[รีวิว] พาเที่ยว Tokyo DisneySea และรวมทุกเรื่องที่ควรรู้ก่อนไป โตเกียว ดิสนีย์ซี !!

คู่มือเที่ยวโตเกียว ดิสนีย์ซี (Tokyo DisneySea) สวนสนุกเคียงข้างโตเกียวดิสนีย์แลนด์ที่เป็นที่รักของเหล่าดิสนีย์แฟนทั่วโลก ด้วยความเป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนสวนสนุกดิสนีย์ที่อื่นในโลก ความอลังการสวยงาม บรรยากาศน่ารักมุ้งมิ้ง ทำให้เป็นอีกที่เที่ยวห้ามพลาดสำหรับคนที่จะไปโตเกียวเลยค่ะ
ในรีวิวนี้ นัทอยากจะแชร์ทิปส์ต่างๆ ที่น่าจะทำให้เพื่อนๆ สามารถวางแผนการเที่ยว โตเกียว ดิสนีย์ซี (Tokyo DisneySea) ได้ดียิ่งขึ้น วิธีซื้อตั๋ว วิธีเดินทาง เครื่องเล่นแต่ละโซนมีอะไรบ้าง พร้อมแล้วตามมาเลยนะคะ
โตเกียวดิสนีย์รีสอร์ท (Tokyo Disney Resort)
โตเกียวดิสนีย์รีสอร์ท ประกอบไปด้วย สวนสนุก 2 ปาร์ค ได้แก่ Tokyo DisneyLand ที่มีปราสาทเจ้าหญิงอยู่ ธีมจะเป็นฟีลคลาสสิกดิสนีย์แลนด์เลยค่ะ และ Tokyo DisneySea ซึ่งเป็นธีมที่มีแค่ที่โตเกียวที่เดียวไม่มีที่อื่นในโลกค่ะ นัทเชียร์ให้ไปทั้ง 2 ปาร์คนะคะ เพราะมีเครื่องเล่นเด็ดๆ ด้วยกันทั้งคู่ แต่ด้วยความที่ทั้ง ดิสนีย์แลนด์ และ ดิสนีย์ซี มีพื้นที่ค่อนข้างใหญ่และเครื่องเล่นเยอะทั้งคู่ แถมยังขายบัตรแยกของใครของมัน ต่างจากที่อเมริกาและปารีส ที่เค้าจะเป็นบัตรแบบหนึ่งวันเข้าได้สองสวนสนุก ราคาถูกกว่าซื้อแยก แล้วสวนสนุกรองของเค้าพื้นที่ก็เล็กกว่าด้วย เลยพอยัดวันเดียวได้ค่ะ (หมายเหตุ**จริงๆ ที่โตเกียวดิสนีย์รีสอร์ท ก็มีบางช่วงของปีที่เค้ามีโปรโมชั่นขายบัตรแบบ 1-Day Park Hopper บัตรหนึ่งใบ เข้าได้สองปาร์ค แต่เค้ามีแค่บางเดือนเลยค่ะ และไม่รู้ว่าจะมีเมื่อไหร่ ต้องรอดูบนเว็ปประกาศอย่างเดียว)
ดังนั้น ถามว่า ไป โตเกียว ดิสนีย์แลนด์ กับ ดิสนีย์ซี วันเดียวได้มั้ย คำตอบคือ ยัดได้ แต่ไม่คุ้มและไม่แนะนำเลยค่ะ เพราะยังไงก็ต้องจ่ายค่าตั๋วของดิสนีย์แลนด์เต็มวันหนึ่งใบ และ ค่าตั๋วดิสนีย์ซีอีกหนึ่งใบ แถมจะขาลาก เหนื่อยและรีบเปล่าๆ ให้เวลาปาร์คละวันจะดีกว่าค่ะ
แล้วถามว่า ถ้าเลือกได้อันเดียว ไปที่ไหนดี นัทว่ามีหลายปัจจัยมาก ข้อแรกคือความชอบของตัวเอง เช่น ตัวละครในดวงใจ เครื่องเล่นที่อยากเล่นจริงๆ — จากนั้นก็ดูเหตุผลอื่นๆ สมมติไม่เคยเห็นปราสาทดิสนีย์ที่ไหนเลย และไม่ได้มีแพลนจะไปที่อื่น ก็อาจจะต้องไปดิสนีย์แลนด์ก่อน แต่ถ้าคิดว่าเคยไปปราสาทดิสนีย์ที่อื่นแล้ว ไม่ยึดติดกับเครื่องเล่นที่อยู่ในโตเกียวดิสนีย์แลนด์มาก ก็ไปฝั่งดิสนีย์ซีก็ได้ค่ะ เพราะเป็นเอกลักษณ์ มีแค่ที่ญี่ปุ่น — นัทว่ามันขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคลมากๆ เลยอ่ะ เลือกแทนไม่ได้
นอกจาก 2 สวนสนุก แล้วก็จะมีโรงแรม 7 โรงแรม และมีศูนย์การค้า Ikspiari อยู่ในบริเวณด้วยค่ะ
สำหรับรีวิวนี้ จะเป็นรีวิว Tokyo Disney Sea อย่างเดียวนะคะ Tokyo DisneyLand แยกไว้ คลิ๊กที่นี่
วิธีการจองและราคาบัตรโตเกียว ดิสนีย์ซี (Tokyo DisneySea)
พวกตั๋วสวนสนุกทั่วโลก ส่วนตัวนัทจองผ่าน Klook ตลอดเลยค่ะ เหตุผลคือ ราคาดี คิดราคาเป็นเงินไทยให้แล้วไม่ต้องกังวลค่าแลกเปลี่ยน มักจะถูกกว่าที่อื่น แล้วมันได้เครดิตตามยอดที่ซื้อ ซึ่งเอาไปเป็นส่วนลด ซื้ออย่างอื่นครั้งถัดไปได้ นัทก็จะเอาไปใช้เวลาไปทริปอื่น
อีกเหตุผลที่ขอสารภาพคือ จองผ่าน Klook นัทสมัครแค่ Klook ไง ไม่ต้องไปลงทะเบียนใหม่ ตั้งพาสเวิร์ดใหม่เวลาซื้อตั๋วแต่ละสถานที่
ของโตเกียวนี่ง่ายมากค่ะ เราซื้อตั๋วผ่าน Klook เสร็จปุ๊ป จะได้ voucher ที่มี QR code ส่งมาทางอีเมล์ที่เราจอง ซึ่งในเว็ปจะเขียนว่า ให้เตรียมพาสพอร์ทไปด้วย แต่หน้างาน เค้าไม่ได้เช็ค เพราะเค้าใช้วิธีถ่ายรูปเราด้านหน้าเอาค่ะ
ทางไปจองตั๋ว Tokyo DisneySea ราคาประหยัดที่สุด >> คลิ๊กที่นี่ได้เลยค่ะ
ส่วนใครสะดวกจองตรงกับสวนสนุกก็ได้นะคะ แต่มันต้องสมัครแอคเคาท์ญี่ปุ่น ช่องทางการจ่ายเงินก็จะเป็นแค่บัตรเครดิตอย่างเดียวค่ะ ถ้าผ่าน Klook จะมีหลายช่องทางการจ่ายเงินค่ะ
อ้อ ขออธิบายเผื่อคนยังไม่เคยไปดิสนีย์แลนด์หรือดิสนีย์ซีนะคะ บัตรเข้าที่เราซื้อเข้ามาแล้วนั้น สามารถเล่นเครื่องเล่นได้ทุกอย่างแล้วนะคะ ไม่ต้องเสียเงินเล่นแต่ละเครื่องเล่น แต่ดิสนีย์เค้าจะมีขายพวก Disney Premiere Access หรือ “บัตรลัดคิว” ของแต่ละเครื่องเล่นเพิ่ม เผื่อขี้เกียจรอคิวก็ใช้เงินแก้ปัญหาได้ค่ะ แต่ไม่ได้บังคับซื้อค่ะ
ราคาบัตรตอนนี้ อยู่ที่ประมาณ 2000.- ถือว่าถูกมากกกก ถ้าเทียบกับดิสนีย์แลนด์ที่อื่นในโลก
วิธีการเดินทางไป โตเกียว ดิสนีย์ซี (Tokyo DisneySea)
1. รถไฟ JR สาย Keiyo Line หรือ สาย Musashino Line ไปลงสถานี Maihama ค่ะ วิธีนี้น่าจะเป็นวิธีที่สะดวกและเป็นที่นิยมมากที่สุดแล้ว เพราะจริงๆ ใช้เวลาแค่ 15-20 นาที ตรงจากสถานี Tokyo ซึ่งสถานี Tokyo นี่ไม่ว่าจะอยู่ตรงไหนก็มีรถไฟมาลงนะคะ ดิสนีย์แลนด์ก็เหมือนทุกที่ในโตเกียวค่ะ กดกูเกิ้ลแมพเช็ควิธีเดินทางได้เลย ง่ายมากๆ มาถึง Maihama จะมีรถไฟของดิสนีย์มาลงหน้าดิสนีย์ซีค่ะ
2. แท็กซี่/รถส่วนตัว อย่างที่ทราบกันดีว่า แท็กซี่ที่ญี่ปุ่นราคาแรงมากแต่อาจจะสะดวกสำหรับบางคนเนอะ ส่วนรถส่วนตัว ค่าที่จอดรถธรรมดาอยู่ที่ 2500 เยน และเสาร์อาทิตย์อยู่ที่ 3000 เยนค่า
3. Shuttle Bus จริงๆ สามารถมาได้ด้วยบัส หรือ ชัทเทิลบัสที่ตรงจากชินจูกุด้วยนะคะ จริงๆ เวลาพอๆ กัน แต่ข้อดีคือ ไม่ต้องเปลี่ยนสายรถไฟ หากใครที่อยู่ใกล้ชินจูกุ แบบชัทเทิลบัส ก็ตรงถึงดิสนีย์แลนด์เลยค่ะ แต่มีรอบเช้าเลยนะคะ เช็ครายละเอียดได้ที่ >> คลิ๊กที่นี่
ข้อควรรู้สำหรับการไป โตเกียว ดิสนีย์ซี (Tokyo DisneySea)
– โหลดแอพ Tokyo Disneyland จะมีแผนที่ เวลารอของแต่ละเครื่องเล่น เวลาเปิดปิดสวนสนุก ตารางการแสดงอยู่ค่ะ
– ภายในแอพจะมีให้ซื้อ DPA หรือ Disney Premiere Access ซึ่งขออธิบายอีกครั้งค่ะว่า ตั๋วเข้าดิสนีย์แลนด์ที่เราเข้าไปแล้วนั้น สามารถเล่นได้ทุกอย่าง ไม่ต้องซื้อบัตรแยกเป็นเครื่องเล่น แต่ DPA มันคือบัตรลัดคิว เป็นใช้เงินแก้ปัญหา สำหรับเครื่องเล่นที่รู้สึกว่ารอนานๆ ก็จะจ่ายเพิ่มได้ค่ะ ให้ไปดูหน้างานก่อน ถ้าไม่เกินครึ่งชม ก็ไม่ต้องซื้อก็ได้ค่า
– ถ้าเป็นไปได้ เลี่ยงไปวันหยุดต่างๆ นะคะ คนมหาศาลเลย
– นัทไปดิสนีย์แลนด์ทุกสาขา ปีละ 2-3 ครั้งวนๆ กัน จะบอกว่า อาหารและของที่ระลึกที่โตเกียวดีสมราคาที่สุดค่ะ ราคาไม่เว่อ ไม่รู้เป็นเพราะค่าเงินเยนตกรึป่าว แต่ที่อเมริกา แค่น้ำกับของว่างก็สี่ร้อยกว่าบาทแล้วค่ะ ถ้าพวกเสื้อสเวทเชิ้ตต้องมีสามพันกว่าบาท ในขณะที่โตเกียว สี่ร้อยนี่ได้แบบอลังการ น่ารักและอร่อย เสื้อสเวทเชิ้ตไม่ถึงพัน เป็นสวนสนุกที่เราไม่ได้เอนจอยเครื่องเล่นเป็นหลัก แต่เอนจอยอาหาร ของเล่น ของที่ระลึก ความคิ้วท์แบบญี่ปุ่นมากๆ ค่ะ
– จากข้อที่แล้ว จะบอกว่า โตเกียวดิสนีย์แลนด์และดิสนีย์ซี เป็นสวนสนุกดิสนีย์ที่เดียวในโลก ที่ห้ามนำอาหารและเครื่องดื่มจากข้างนอกเข้าสวนสนุกค่ะ (สาขาอื่น สามารถเอาเข้าได้ ห้ามแค่เครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ค่ะ) — ใดๆ คือ โตเกียวเป็นที่ที่ไม่ต้องพกอาหารไปจริงๆ เพราะข้างในดีมากกก
– ตอนกลางคืน ที่ดิสนีย์ซีก็มีโชว์ และมีพลุเช่นกันค่ะ มีทุกวันตอนสองทุ่มครึ่ง แต่หากฝนตกหรือลมแรงจะแคนเซิลค่ะ
– Update * โซน Fantasy Springs โซนใหม่ที่เพิ่งเปิดกลางปี 2024 สามารถเข้าไปได้เลยโดยไม่ต้องกดจองก่อนแล้วนะคะ ต่อคิวเครื่องเล่นได้ตามปกติเลยค่ะ
ทางไปจองตั๋ว Tokyo Disneysea ราคาประหยัดที่สุด >> คลิ๊กที่นี่ได้เลยค่ะ
โตเกียว ดิสนีย์ซี (Tokyo DisneySea)
จากนี้ไป จะเป็นรีวิว ทุกโซน และ เครื่องเล่นต่างๆ ซึ่ง **อาจจะมีสปอยล์ เครื่องเล่น นะคะ หากใครไม่อยากรู้ก่อน ให้ข้ามไปเลยยยยยย**
ดิสนีย์ซี ดั้งเดิมจะแบ่งเป็น 7 โซนค่ะ แล้วเพิ่มโซนใหม่คือ Fantasy Spring ที่เปิดเมื่อกลางปี 2024 เข้ามา ซึ่งเป็นการต่อขยายที่ใหญ่ที่สุดตั้งแต่เปิดสวนสนุกมาค่ะ
โดยในเว็ปทางการจะนับว่า โตเกียวดิสนีย์ซี มี 8 โซน แต่สำหรับนัทมันคือ 7 + 1 โซนใหญ่ ซึ่งในรีวิวนี้ เราจะพาวนตามเข็มนาฬิกา แวะเข้าไปใน Fantasy Spring แล้วออกมาทางเดิมแล้วเดินต่อมาถึงข้างหน้าสวนสนุกนะคะ
หากใครจะเดินทวนเข็ม หรือ เดินมุ่งหน้าไป Fantasy Spring ก่อนก็ได้เช่นกันค่ะ
Mediterranean Harbor
หลังจากที่ลงรถไฟ Disney Resort Line ทางเดินจะพาเราเข้ามาที่ทางเข้าของ Tokyo DisneySea เลยค่ะ ตรงนี้เราจะผ่านลูกโลกและเริ่มเข้าสู่โซนแรก Mediterranean Harbor โซนที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากเมืองท่าทางยุโรปตอนใต้ที่แสนโรแมนติก ตกแต่งด้วยกลิ่นอายแบบทะเลเมดิเตอเรเนียน มีความเป็นอิตาเลียน หมู่บ้านชาวประมง คลองเวนิส และ ป้อมแบบเรเนซองส์
อ้อ Tokyo DisneySea คอนเซปท์เค้าคือ ท่าเรือในจินตนาการจากตำนานและเรื่องเล่าของท้องทะเลรอบโลก ดังนั้นแต่ละโซนก็จะเกี่ยวกับทะเลหมดเลย แต่บรรยากาศต่างกันเลยค่ะ เค้าทำมาสวยมากๆ
โซน Mediterranean Harbor พอเข้ามาจะกินพื้นที่ไปทั้งด้านซ้ายและด้านขวาเลยค่ะ
หากเราแพลนเดินแบบตามเข็มนาฬิกา (เข้าไปแล้วเลี้ยวซ้าย) เราจะเจอเครื่องเล่น Venetian Gondolas เป็นเรือกอนโดล่าแบบในเวนิสเลยค่ะ ที่คนพายเค้าจะร้องเพลงไปด้วย แล้วเค้าตกแต่งโซนนี้ออกมาเหมือนเวนิสเลย
จากกอนโดล่า ถ้าไม่อยากเดินย้อน แนะนำให้เดินเข้าโซนถัดไป American Waterfront ไปเลยนะคะ แล้วที่เหลือค่อยมาเก็บตอนเดินกลับมาอีกทาง
ส่วนใครที่จะเลี้ยวขวาเดินทวนเข็มนาฬิกา เราก็จะเจอกับอีกหนึ่งเครื่องเล่นฮิตคิวยาวตลอดกาล คิวยาวทุกสาขาในโลก อย่าง Soaring: Fantastic Flight ถือเป็นเครื่องเล่นไฮไลท์ของโซนนี้เลยค่ะ เป็น simulator แบบจอโค้งพาเราขึ้นเครื่องร่อนไปเที่ยวทั่วโลก กราฟฟิคสวยมากๆ และชิลล์มากเหมือนเราบินได้เลย แนะนำนะคะ (ที่เซี่ยงไฮ้กับอเมริกาก็มีนะคะ เหมือนกันทุกอย่างยกเว้นฉากจบที่จะเป็นเมืองนั้นๆ ค่ะ)
อีกอันที่นับเป็นเครื่องเล่น แต่จริงๆ เหมือนเอาไว้เดินทางข้ามโซนได้ด้วย คือ DisneySea Transit Steamer Line มันเป็นเรือที่แล่นรอบดิสนีย์ซี ตอนแล่นผ่านภูเขาตรงกลาง เราก็จะได้เห็นมุมจากเรือค่ะ ไปจอดที่ท่าอื่นๆ 3 ท่า
สุดท้าย Fortress Explorations ป้อมปราการที่อยู่ติดกับภูเขา ตรงนี้ เป็นแนว Walk-through แต่มีลูกเล่น มีรายละเอียดเยอะมาก ทำสวยมากๆ
แน่นอนค่ะว่า โซนแรกของดิสนีย์แลนด์ ก็จะต้องมีร้านค้าเยอะๆ เอาไว้ดักให้เราเสียเงินทั้งขาเข้าและขาออก ซึ่งโซนนี้ก็มีถึง 14 ช้อปเลย ทั้งขนม เครื่องเขียน ของใช้ในบ้าน เมอร์แชนไดซ์ต่างๆ
นัทขอวนตามเข็มนาฬิกานะคะ พอเดินมาสุดตรงกอนโดล่าปุ๊ป ทางซ้ายจะเป็น American Waterfront ค่ะ
American Waterfront
โซนนี้ จำลองท่าเรืออเมริกันในช่วงต้นทศวรรษ 1900 โดยมีเมืองท่าหลัก 2 แห่ง ได้แก่ นิวยอร์ก ที่เต็มไปด้วยพลังและความเร่งรีบ และ เคปค้อด หมู่บ้านชาวประมงแสนน่ารัก เรียบง่าย และอบอุ่น
โซนนี้จะมีร้านอาหารค่อนข้างเยอะ และ มีเวทีกับโรงละคนบรอดเวย์ด้วย ซึ่งแถวนี้จะเป็นจุดที่มีการแสดงค่อนข้างบ่อยเลยค่ะ แทบจะทุกๆ ชั่วโมงเลย
เข้ามาจะเจอกับหน้า วู้ดดี้จากทอยสตอรี่ เป็นที่อยู่ของเครื่องเล่น Toy Story Mania เป็นแบบนั่งรถ ใส่แว่นสามมิติ แล้วยิงเป้า ธีมทอยสตอรี่ เล่นกับเพื่อนแข่งกันสนุกมากๆ
เลยมานิดนึงก็จะเจอตึกสูง อีกเครื่องเล่นที่นัทชอบมากกก นับเป็นไฮไลท์ได้เลย Tower of Terror เป็นเครื่องเล่นแนว Free Fall แบบปล่อยตก ที่มีสตอรี่เป็นโรงแรมผีสิง แล้วมีจังหวะปล่อยตก 55 ม. แต่ไม่แอบกระซิบว่า มันไม่เหมือนเครื่องเล่นปล่อยตกทั่วไปที่ขึ้นไป ปล่อยลงมาแล้วจบนะคะ มันมีอะไรเยอะกว่านั้นมาก นัทชอบมาก — ต่อคิวซ้ำทุกที่ทั้งอเมริกา ปารีส และ ที่นี่ค่ะ
เราจะมองเห็นเรือลำใหญ่ S.S. Columbia ข้างล่างจะเป็นที่อยู่ของ Turtle Talk มันจะเป็นจอ ที่มีเจ้า Crush เต่าทะเลในเรื่อง Nemo and Friends มาคุยบนจอใหญ่ๆ ซึ่งมันจะเข้าเป็นรอบๆ เป็นการคุยสดนะคะ เค้าจะ interact กับเด็กๆ ที่เข้าไปชม แต่….. ที่โตเกียวจะเป็นเวอร์ชั่นภาษาญี่ปุ่นเท่านั้น ถ้าเราไม่เข้าใจภาษา ก็อาจจะไม่เอนจอยเลยค่า
ในโซนนี้เองก็มีจุดจอดเรือ DisneySea Transit Steamer Line ที่เราขึ้นลงมาจากโซนอื่นได้ และก็จะมี Big City Vehicle อันนี้เป็นรถคลาสสิกคาร์ใหญ่ๆ ที่ขับอยู่รอบๆ โซนนี้ค่ะ
จากตรงนี้ เราจะเดินตรงไปโซนถัดไป หรือเราจะมาขึ้นรถไฟ DisneySea Electric Railway ก็ได้ค่ะ มันจะเชื่อมระหว่างโซนนี้กับโซนถัดไป นั่นก็คือ Port Discovery
Port Discovery
เราสามารถนั่งรถไฟหรือเดินข้ามสะพานมาโซนนี้ได้จากโซนที่แล้ว คอนเซปท์ของโซนนี้คือ พอร์ทแห่งอนาคต โลกที่วิทยาศาสตร์ เลยจะมีเครื่องเล่นที่เป็นยานสำรวจได้น้ำ กับการตกแต่งที่ดูล้ำค่ะ
เครื่องเล่นหลักๆ ในโซนนี้มี 2 อย่าง อันแรกเป็น Aquatopia เป็นแนวเครื่องเล่นหมุนๆ ซึ่งปกติเครื่องเล่นแนวนี้ อาจจะอยู่บนบก แต่อันนี้ก็คือไปหมุนๆ กันในน้ำ ส่วนอีกเครื่องเล่นที่เราว่าเป็นไฮไลท์ของโซนนี้คือ Nemo & Friends SeaRider เป็นเครื่องเล่นแบบ Simulator จำลองเรือดำน้ำ ที่เราดำตามนีโมและผองเพื่อนลงไป จะได้ลงทะเลลึกไป ทำภาพสวย น่ารัก เป็นอีกเครื่องที่ไว้นั่งพักเพลินๆ น่ารักดีค่ะ พากย์เป็นภาษาญี่ปุ่นทั้งหมดค่ะ
ทางไปจองตั๋ว Tokyo Disneysea ราคาประหยัดที่สุด >> คลิ๊กที่นี่ได้เลยค่ะ
Lost River Delta
นัทข้ามโซนเมอร์เมดลากูนกับตัวภูเขาไฟ เข้าไปลึกสุดก่อนนะคะ เพราะในรีวิวนี้ นัทพยายามจะรีวิวแบบเดินเป็นเส้นเดียวไม่ย้อน (แต่ในชีวิตจริง ก็เดินย้อนไปย้อนมาอยู่ดี)
เดินต่อไปจากโซน Port Discovery จะเข้าไปสู่ Lost River Delta ป่าทึบในอเมริกากลางจากยุค 1930 ที่ซึ่งซากของอารยธรรมโบราณรอให้เหล่านักสำรวจและนักล่าสมบัติเข้ามาค้นหา ดื่มด่ำกับแหล่งขุดค้นทางโบราณคดี และผจญภัยไปในหมู่บ้านยุคอาณานิคม เป็นที่ตั้งของการผจญภัยแบบอินเดียน่า โจนส์
ในโซนนี้ ถือเป็นเครื่องเล่นหวาดเสียวทั้งสองอันเลยค่ะ และข้อดีของทั้งสองเครื่องนี้คือ มีแถวแบบ ‘Single Rider’ แถวลัดสำหรับคนที่มาคนเดียว พอมีที่นั่งว่างจากรถที่คนไม่ครบคู่ เค้าก็จะเอาคนที่มาคนเดียวไปแทรกค่ะ สมมติคิวหลักรอ 60 นาที แถว Single Rider อาจจะรอประมาณ 15 นาที
เครื่องเล่นแรกที่เป็นธีมของโซนนี้ Indiana Jones Adventure: Temple of the Crystal Skull ซึ่งจะบอกว่า เครื่องเล่น Indiana Jones แต่ละเวอร์ชั่นของแต่ละสาขาในโลกมันไม่เหมือนกันนะคะ อันนี้จะคล้ายกับที่ดิสนีย์แลนด์ที่แคลิฟอร์เนียที่สุด ถ้าใครได้อ่านรีวิวดิสนีย์ปารีสนัท ก็คือด่าเครื่อง Indiana Jones สุดๆ เพราะไม่สนุกเลยยยยย แต่ของที่นี่สนุกค่ะ แนะนำ สนุก ตื่นเต้น เป็นแนวขึ้นรถจี๊ปไปผจญภัยกับ อินเดียน่าโจนส์ มีเอฟเฟคท์ ไม่ถึงขั้นรถไฟเหาะ แต่หวาดเสียวอยู่ค่ะ ตกแต่งอลังการ
Raging Spirits อันนี้เป็นรถไฟเหาะเลยค่ะ เส้นทางไม่ยาวมาก แต่ว่ามีแบบตีลังกากลับหัวนะ ธีมคือเข้าไปในอารยธรรมโบราณเหมือนกัน เป็นเครื่องเล่นที่มีแค่ที่ดิสนีย์ซีที่เดียวในโลก แต่สำหรับนัท ไม่ใช่รถไฟเหาะที่ดีที่สุดที่ดิสนีย์เคยทำมา นัทเฉยๆ นะ ถ้าจะข้าม แต่ด้วยความที่มัน Single Rider ได้ มันก็แว้บเข้าไปเล่นได้อ่ะค่ะ ไม่ติด
โซนนี้เป็นอีกโซนที่มีที่จอดเรือ DisneySea Transit Steamer Line ค่ะ พอเราเดินสุดตรงนี้จะมีทางแยกเข้าสู่โซนใหม่ล่าสุดอย่าง Fantasy Springs ในทางซ้าย แต่ถ้าเราเดินจนสุดทางขวาจะเจอโซน Arabian Coast ค่ะ
ทางไปจองตั๋ว Tokyo Disneyland ราคาประหยัดที่สุด >> คลิ๊กที่นี่ได้เลยค่ะ
Fantasy Springs (เปิดเมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2024)
โซนใหม่ล่าสุดที่รวมเรื่องราวจากภาพยนตร์ Frozen, Tangled, และ Peter Pan ไว้ด้วยกันในพื้นที่มหัศจรรย์ที่เต็มไปด้วยสายน้ำ น้ำพุ และเวทมนตร์ เป็นโซนที่เคยจะต้องกดพาสเข้าให้ได้ก่อนถึงจะเข้าโซนได้ แต่ยกเลิกไปแล้วค่ะ ตอนนี้คือสามารถเดินเข้ามาได้เลย และต่อคิวเล่นเครื่องเล่นตามปกติได้เลย
พาเข้าตามเข็มนาฬิกาเช่นกันนะคะ ภายในจะประกอบไปด้วย Peter Pan’s Never Land ที่มี Peter Pan’s Never Land Adventure เครื่องเล่นที่เป็นการนั่งเรือ ใส่แว่นสามมิติ และจะเข้าไปตามห้องต่างๆ ตามเรื่องราวของปีเตอร์แพน ซึ่งพอเป็นเครื่องเล่นเพิ่งทำใหม่ ก็จะใช้เทคโนโลยีใหม่ ต่างจากเครื่องเล่นคลาสสิคยุคเก่าแก่อย่าง Flight of Peter Pan ซึ่งอยู่ในโตเกียวดิสนีย์แลนด์และหลายสาขาทั่วโลกแบบคนละฟีลเลย — เครื่องเล่นอันนี้เป็นภาษาญี่ปุ่น แต่ถ้าใครที่โตมากับแอนิเมชั่นปีเตอร์แพนยุคคลาสสิก ก็จะรู้เรื่องค่ะ ว่ามันคือฉากไหน เกิดอะไรขึ้น
และอีกเครื่องเล่นคือ Fairy Tinker Bell’s Busy Buggies อันนี้จะเป็นการนั่งรถไปตามเรื่องราวของทิงเกอร์เบลล์ ที่จะพาเราผ่านเซตติ้งทั้ง indoor และ outdoor เลยค่ะ ในโซนนี้ยังมีร้านอาหาร และมีเกาะกับแอ่งน้ำอยู่ตรงกลาง ซึ่งเหมือนฉากตอนไปถ้ำกัปตันฮุกเลยค่ะ
จากนั้นก็จะเจอโรงแรม Fantasy Springs ซึ่งเป็นโรงแรมใหม่ล่าสุดของดิสนีย์ซี ภายในตรงนี้จะมีน้ำพุหรือเหล่า Springs อยู่จริงๆ โดยแต่ละอันก็จะเป็นรูปเรื่องราวแฟนตาซี เทพนิยายคลาสสิกจากดิสนีย์ แถวนี้เดินเพลินมาก และมีคาแรคเตอร์ออกมาทักทายเป็นประจำด้วยค่ะ
ไปนิดนึงจะมี Frozen Kingdom ที่มีเครื่องเล่น Anna and Elsa’s Frozen Journey ซึ่งเป็นเรือที่พาล่องเข้าไปชมเรื่องราวของ Anna และ Elsa โดยเป็นเครื่องเล่นที่ทำสวยและออกแบบ Animatronics หรือหุ่นต่างๆ มาได้สมจริงมากๆ เพลงเอย บรรยากาศ คือขนลุกค่ะ
ตรงนี้จะมีร้านอาหารไฮไลท์อย่าง Royal Banquet of Arendelle ด้วยนะคะ เป็นอีกร้านที่สวยมากๆ เหมือนอยู่ในวังเลย
ย้อนกลับมาจะเจอ Rapunzel’s Forest ที่มีเครื่องเล่นอย่าง Rapunzel’s Lantern Festival ที่ธีมคือการล่องเรือแสนโรแมนติกไปชมเทศกาลโคมลอยตามท้องเรื่อง Tangled ค่ะ เครื่องเล่นนี้มีฉากที่สวยมากๆ ที่เชื่อว่าหลายคนอาจจะเคยเห็นผ่านตามาบ้างแล้ว แต่เป็นเครื่องเล่นที่สั้นหากเทียบกับเวลาต่อคิว เพราะแม้จะซื้อ DPA ที่เป็นแบบบัตรลัดคิว ก็ยังต้องรอ 20 นาทีโดยประมาณ ตอนแรกเรานึกว่าเรารู้สึกคนเดียว แต่หากไปลองดูรีวิวบน Google Maps จะเห็นเลยว่ามีคนบ่นหลายคนเลยค่ะ — ยังไงก็คุ้มค่านะคะ แต่แค่อยากให้จัดการความคาดหวังไปก่อนค่ะ
Arabian Coast
เดินกลับออกมาจากโซน Fantasy Springs เราก็เข้าสู่โลกแห่งนิทานอาหรับราตรี A Whole New World ที่เนรมิตโดยจินนี่ ธีมกองคาราวานแห่งอาหรับ มีซินแบดด้วย ถือเป็นอีกโซนที่เป็นเอกลักษณ์มากๆ ค่ะ
เครื่องเล่นในโซนนี้ ได้แก่ Jasmine’s Flying Carpets อันนี้เป็นเครื่องเล่นแนวหมุนๆ แต่ยกขึ้นสูงได้ (คล้ายๆ ดัมโบ้ของฝั่งดิสนีย์แลนด์) น่ารักดีค่ะ เด็กๆ เล่นได้ ข้างๆ จะมี Sindbad’s Storybook Voyage อันนี้เป็นเครื่องเล่นค่อนข้างเก่าค่ะ เป็นแนวล่องเรือ ไปชมฉากและหุ่นที่เป็นเรื่องราวของซินแบดผจญภัย แนวล่องเรือปกติของดิสนีย์เลย
เดินมานิดนึงจะเจอ The Magic Lamp Theater เป็นโรงละครที่มีโชว์มายากล แต่จะแสดงเป็นภาษาญี่ปุ่นล้วนๆ ค่ะ จริงๆ มันก็ไปนั่งพัก ไปดูแบบจอยๆ ได้ แต่เราแค่จะไม่เก็ทมุกที่เป็นภาษาค่ะ สุดท้ายจะมี Caravan Carousel ม้าหมุนที่มีธีมอาละดินและมีจินนี่ซ่อนอยู่
เดินเชื่อมมานิดเดียว จะถึงโซนที่นักท่องเที่ยวชาวไทยนิยมถ่ายรูปมากที่สุด
Mermaid Lagoon
โลกใต้น้ำของแอเรียล โซนนี้เน้นกิจกรรมสำหรับเด็ก แต่เราชอบมาก แทบจะชอบที่สุดเลย ทำสวยมาก เป็นโลก “ใต้ท้องทะเล” ที่เต็มไปด้วยสีสัน เครื่องเล่นน่ารัก ร้านค้า และของกินอร่อย ๆ ในโลกของ The Little Mermaid — ข้อดีของโซนนี้คือส่วนใหญ่อยู่ในร่มด้วยค่ะ อากาศแบบไหนก็รอด
เครื่องเล่นในโซนนี้ จะอยู่เรียงๆ กัน เป็นเครื่องเล่นเล็กๆ Jumpin’ Jellyfish แนวที่นั่งขึ้นลง, Blowfish Balloon Race แนวเครื่องหมุนๆ ที่ลอยขึ้นไปบนอากาศ, The Whirlpool แนวถ้วยหมุน
มี Ariel’s Playground ที่เข้าไป เป็นกึ่ง Walk-through กึ่งสนามเด็กเล่น มีมุม มีลูกเล่น ที่แฟนๆ ลิตเติ้ลเมอร์เมด ต้องกรี้ด มันเพลิน แล้วเอาจริงๆ ไปแต่ละรอบ ก็จะเห็นดีเทลไม่เหมือนกันเรื่อยๆ
Flounder’s Flying Fish Coaster อันนี้เป็นรถไฟเหาะเด็กค่ะ อยู่ข้างนอก
นอกจากนี้ ยังมี Mermaid Lagoon Theater เป็นโรงละคร มีคอนเสิร์ตจากเซบาสเตียนและผองเพื่อน เราจะได้เจอแอเรียลด้วยนะคะ เวลามาดูก็เหมือนมานั่งพักขา แอร์เย็นๆ (หรือฮีตเตอร์อุ่นๆ ในวันที่ข้างนอกหนาว)
Mysterious Island
จริงๆ โซนนี้ เค้าถือเป็นแลนด์มาร์กและ Flagship ของดิสนีย์ซีเลยนะคะ กับภูเขาไฟใจกลางปาร์ค ซึ่งตามเรื่องราวคือภูเขาไฟ Mount Prometheus ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากนิยายของ Jules Verne อย่าง Journey to the Center of the Earth เป็นฐานลับของนักวิทยาศาสตร์อัจฉริยะผู้แปลกประหลาด ผู้มุ่งมั่นพิสูจน์ว่าสิ่งที่คนอื่นคิดว่าเป็นไปไม่ได้…เป็นไปได้ เดินทางเข้าสู่โลกแห่งความลึกลับและการค้นพบด้วยยานพาหนะที่เขาออกแบบเอง
แน่นอนว่า เครื่องเล่นก็เป็นไปตามคอนเซปท์เลย เริ่มด้วยเครื่องเล่นคิวยาวตลอดกาล และมีที่นี่ที่เดียว Journey to the Center of the Earth รถไฟเหาะจำลองพาเราไปแกนโลก และอีกเครื่องเล่นคือ 20,000 Leagues Under the Sea อันนี้คือพาลงเรือดำน้ำไปใต้ท้องทะเลลึก ไม่ได้เน้นหวาดเสียว แต่มีความลึกลับอยู่ค่ะ ฉากสวยมาก มืดๆ น้ำสมจริงมากค่ะ
จริงๆ ถ้าเดินออกมาจากตรงนี้ แล้วแวะ Fortress Explorations (นับเป็นเครื่องเล่นในโซนแรก Mediterranean Harbour แต่มันใกล้ตรงนี้มากกว่า) แล้วทะลุมาทางเครื่องเล่น Soaring : Fantastic Flight ก็จะเป็นการเดินผ่านทุกเครื่องเล่นและทุกโซนในดิสนีย์ซี แบบไม่เดินย้อนกลับเลยค่ะ
เครื่องเล่นที่ไม่ควรพลาด
ถ้าเคยไปดิสนีย์แลนด์หลายที่แล้ว แนะนำเครื่องเล่นที่มีแค่ที่โตเกียวดิสนีย์ซี ได้แก่ Journey to the Center of the Earth, 20,000 Leagues Under the Sea, ทั้งโซน Mermaid Lagoon, Nemo & Friends SeaRider
เครื่องเล่นใน Fantasy Springs ก็มีแค่ที่นี่ยกเว้น Frozen ที่มีที่ฮ่องกงกับออร์แลนโด้ และกำลังจะเปิดที่ปารีส **แต่ที่ญี่ปุ่น เป็นที่เดียวที่มีฉากไฮไลท์อันนึงที่ไม่มีที่อื่น
ถ้ามีเวลา อยากให้นั่งเรือ DisneySea Transit Steamer Line เล่นๆ เพราะเราจะได้เห็นวิวของดิสนีย์ซีจากอีกมุมค่ะ เป็นมุมในแอ่งน้ำที่เชื่อมต่อทั้ง 7 โซนไว้ แล้วก็มี Fortress Explorations ที่นัทว่าเค้าทำสวย และดีเทลเยอะ ชอบเป็นการส่วนตัว
ส่วนเครื่องเล่นที่มีหลายสาขา แต่นัทก็ไปซ้ำทุกครั้ง เล่นตลอด เพราะชอบ ก็คือ Tower of Terror, Soaring : Fantastic Flight, Indiana Jone’s
ทางไปจองตั๋ว Tokyo Disneyland ราคาประหยัดที่สุด >> คลิ๊กที่นี่ได้เลยค่ะ
การแสดง และ โชว์พลุ จาก Tokyo Disney Sea
ปกติในดิสนีย์แลนด์จะมีพาเหรดระหว่างวัน แต่พอเรามาดิสนีย์ซี เค้าจะเป็นเรือแล่นในน้ำแทนค่ะ ตอนนี้เป็นธีม Duffy and Friends’ Colorful Happiness Journey จะเป็นเรือที่มีคาแรคเตอร์แล้วก็วนไปรอบๆ ตรงบ่อน้ำตรงกลาง มีวันละ 3 เวลา
และเวลา 19.30 น. (เช็คเวลาในแอพอีกทีนะคะ) จะมีการแสดงใหญ่ อาจจะไม่ใช่พลุอลังการเหมือนดิสนีย์แลนด์ แต่เป็นการแสดงที่นัทชอบมาก แสงสีเสียง มียิงพลุออกจากเรือนิดหน่อย ไม่ใช่ดอกไม้ไฟบนฟ้าใหญ่ๆ แต่ใช้น้ำพุ มีไฟยิงจากภูเขาไฟ การแสดงชื่อว่า Believe! Sea of Dreams นัทชอบมากกกกก เป็นการแสดงที่ใช้เพลงจากดิสนีย์ยุคหลังๆ มามิกซ์กับอันคลาสสิก ตอนดูครั้งแรกร้องไห้เลยนะคะ เปิดด้วยเพลงที่ให้ตำนานนักร้องหญิงญี่ปุ่นอย่าง Misia ร้อง มีทั้งเอลซ่า โมอาน่า โคโค่ เออร์ซูล่า ตอนที่เอาเพลง A whole new world มิกซ์กับ I see the light และ Part of the world คือที่สุดของการเรียบเรียงเพลงในโชว์ปิดปาร์คที่ดิสนีย์เคยทำมาแล้ว แล้วตามด้วยปีเตอร์แพน คือโคตรพลังอ่ะทุกคน เป็นโชว์ครึ่งชั่วโมงที่ลืมทุกอย่างไปเลย
หวังว่าทุกคนจะสนุกกับการไปเที่ยวดิสนีย์แลนด์ที่โตเกียวนะคะ นัทยังมีรีวิวดิสนีย์แลนด์สาขาอื่นๆ ด้วย! คลิ๊กที่ภาพเพื่ออ่านต่อได้เลย!
หากชอบรีวิว อย่าลืมกดไลค์เพจ และ ติดตามไอจี @eatchillwander ด้วยนะคะ ขอบคุณมากๆ ค่า
ติดตาม Eat Chill Wander ได้ที่
Facebook : Eat Chill Wander
Instagram : @eatchillwander
Twitter : @eatchillwander
Youtube : Eat Chill Wander
Website : www.eatchillwander.com