เมี่ยงกระท้อน เสิร์ฟด้วยกุ้งย่าง และน้ําเมี่ยงที่หอมกลิ่นขิง ผสมกับหอมเจียว กระเทียมเจียวและกระท้อน วางบนใบชะพลู ประดับด้วยข้าวพองจากข้าวไรซ์เบอร์รี่ พร้อมกับหัวกุ้ง ขนมเบื้องก้ามปูม้า เป็นขนมเบื้องโบราณ ซึ่งที่จริงแล้วเป็นของคาวทานกับกุ้ง… [READ MORE…]
ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางความคึกคักและมีชีวิตชีวาของย่านสำเพ็ง ‘ร้านขายยาโพทง’ อาคารเก่าแก่ ที่เคยเป็นโรงปรุงยาปอคุณเอี๊ยะบ๊อในอดีต ได้ถูกรีโนเวทให้กลายเป็นร้านอาหารไฟน์ไดนิ่ง ที่หยิบยกวัฒนธรรมของชาวไทยเชื้อสายจีนมานำเสนอในศาสตร์การทำอาหารสมัยใหม่ เป็น 20 คอร์สที่ทำให้เราเพลิดเพลินและตื่นตาตื่นใจไปตลอดทั้งมื้อ ร้าน POTONG ตั้งอยู่ในซอยวานิช 1 เป็นอีกร้านที่มี เชฟแพม-พิชญา สุนทรญาณกิจ เชฟเจ้าของรางวัลมากมาย เป็นผู้อยู่เบื้องหลัง จริงๆ เราเคยทานอาหารเชฟแพมในรูปแบบ Chef’s Table ที่ The Table by Chef Pam แล้ว ซึ่งร้าน POTONG นี้ แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง ทั้งคอนเซปท์ สไตล์ วิธีคิด แต่สิ่งที่ยังคงไว้คือ การใส่ใจในทุกรายละเอียด ที่แม้แต่ผักคอนดิเม้นท์ที่ใส่มาชิ้นเดียว ก็จะถูกปรุงให้สุกอย่างสมบูรณ์แบบ เชฟแพม เป็นทายาทรุ่นที่ 5 ของโรงปรุงยาแห่งนี้ และในวันนี้ เธอเลือกที่รีโนเวทอาคารของต้นตระกูล โดยยังเก็บคาแรคเตอร์โครงสร้างเดิมของอาคาร ตกแต่งด้วยข้าวของเครื่องใช้ ขวดยาเก่า ผสานไปกับของใหม่ได้อย่างลงตัว ต้องบอกว่า หนึ่งในสิ่งที่ทำให้เราอินกับร้านอาหารไฟน์ไดนิ่งมากๆ คือวิธีคิดที่ทำให้เชฟสร้างสรรค์เมนูต่างๆ ออกมา หากใครเคยดูภาพยนต์หรือรายการอาหารเกี่ยวกับเชฟดังๆ… [READ MORE…]
ภายในล็อบบี้ชั้นล่างของโรงแรม Waldorf Astoria Bangkok (วอลดอร์ฟ แอสโทเรีย กรุงเทพ) เป็นที่ตั้งของห้องอาหารห้องอาหาร Front Room (ฟร้อนท์ รูม) ห้องอาหารไทยที่ตั้งใจนำเสนอเสน่ห์ของอาหารไทย 8 รสชาติผ่านอาหารที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก “รสมือแม่” ที่เน้นการปรุงอย่างพิถีพิถันและปราณีต เสิร์ฟในห้องอาหารที่ตกแต่งได้อย่างโอ่โถงสบายตา อาหารไทย 8 รสชาติที่กล่าวถึงนั้น ได้แก่ เผ็ด เปรี้ยว หวาน เค็ม ขม มัน ปร่า (ฝาด) และจืด ซึ่งพอเราได้ชิม เราก็รู้สึกได้ถึงมิติของรสชาติ และ ความสดใหม่ของวัตถุดิบที่ชูโรงออกมาได้ดีในแต่ละจาน รสชาติกลมกล่อมและมีมิติทุกเมนู ที่สำคัญ หลายเมนูอาจจะเป็นเมนูที่หาทานได้ทั่วไป แต่หาที่ทำแบบพิถีพิถันและใช้วัตถุดิบชั้นดีได้ค่อนข้างยาก โดยเฉพาะการจัดการกับเนื้อสัตว์ที่เราเชื่อว่า เชฟได้ใช้ประสบการณ์ในครัวอาหารตะวันตกแบบไฟน์ไดนิ่งเข้ามาพลิกแพลงอีกด้วย ทีมเชฟของห้องอาหาร Front Room นำโดยเชฟบัว สโรชา รัชตะนาวิน ผู้มีประสบการณ์การทำงานทั้งในครัวร้านไฟน์ไดนิ่งและอาหารไทย ได้ร่วมกับ อาจารย์หนิง ดร. นิพัทธ์ชนก นาจพินิจ ผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารไทย และ… [READ MORE…]
เพียงก้าวเข้ามาในร้าน About Eatery เราก็รู้สึกได้ถึงความอบอุ่นสไตล์โฮมมี่ ที่ผสมผสานกับการตกแต่งแบบโมเดิร์นได้อย่างลงตัว ร้าน About Eatery เป็นร้านอาหารอิตาเลียน ที่เน้นเมนูเสมือนคุณยายชาวอิตาเลียนทำให้กินที่บ้าน พร้อมพาสต้าเส้นสดที่นวดกันอยู่หน้าร้าน กับกำแพงไวน์ธรรมชาติ (Natural Wine) จากทั่วโลกให้เราลิ้มลอง ในบรรยากาศเป็นกันเอง ร้าน About Eatery ตั้งอยู่ภายในซอย อโศก 3 บริเวณอาคารโอเชี่ยนทาวเวอร์ 2 ทำให้มีที่จอดรถสะดวก หรือจะมาจาก BTS อโศก/MRT สุขุมวิท ก็ได้เช่นกัน เพียงเรามาถึง ก็จะเห็นหน้าร้านบรรยากาศดีที่เชิญชวนให้เราเข้าไปนั่ง ไม่ว่าจะเป็น Open-air Terrace หน้าร้าน เคาเตอร์บาร์ที่สามารถชมการทำอาหารและพูดคุยกับเชฟ โต๊ะยาวตรงกลางสำหรับสังสรรค์ หรือจะที่นั่งสบายๆ ที่เหมาะกับทั้งเพื่อนและครอบครัว เมื่อมาถึง ก็จะพบกับสเตชั่นนวดเส้นพาสต้าที่ทำกันสดๆ เลยค่ะ ร้าน About Eatery นั้น เน้นเมนูอิตาเลียนแบบท้องถิ่นแท้ๆ ด้วยสูตรที่ส่งกันจากรุ่นต่อรุ่น เมนูเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ตามฤดูกาล และยังมีตู้ โคลด์คัทและชีสนำเข้า หลากชนิดเหมือนอยู่ที่อิตาลีเลยค่ะ เริ่มมื้อนี้กันเบาๆ… [READ MORE…]
ในช่วงการระบาดของโควิด 19 ที่ผ่านมา ทำให้เราได้มีโอกาสได้ลองไป Staycation ตามโรงแรมต่างๆ ในกรุงเทพฯ อยู่หลายแห่งเลยค่ะ โรงแรมที่เซอร์ไพรส์เราเป็นอย่างมาก เพราะเป็นโรงแรม City Hotel ที่เน้นความสะดวกสบาย โลเคชั่นกลางเมือง และ มาตรฐานสากล แต่กลับทำให้เรารู้สึกได้พักผ่อนอย่างเต็มอิ่ม และได้รับประสบการณ์มุมใหม่ในกรุงเทพฯ อย่างไม่น่าเชื่อ นั่นก็คือ โรงแรม แบงค็อก แมริออท มาร์คีส์ ควีนส์ปาร์ค (Bangkok Marriott Marquis Queen’s Park) ค่ะ โรงแรม แบงค็อก แมริออท มาร์คีส์ ควีนส์ปาร์ค (Bangkok Marriott Marquis Queen’s Park) ตั้งอยู่ในระยะเดินได้จากบีทีเอสพร้อมพงษ์ เป็นโลเคชั่นใจกลางเมืองที่ดีสุดๆ เป็นแบรนด์โรงแรมที่มีมาตรฐานระดับสากล และราคาสมเหตุสมผล หากเราเป็นนักท่องเที่ยว หรือ ต้องแนะนำนักท่องเที่ยวที่มากรุงเทพฯ เราก็จะแนะนำโรงแรมนี้ได้ไม่ยากเลย ส่วนตัวเราเอง อยากเปลี่ยนบรรยากาศ จึงมาลอง Staycation ที่นี่ดู ซึ่งพบว่า การพักในโรงแรมที่มีทางเข้าสวนเบญจสิริ… [READ MORE…]
หากถามถึงประสบการณ์ Staycation ในกรุงเทพฯ แล้ว หนึ่งในประสบการณ์ที่เราประทับใจมากที่สุด คือที่ โรงแรม สุโขทัย กรุงเทพ (The Sukhothai Bangkok) โรงแรมหรูที่ซ่อนตัวอยู่ใจกลางกรุงเทพ บนถนนสาทร แต่เพียงก้าวเข้ามา ก็เสมือนได้เข้ามาพักผ่อนและตัดขาดจากความวุ่นวายได้เป็นอย่างดี โรงแรม สุโขทัย กรุงเทพ (The Sukhothai Bangkok) นั้น ออกแบบมาให้เหมือนเป็นโอเอซิสกลางเมือง ภายในบริเวณโรงแรมทำให้เรารู้สึกสงบอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเดินเล่นด้านล่าง นอนเล่นอยู่บนห้อง ไปชิลล์ที่สระว่ายน้ำ หรือ รับประทานอาหาร เป็นโรงแรมที่พอได้มา Staycation แล้ว ก็รู้สึกเหมือนได้ชาร์จแบตแล้ว แม้ว่าที่นี่จะไม่ใช่เครือโรงแรมใหญ่ แต่เป็นโรงแรมหรูอันดับท็อปของไทยที่ได้รางวัลมากมาย ซึ่งเราคิดว่า ด้วยเหตุนี้ อาจจะมีหลายส่วนที่ทำให้เราประทับใจ อย่างแรกคือข้าวของเครื่องใช้ เนื่องจากไม่ใช้เครือที่ต้องใช้ของเหมือนกันทั่วโลก ทำให้โรงแรมสามารถเลือกของทั้งของใช้และของตกแต่งภายในห้องได้เอง และทางโรงแรมก็เลือกได้อย่างมีรสนิยม อย่างที่สอง ต้องขอชมเรื่องการบริการ ซึ่งจริงๆ เรามารับประทานอาหารที่นี่เป็นประจำอยู่แล้ว พอได้มาเข้าพัก รวมถึงใช้บริการ Club Lounge ก็ยิ่งทำให้รู้สึกประทับใจมากขึ้น แถมอาหารเช้าก็ดีมากๆ ด้วยค่ะ คลิ๊กที่นี่ เพื่อเช็คโปรโมชั่นและสำรองห้องพักผ่าน… [READ MORE…]
ห้องอาหาร La Scala (ลา สกาล่า) ณ โรงแรมสุโขทัย กรุงเทพฯ (The Sukhothai Bangkok) บนถนนสาทรนั้น นับเป็นห้องอาหารอิตาเลียนชั้นนำแบบไฟน์ไดนิ่งของกรุงเทพฯ มายาวนาน และในการรีโนเวทครั้งล่าสุด ห้องอาหาร La Scala ก็ได้กลับมาพร้อมความหรูหราโมเดิร์นมากขึ้น พร้อมเชฟคนใหม่ที่จะทำให้อาหารอิตาเลียนที่ห้องอาหารแห่งนี้ มีความ innovative และมีเอกลักษณ์ขึ้นมา ห้องอาหาร La Scala (ลา สกาล่า) แห่งนี้นั้น ได้รับรางวัลมิชลิน เพลท จากไกด์บุ็คเล่มแดง และยังได้รับรางวัลจากสื่อด้านอาหารอีกหลายแห่ง และยังเป็นเสมือนบ้านที่คอยต้อนรับเชฟสามดาวมิชลินระดับตำนานให้แวะเวียนมาร่วมทำอาหารในมื้อพิเศษของที่นี่ ทั้ง Massimo Bottura เจ้าของร้านอาหารที่ดีที่สุดในโลกโดย World’s 50 Best Restaurants หรือ Umberto Bombana ตำนานมิชลินสามดาวร้านอาหารอิตาเลียนในเอเชีย ล้วนเคยมา collaborate กับที่นี่มาแล้วทั้งนั้น ในปัจจุบัน ห้องอาหารแห่งนี้นำโดย เชฟ Anthony Burd เชฟเชื้อสายอิตาเลียนที่เติบโตมาในสหรัฐอเมริกา… [READ MORE…]
บนชั้น 1 อาคารเกษร ทาวเวอร์ (Gaysorn Tower) ใจกลางกรุง เป็นที่ตั้งของร้าน Emilia Ristorante Italiano หรือ “Emilia” ร้านอาหารอิตาเลียนที่เสิร์ฟอาหารแบบฉบับท้องถิ่นแท้โดยเชฟชาวอิตาเลียนที่มีบ้านเกิดมาจากแคว้น Emilia-Romagna แคว้นที่โด่งดังเรื่องความอุดมสมบูรณ์ของอาหารเพราะแหล่งผลิต แฮม, ชีส และบัลซามิกชื่อดังระดับประเทศ และยังเต็มไปด้วยพาสต้าเส้นสดหลากหลายชนิด ร้าน Emilia นั้น ถูกดัดแปลงมาจากร้านชื่อดังอย่าง Britannica Brasserie ซึ่งให้บรรยากาศหรูหรา โมเดิร์น แสงไฟสลัวพร้อมวิวเมือง ทำให้รู้สึกเหมือนไม่ได้นั่งอยู่ในอาคารหรือศูนย์การค้าเลย อีกทั้งตัวเชฟ Fabrizio Croceta ยังเคยเป็นเชฟอยู่ในร้านอาหารอิตาเลียนระดับ Michelin Star ในญี่ปุ่นมาก่อน ทำให้ Emilia ถือเป็นร้านอาหารที่มีเอกลักษณ์บนราคาที่จับต้องได้ เริ่มต้นมื้ออาหารด้วย ขนมปัง Foccacia สูตรพิเศษที่ใส่ Pesto ลงไป ทำให้มีกลิ่นหอมรัญจวน เนื้อสัมผัสของขนมปังชิ้นใหญ่หนานุ่ม complimentary มาในทุกโต๊ะ ทานคู่กับ Olive Oil และ Balsamic… [READ MORE…]
บนชั้นลอยของโรงแรม แกรนด์ไฮแอท เอราวัณ โรงแรมหรูใจกลางกรุงเทพฯ เป็นที่ตั้งของร้านอาหารอิตาเลียน ที่ให้ความรู้สึกอบอุ่นเหมือนพาเราหลุดไปอยู่ในร้านแบบ Osteria ในอิตาลี ห้องอาหาร Salvia (ซาลเวีย) พร้อมเสิร์ฟอาหารอิตาเลียนสไตล์โฮมมี่ๆ ที่ทำให้เรารู้สึกคอมฟอร์ทมากๆ ห้องอาหาร Salvia ดูแลโดยเชฟ Roberto Parentela ซึ่งมีแบคกราวด์ที่น่าสนใจมากค่ะ บ้านเกิดของเชฟอยู่ที่ Piedmont ซึ่งเป็นแคว้นทางตอนเหนือของอิตาลี ล้อมรอบด้วยเทือกเขาแอลป์ อากาศหนาว มีไวน์ชื่อดังอย่าง Barolo อาหารจะหนักๆ ครีมๆ เห็ดๆ แต่เชฟเคยไปอาศัยอยู่ที่ Sardinia ซึ่งเป็นเกาะสวย น้ำใส ที่อาบแดดยอดนิยม นิยมอาหารทะเล ซึ่งทั้งสองแคว้นในอิตาลีนั้น ทั้งอาหารการกินและบรรยากาศเป็นคนละแนวเลยค่ะ แบ็คกราวด์ของเชฟนั้น ผสมผสานกันออกมาลงตัวสุดๆ กลายเป็นอาหารอิตาเลียนสไตล์โฮมมี่ ที่ไม่ครีมมี่จนเลี่ยน หรือ รสชาติจัดแบบโดดๆ เหมือนทางอิตาลีใต้ ทุกครั้งที่มาทาน ทางร้านจะเสิร์ฟขนมปังหอมๆ ชิ้นโต กรอบนอกนุ่มใน พร้อมน้ำมันมะกอกและบัลซามิกรสชาติดี เป็นหนึ่งในซิกเนเจอร์ของร้านไปแล้วค่ะ เราเริ่ม Antipasti ด้วย Burrata e… [READ MORE…]