[รีวิว] เที่ยวสวิตเซอร์แลนด์ด้วย Swiss Travel Pass คุ้มมั้ย? ใช้ยังไง? รีวิวใช้จริง มาดูกัน!
ใครที่กำลังวางแผนเที่ยว สวิตเซอร์แลนด์ คงจะต้องเคยได้ยินคำว่า สวิสพาส (Swiss Pass) แน่ๆ สวิสพาส นั้นเป็นชื่อที่เราเรียกติดปากจากชื่อทางการว่า Swiss Travel Pass ซึ่งเป็นบัตรที่ครอบคลุมการขึ้นรถไฟในสวิตเซอร์แลนด์ รวมถึงรถบัส รถราง รถไฟใต้ดิน เรือเฟอร์รี่ และการขนส่งสาธารณะเกือบจะทั้งหมด โดยนัทได้มีโอกาสใช้สวิสพาสในการเที่ยวสวิสครั้งล่าสุด และจะมาแชร์ประสบการณ์ให้ฟังค่ะ
Swiss Travel Pass คืออะไร รวมอะไรบ้าง?
– Swiss Travel Pass นั้นอาจจะได้ยินเรียกติดปากกันว่า สวิสพาส แต่สวิสพาสเป็นชื่อเก่าค่ะ เปลี่ยนมาใช้ชื่อ Swiss Travel Pass ในปี 2014 ส่วนสวิสพาสจริงๆ นั้นเป็นบัตรโดยสารแบบประจำของประชากรสวิตเซอร์แลนด์ ดังนั้น ในรีวิวนี้ จะเรียกชื่อเต็มว่า Swiss Travel Pass นะคะ
– Swiss Travel Pass เป็นเหมือนตั๋วเหมาขนส่งสาธารณะ ที่ขึ้นได้ตั้งแต่เดินออกจากสนามบิน ไปจนถึงรถไฟ รถไฟใต้ดิน รถราง บัส และ เรือเฟอร์รี่ค่ะ แต่สิ่งที่ไม่รวม จะเป็นพวกกระเช้าหรือรถรางขึ้นยอดเขา ซึ่งมักจะมีส่วนลดให้ผู้ถือ Swiss Travel Pass ถึง 25-50% ค่ะ
– ถ้าอ่านในข้อกำหนดของ Swiss Travel Pass เค้าจะบอกว่าไม่รวมค่าจองที่นั่ง แต่รถไฟเกือบทั้งหมดในสวิสไม่ต้องจองที่นั่งค่ะ ยกเว้นแค่รถไฟชมวิวพาโนรามา ได้แก่ Glacier Express, Bernina Express และ Golden Pass ที่ต้องจองที่นั่งก่อนและจ่ายเพิ่มแค่ค่าจองที่นั่งค่ะ
– อย่างทริปนี้ทั้งทริปนัทขึ้นรถไฟปกติ คือเดินขึ้นไปได้เลย สะดวกมากกกกกกกก
– นอกจากนี้ ยังสามารถใช้เข้าพิพิธภัณฑ์อีกหลายแห่งได้ฟรีด้วยค่ะ มีลิสท์อยู่ในเว็ปทางการ คลิ๊กที่นี่
– โปรโมชั่น Swiss Travel Pass >> ทางไปจอง
สำหรับใครที่หาตั๋วเครื่องบินราคาถูกอยู่ก็ไปเทียบราคาได้ที่ Skyscanner.com นะคะ คลิ๊กที่นี่ได้เลย!!!
Swiss Travel Pass คุ้มมั้ย?
ถามว่า คุ้มมั้ย สำหรับนัทมันมีประเด็นว่า ตั๋วรถไฟระหว่างเมืองของสวิสนั้น ถ้าจองใกล้ๆ มันจะแพงกว่าจองล่วงหน้านานๆ อย่างตั๋วจาก Zurich ไป Interlaken ตอนนัทหา 2 เดือนล่วงหน้า ตกประมาณเที่ยวละ 47CHF แต่พอจะซื้อใกล้ๆ คือ 70CHF ซึ่งถ้าถือสวิสพาส คือไม่ต้องสนใจเลยค่ะ ลากกระเป๋า ขึ้นไปนั่งบนรถไฟได้เลย
นัทเลยอยากแชร์ว่า บางทีข้อมูลที่เราคำนวณค่าตั๋วรถไฟไว้คร่าวๆ แต่พอใกล้ๆ ก็อาจจะแพงกว่าไปเลยค่ะ (หรืออีกวิธีคือ แม้จะนั่งวางแผนทำทริปล่วงหน้า แต่ไม่ต้องเช็คราคาตั๋ววันที่เราจะไปจริงค่ะ ให้ลองเช็คของวันนี้ไปเลย)
นอกจากนี้ ถ้าเราไม่มีพาส เราก็ต้องจองตั๋วก่อนล่วงหน้า แล้วต้องรีบไปให้ทันรอบที่จอง ซึ่งถามนัท แลกกับความสบาย ความยืดหยุ่น ตรงนี้คือคุ้มมาก สมมติไปไม่ทันรอบนี้ มัวแต่ทานข้าว ชมวิว ก็ไปรอบถัดไป หรือเปลี่ยนแผนกระทันหันได้ตลอดเวลาเลยค่ะ (อย่างนัท เที่ยวแล้วมีเวลาเหลือ ซึ่งตอนแรกไม่คิดว่าจะเสร็จจากอีกที่เร็ว ก็นั่งรถไฟไปเที่ยวอีกหมู่บ้านได้ชิลล์ๆ แบบกดกูเกิ้ลแมพแล้วไปต่อเลย ไม่ต้องคิดเยอะ)
Swiss Travel Pass ยิ่งจำนวนวันนาน ราคาต่อวันจะยิ่งถูกลง ถ้าซื้อ 6 วันขึ้นไปนี่ นั่งรถไฟข้ามเมืองวันละเที่ยวก็คุ้มแล้วค่ะ
แต่ถ้าใครซื้อสั้นๆ 3 วัน แล้วไม่ไปไหนเลย แบบนี้คือไม่คุ้มค่ะ เพราะพาส 3 วัน เริ่ม 232 ฟรังค์ สมมติ นั่งไปแค่ 2 เมือง นั่ง 3 เที่ยว เมืองไม่ไกล คำนวณแล้วตกไม่ถึง 150 ฟรังค์ แบบนี้คือไม่คุ้มค่ะ เพราะพวกรถบัสหรือรถรางในเมือง ไม่ได้แพงมาก ที่พักหลายที่ก็แถมบัตรขนส่งสาธารณะในเมืองนั้นๆ ให้ด้วย
และหากคิดว่า บางวันจะพักผ่อนอยู่ที่เดียว ไม่ได้ใช้รถไฟ ทาง Swiss Travel Pass จะมีแบบ flex pass คือใช้แบบไม่ต้องต่อเนื่องค่ะ ไม่ต้องใช้ติดกัน เดี๋ยวจะเขียนรายละเอียดด้านล่างนะคะ
ราคา Swiss Travel Pass
สิ่งที่ต้องเลือกคือ
1) จำนวนวัน : มีแบบ 3,4,6,8,15 วัน
2) คลาสที่นั่ง : มีแบบ First Class กับ Second Class ค่ะ จะบอกว่า Second Class ก็ไม่แย่นะคะ ทุกอย่างโอเค นัทใช้แบบนี้ เวลาจะขึ้นรถไฟ อาจจะต้องดูป้ายข้างขบวนนิดนึงว่าขบวนนี้ชั้นหนึ่งหรือชั้นสอง แต่นั่งตรงไหนก็ได้ค่ะ
3) ใช้แบบวันต่อเนื่อง (Consecutive) หรือ ไม่ต่อเนื่อง (Flexible) : แบบไม่ต่อเนื่องจะแพงกว่า สมมติซื้อแบบ พาส 4 วัน ไม่ต่อเนื่อง คือใช้ได้ 4 วันในช่วง 1 เดือน วันไหนก็ได้ ไม่ต้องติดกันค่ะ เหมาะกับคนที่เดินทางแบบ จะไปพักบางเมือง 2-3 วัน ก่อนจะไปต่อ วันที่พักเฉยๆ ก็จะได้ไม่สูญเปล่า
4) อายุ : อายุต่ำกว่า 6 ปีขึ้นฟรี, 6-15 ปี นับเป็นเด็ก (Child), 16-24 ปีนับเป็นเยาวชน (Youth) และ 25 ปีขึ้นไปเป็นบัตรผู้ใหญ่ (Adult) ค่ะ
นัทแนะนำให้เข้าไปกดออปชั่นที่เหมาะกับตัวเองเพื่อเช็คราคาเลย เพราะ จำนวนวัน คลาส อายุ คือต่างกันหมดเลย
>> ทางไปจอง
แต่คร่าวๆ คือ บัตรผู้ใหญ่แบบต่อเนื่อง 3 วัน ตกอยู่ 8,290 บาท, 4 วัน 10,040 บาท, 6 วัน 12,827 บาทค่ะ อาจจะมีเปลี่ยนแปลงตามอัตราแลกเปลี่ยนนะคะ
ข้อควรรู้ในการใช้ Swiss Travel Pass
– ชื่อ และ เลขพาสพอร์ทต้องตรงกับผู้ใช้นะคะ ตอนจองต้องเช็คดีๆ ค่ะ
– ถ้าซื้อแบบ Flex (แบบวันไม่ต่อเนื่อง) ต้องเข้าไป activate ในเว็ป https://activateyourpass.com/ เพื่อกดใส่ว่า เราจะใช้วันไหนบ้าง (เช่น ซื้อพาสแบบ 3 วันไม่ต่อกัน อาจจะใช้ วันที่ 1,4,7 แบบนี้ก็ได้ค่ะ) // ถ้าเป็นแบบต่อเนื่องไม่ต้องนะคะ เพราะเราจะต้องใส่วันตอนจองอยู่แล้ว
– วิธีนับเวลา เข้าจะนับตั้งแต่ 12.00 am ของวันที่ระบุ ไปจนถึง 5.00 am ของวันถัดไปค่ะ เช่น สมมตินัทซื้อของวันที่ 1 มกรา ถึง 4 มกรา ก็จะใช้ได้ 12.00 am หรือเที่ยงคืนของวันที่ 31 เข้าวันที่ 1 ยาวไปจนถึง เวลาตีห้าของวันที่ 5 มกรา แบบนี้ค่ะ —- สมมติถ้าเราลงเครื่องที่สนามบินตอน 6 โมงของวันที่ 1 ก็คือเริ่มใช้ได้เลย
– เฉพาะรถไฟสายพาโนราม่า Glacier Express, Bernina Express, Golden Pass ต้องจองที่นั่งแยกค่ะ
– พวกกระเช้าขึ้นยอดเขา รถไฟจุงเฟรา แบบนี้จะไม่รวมอยู่ในพาส แต่ใช้แสดงพาสตอนซื้อจะได้ส่วนลดค่ะ
ซื้อ Swiss Travel Pass ที่ไหน
นัทซื้อผ่าน Klook.com ที่ลิงค์นี้ค่ะ >> ทางไปจอง
เช็คมาแล้วถูกสุดเลย ข้อดีของการซื้อผ่าน Klook สำหรับนัทคือ มันสะสมแต้มได้ เอาไว้ใช้ซื้ออย่างอื่นในทริปต่อไป แล้วก็เค้าคิดเป็นเงินไทยเลย ไม่ต้องมาลุ้นตอนตัดบัตร นัทเคยลองเทียบ ก็ถูกกว่าซื้อที่โน่นนะคะ อีกข้อดีคือ ซื้อแล้วจะได้ E-Ticket ของ Swiss Travel Pass เข้าอีเมล์มาเลย ของนัทเข้ามาไม่ถึง 1 วันหลังกดซื้อค่ะ สามารถเปิดให้จนท.ดูจากอีเมล์ได้เลยค่ะ เริ่มใช้ตั้งแต่เดินออกจากสนามบินเลย
อีกอย่าง เท่าที่นัทอ่านมา ถ้าซื้อเป็นบัตรที่สถานีที่โน่น ข้อเสียคือ ถ้าหายก็คือหายเลย กู้ไม่ได้ ทำอะไรไม่ได้เลยค่ะ ต้องมีบัตรจริงแสดงให้เค้าดูเท่านั้น
ตอนเดินทางจริง
ถ้าซื้อผ่าน Klook จะได้มาเป็นตั๋วในอีเมล์ ซึ่งเราสามารถเปิดบนมือถือและแคปหน้าจอไว้ แล้วเปิดจากมือถือให้เจ้าหน้าที่ดูได้ค่ะ (นัทปริ้นท์ไปเผื่อมือถือแบตหมด จะให้เค้าดูจากจอหรือปริ้นท์ก็ได้ ได้หมด แค่ต้องสแกน QR บนตั๋วได้)
จากนั้นขึ้นรถไฟได้เลย ไม่ต้องไปติดต่ออะไรก่อนขึ้น แค่ดูว่าขึ้นถูกขบวนก็พอแล้วค่ะ เจ้าหน้าที่จะเดินตรวจตั๋วตอนรถไฟออกไปซักพักแล้วค่ะ จนท. บางคนก็ขอดูคู่กับพาสพอร์ทเพื่อเช็คว่าชื่อตรง บางคนก็ไม่ดูค่ะ
นั่งตรงไหนก็ได้เลยค่ะที่ว่างอยู่ บางขบวนถ้ามีคนจองที่มา มันจะมีป้ายเล็กๆ อยู่บนหัวบอกว่า ที่นั่งนี้มีคนจองจากไหนไปไหน แต่เท่าที่นัทขึ้นมา คือไม่มีที่ไหนมีคนจองเลย ช่วงเลิกงาน หกโมง ทุ่มนึง ถ้าเมืองใหญ่ๆ ก็จะคนเยอะหน่อย
นัทใช้กูเกิ้ลแมพในการดูรถไฟตลอด จะมีเลขขบวนและชานชาลาบอก ไปถึงสถานีก็ดูป้ายซักครั้งนึงว่าเลขขบวน เวลา และ ชานชาลาตรงกันกับที่เราจะไป ก็ไปขึ้นรถไฟได้เลยค่ะ ส่วนขนส่งสาธารณะในเมืองอย่างรถบัสหรือรถรางก็ขึ้นได้เลยเช่นกัน ส่วนใหญ่นัทใช้กูเกิ้ลแมพเพราะว่า ปักหมุดสถานที่ต่างๆ ไว้ มันจะดูง่าย แต่ว่า รถไฟสวิสจะมีแอพเป็นของตัวเองชื่อว่า SBB ในแอพมีข้อดีตรงที่ ถ้ารถไฟดีเลย์ หรือ ยกเลิก มันจะอัพเดทกว่า ก็ดูประกอบกันค่ะ
สำหรับใครที่หาตั๋วเครื่องบินราคาถูกอยู่ก็ไปเทียบราคาได้ที่ Skyscanner.com นะคะ คลิ๊กที่นี่ได้เลย!!!
พร้อมแล้ว ตามมาเที่ยวสวิตเซอร์แลนด์กันต่อเลยค่ะ!!
เที่ยว Thun เมืองริมทะเลสาบสุดสวยใกล้ Interlaken สวิตเซอร์แลนด์
เที่ยว Lauterbrunnen หมู่บ้านน่ารักท่ามกลางหุบเขาแห่ง สวิตเซอร์แลนด์
เที่ยว Mürren หมู่บ้านเทพนิยายท่ามกลางวิวเทือกเขาสุดอลังการแห่ง สวิตเซอร์แลนด์
เที่ยว Iseltwald ทะเลสาบ Brienz ตามรอยสหายผู้กอง Crash Landing on You ที่สวิตเซอร์แลนด์
หากชอบรีวิว อย่าลืมกดไลค์เพจ และ ติดตามไอจี @eatchillwander ด้วยนะคะ ขอบคุณมากๆ ค่า
ติดตาม Eat Chill Wander ได้ที่
Facebook : Eat Chill Wander
Instagram : @eatchillwander
Twitter : @eatchillwander
Youtube : Eat Chill Wander
Website : www.eatchillwander.com