[รีวิว] พาเที่ยว Disneyland Park แคลิฟอร์เนีย รวมทุกสิ่งที่ควรรู้ก่อนไป ดิสนีย์แลนด์ อเมริกา!!

มาเที่ยวดิสนีย์แลนด์แห่งแรกของโลก ดินแดนที่เต็มไปด้วยความสุขและความสนุกอย่าง Disneyland Park & Disney California Adventure เมือง Anaheim, รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา ที่หากใครมาเที่ยวแอลเอแล้วไม่ควรพลาดเลยค่ะ

ในรีวิวนี้ นัทอยากจะแชร์ทิปส์ต่างๆ ที่น่าจะทำให้ทุกคนวางแผนได้ดียิ่งขึ้น ทั้งวิธีการซื้อตั๋ว การเดินทาง เครื่องเล่นที่น่าสนใจในแต่ละโซน เพื่อประกอบการวางแผนเที่ยว ดิสนีย์แลนด์ ฝั่งแคลิฟอร์เนีย อเมริกา ให้คุ้มค่ามากที่สุด ดังนั้น ตามมาเลยนะคะ


ดิสนีย์แลนด์ ใน อเมริกา อยู่ที่ไหน?

ก่อนอื่นขอแนะนำ ดิสนีย์แลนด์ ฝั่ง อเมริกา กันก่อนค่ะ สวนสนุกดิสนีย์ในอเมริกานั้นมี 2 ที่ นั่นคือ เมือง Orlando ในรัฐฟลอริด้า และ เมือง Anaheim ในรัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งเมือง Anaheim นั้น อยู่ติดๆ กับ ลอสแองเจลิส หรือ แอลเอ เลยค่ะ

โดยฝั่ง ฟลอริด้า นั้น จริงๆ แล้ว ชื่อ Disney World นะคะ ชื่อเต็มๆ คือ Walt Disney World Resort ภายในมีสวนสนุกแบ่งเป็น 4 สวนสนุกย่อย ซึ่งแต่ละสวนสนุกก็จะมีธีมแตกต่างกันไป ถ้านับรวมทั้ง 4 สวนสนุกย่อย Disney World นี้คือใหญ่ที่สุดในโลกค่ะ แต่ถ้านับแค่อันที่มีปราสาทเจ้าหญิง ที่เซี่ยงไฮ้ก็จะใหญ่กว่าค่ะ แล้วแต่ว่านับยังไง

ด้วยความที่ฝั่งฟลอริด้าเรียก ดิสนีย์เวิลด์ ดังนั้น พอเรียกดิสนีย์แลนด์ปุ๊ป ก็มักจะหมายถึง ฝั่งแอลเอ ไปโดยปริยายค่ะ

ในรีวิวนี้ จะเป็น Disneyland ฝั่งแคลิฟอร์เนีย ซึ่งเป็นดิสนีย์แลนด์ออริจินอลเลยค่ะ อยู่ใกล้ Los Angeles ซึ่งหากใครไม่คุ้นเคยกับ ประเทศสหรัฐอเมริกา จะบอกว่า ฝั่งแคลิฟอร์เนีย กับ ฝั่งฟลอริด้า มันไกลกันมากนะคะ บินไปก็มีห้าชั่วโมง อีกนิดก็เท่ากับกทม. บินไปโตเกียวแล้วค่ะ


Disneyland Park and Disney California Adventure

ดิสนีย์แลนด์ แคลิฟอร์เนียนั้น ประกอบไปด้วย สวนสนุก 2 ปาร์ค ได้แก่ Disneyland Park คืออันที่มีปราสาทเจ้าหญิง เป็นปาร์คหลัก และเป็นอันที่เปิดโซน Star Wars ที่ยิ่งใหญ่อลังการ ก็อยู่ในปาร์คนี้ค่ะ ส่วนอีกปาร์คคือ Disney California Adventure ซึ่งแม้จะเป็นปาร์คที่เล็กกว่า แต่เครื่องเล่นเด็ดเพียบบบบบบ มี Avengers Campus ที่เปิดมาใหม่ก็อยู่ในฝั่งนี้ ยังไงนัทก็เชียร์ให้ไปทั้ง 2 ปาร์คเลยค่ะ

ทีนี้ พอมี 2 ปาร์ค เวลาซื้อตั๋ว เค้าก็จะมีให้เลือกจำนวนวันและจำนวนสวนสนุกค่ะ เดี๋ยวไปเขียนรายละเอียดตรงวิธีซื้อตั๋วนะคะ

ข้อดีของดิสนีย์แลนด์ ฝั่งแคลิฟอร์เนียนี้คือ สวนสนุกขนาดใหญ่กำลังพอดี เล่นวันเดียวครบทั้ง 2 ปาร์คได้ง่ายๆ อยู่ในย่านที่ถือว่าน่าอยู่เลยค่ะ มีโรงแรมใกล้ๆ ด้านหน้าที่เดินมาได้เยอะมาก เดินออกมาหาอะไรกินข้างนอกแล้วกลับไปก็ยังได้ แถมทั้งสองที่ในอเมริกา มีข้อดีคือ อากาศไม่สวิงมากกกกในแต่ละฤดู อย่างโตเกียว ปารีส หรือ เซี่ยงไฮ้ ที่แบบฤดูหนาวก็หนาวมาก เล่นรถไฟเหาะต้องมีหน้าชาปากสั่น ส่วนฤดูร้อนก็ร้อนมาก ที่นี่คือ มีวันร้อนนะคะ วันที่นัทไปก็ค่อนข้างร้อน แต่เวลาหนาวคือไม่หนัก เครื่องเล่นไม่ปิดเพราะหิมะตกไรงี้ค่ะ


วิธีการซื้อ และ ราคาตั๋ว Disneyland Park (California)

อย่างที่กล่าวไป การซื้อตั๋วจะต้องเลือก จำนวนสวนสนุก และ จำนวนวัน ค่ะ ซึ่งแต่ละวันของสัปดาห์ ก็จะราคาไม่เท่ากันด้วย อย่างช่วงกลางสัปดาห์ ที่ไม่ใช่วันหยุดยาว ราคาจะถูกที่สุด ถ้าช่วงเทศกาลก็คือแพงไปอีก

ซึ่งที่นี่ นัทแนะนำให้เที่ยวทั้ง 2 ปาร์คค่ะ คือเครื่องเล่นดีมากกก ไฮไลท์ทั้งสองฝั่งเลย ดังนั้นก็อยู่ที่ว่า มีเวลากี่วัน และ มีงบเท่าไหร่ ถ้ามีเวลาและมีงบ ก็จัดไปเลย วันละ 1 ปาร์ค แต่ถ้ามีเวลาน้อย งบจำกัด ก็ต้อง 1 Day 2 Parks หรือที่เรียกว่า Park Hopper ซึ่งอย่างนัทก็ซื้อแบบนี้ค่ะ

แต่นัทซื้อ Genie+ เพิ่มด้วย ซึ่งข้อดีก็คือ จะสามารถจองคิวแบบ Lightning Lane ซึ่งเป็นการบุ๊คเวลา พอถึงเวลาที่เราจองไว้ ก็เดินเข้าไปเล่นได้เลยค่ะ

ส่วนตัวนัทแนะนำให้ซื้อออนไลน์ไปก่อนเลย เพราะที่นี่เค้าบังคับต้องจองวันในแอพไปก่อน สำหรับออนไลน์ นัทลองเทียบกับบนเว็ปดิสนีย์แล้ว ซื้อใน Klook.com มักจะถูกกว่า และเรายังสามารถสะสมแต้ม ใช้โค้ดส่วนลดพิเศษต่างๆ ได้อีกต่างหาก แถมได้ตั๋วจริงทางอีเมล์เลยค่ะ ได้มาเราก็เอาเลขตั๋วมาลงทะเบียน Park Reservation แล้วก็จะได้บาร์โค้ด เข้าสวนสนุกได้เลยค่ะ

อย่างช่วงที่นัทไป ตั๋วแบบ 1 Day 2 Parks บนเว็ปดิสนีย์จะอยู่ที่ 209 USD แต่บน Klook อยู่ที่ 203 USD ซึ่งต่างราวๆ สองร้อยบาท แต่มักจะมีโค้ด แล้วสะสมแต้มมาใช้จองอย่างอื่นได้อีกค่ะ

ทางไปซื้อตั๋ว คลิ๊กที่นี่ >> Klook.com

หากซื้อตั๋วแบบ 2 Parks จะสามารถเดินเข้าออกกี่รอบก็ได้นะคะ จะเดินกลับไปกลับมาก็ได้ค่ะ ซึ่งตอนนี้เราจะมีบาร์โค้ดอยู่ในแอพแล้ว ก็ใช้สแกนเข้าได้เลย


Park Reservation

อันนี้สำคัญมากๆๆๆ !!! ไม่ว่าจะซื้อตั๋วจากหน้าเว็ปดิสนีย์ หรือ ผ่านเว็ปไหนก็ตาม ยังไงก็ต้องไปจองวันเข้าปาร์คด้วยค่ะ ถ้ามีวันในใจ ก่อนซื้อตั๋ว ให้ไปเช็คในเว็ปนี้ ก่อนนะคะ ว่าวันนั้น คนจองเต็มรึยัง เพราะถ้าเต็ม ต่อให้ซื้อตั๋วตรงวัน ก็เข้าไม่ได้ค่ะ

ทีนี้ ตอนจอง หากเลือกเป็น 2 ปาร์คใน 1 วัน เค้าจะให้เลือกค่ะว่า จะเข้าปาร์คไหนก่อน โดยที่อีกปาร์คนึงจะเข้าได้หลัง 13.00 น. ส่วนตัวนัทเลือกเข้า Disney California Park ก่อน เพราะปิดเร็วกว่า ส่วนฝั่ง Disneyland ปิดช้ากว่าค่ะ เวลาเปิดปิดแต่ละวันจะไม่เท่ากัน เช็คในเว็ปได้เช่นกันค่ะ (ส่วนตัวรู้สึกว่า ไม่ได้มีผลอะไรค่ะ เพราะสุดท้ายก็เดินไปกลับอยู่ดี เน้นอันที่อยากเล่นมากกว่าก็ได้ นัทพยายามหาพยากรณ์ดูว่าปาร์คไหนจะคนเยอะกว่า แต่ก็ไม่ได้มีข้อมูลชัดเจนค่ะ)

ตอนเข้าปาร์ค ส่วนตัว เค้าไม่ได้เช็คไอดีหรือพาสพอร์ทว่าตรงกับชื่อที่ลงทะเบียนไว้มั้ย แต่เค้าจะถ่ายรูปเราไว้เลย พอสแกนตั๋วเข้าปาร์คถัดไป คือรูปต้องตรงกับตั๋วค่ะ

*Park Reservation เริ่มใช้มาตั้งแต่ปี 2020 และไม่รู้ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงในอนาคตมั้ยนะคะ


วิธีการเดินทางไป Disneyland Park and Disney California Adventure

1. รถยนต์ : ถ้าขับรถมาจากแอลเอ หรือ เมืองอื่นๆ ก็จะมีค่าใช้จ่ายในการจอดรถที่ลานจอดรถของดิสนีย์แลนด์ มีอยู่ 2 ลานจอด ชื่อ Mickey & Friends กับ Toy Story ค่ะ ซึ่งทั้งสองลาน ถ้าดูในแผนที่คืออยู่ตรงข้ามสวนสนุกนะคะ แต่เดินจริงๆ เกินกิโลแน่นอน เพราะมันต้องเดินอ้อมกลับมาเข้าประตูหน้าสวนสนุก ค่าจอดประมาณวันละ 30 USD ส่วนตัวคิดว่า พักโรงแรมใกล้ๆ แล้วจอดรถที่โรงแรม แล้วเดินมาคุ้มสุดค่ะ

2. ขนส่งสาธารณะ : อันนี้เป็นวิธีที่ประหยัดกว่าถ้าไปน้อยคนแล้วหารค่ารถไม่คุ้มค่ะ ทั้งหมดนี้ ขึ้นอยู่กับว่า ขึ้นจากตรงไหนของแอลเออีกทีนะคะ แนะนำให้เปิดกูเกิ้ลดูได้เลยค่า
2.1 รถบัส : สายเดียวที่ตรงจากกลางแอลเอ มาถึงดิสนีย์แลนด์ คือ สาย 460 ออกชั่วโมงละ 1-2 ครั้ง แต่นั่งนานมากกก ราว 2 ชม. ค่ะ
2.2 Amtrak  : รถไฟตรงจากสถานี LA Union Station ใจกลางเมือง มาลง Anaheim แล้วจะมีบัสสาย 14 / 15 ซึ่งเอาตั๋ว Amtrak ให้ดูก็ขึ้นได้เลยค่ะ ระยะเวลาในการนั่งรถไฟ ประมาณ 40 นาที แล้วก็บัสอีก ราวๆ 20 นาที
2.3 Metrolink : ใช้เมโทรลิงค์ สายสีส้มมาลง Fullerton แล้วนั่งบัสต่อมาได้เช่นกันค่ะ

3. Lyft / Uber : ถ้าเรียกรถในแอพ ก็จะเริ่มต้นที่ประมาณ 70 – 160 USD ค่ะ

สรุป : ถ้าใช้รถไฟก็จะเลี่ยงรถติดได้ เพราะแอลเอรถติดมากกก แต่ถ้าเอาไม่เหนื่อย คือมานอนก่อน 1 คืนแล้วเดินมาจากโรงแรมค่ะ

โรงแรมแนะนำที่เดินได้ (เดินใกล้กว่าที่จอดรถของดิสนีย์) :

2 ดาว > Grand Legacy At The Park | Anaheim Desert Inn and Suites

3 ดาว > Fairfield Anaheim Resort | Best Western Plus Park Inn | Best Western Plus Anaheim Inn | Desert Palms Hotel and Suites


ข้อควรรู้ก่อนไปดิสนีย์แลนด์

– ตอนจอง Park Reservation เค้าจะแนะนำให้โหลดแอพ Disneyland อยู่แล้วค่ะ ซึ่งนัทแนะนำเพราะว่า ทุกอย่างจัดการจากในนี้ สามารถดูเวลารอเครื่องเล่น แผนที่ จองร้านอาหาร หรือ สั่งอาหารก่อน แล้วก็เอาไว้กด Lightning Lane อยู่ในนี้หมดเลย

– Lightning Lane คือระบบที่เอาไว้กดจองเวลา ของเครื่องเล่นฮิตๆ ค่ะ อย่างนัทคือซื้อ Package Genie+ ซึ่งจะกด Lightning Lane ได้อยู่แล้ว (ยกเว้นอันที่ฮิตที่สุดคือ Rise of Resistance กับ Cars คืออันที่ต้องซื้อเพิ่ม) นอกนี้คือ สมมติ กดรอบแรกไปแล้ว รออีกซัก 2 ชม. ก็คือไปกดจองอันถัดไปได้อีก (แต่หน้าเว็ปไม่ได้ระบุนะคะ ว่าเมื่อไหร่ถึงจะกดจองอันถัดไปได้ มันจะแจ้งเตือนขึ้นมาในแอพเอง แต่นัทใช้ไป 4 ครั้งเลยค่ะ) // ส่วนถ้าใครไม่ได้ซื้อ Genie+ ก็สามารถ ซื้อ Lightning Lane แยกแต่ละเครื่องได้ค่ะ

– นอกจาก Lightning Lane แล้ว Genie+ ยังให้รูปที่ถ่ายกับกล้องสวนสนุก ที่สามารถสแกนโหลดได้จากแอพเลยค่ะ

– หลายๆ เครื่องจะมี Single Rider ซึ่งสำหรับคนที่มาคนเดียว หรือ มาเป็นกลุ่มแต่ยอมนั่งแยกกันได้ แถวเร็วกว่าเยอะมากๆ ค่ะ มากกกกจริงๆ เครื่องฮิตๆ ถ้าเข้า Single Rider นี่เล่นได้หลายรอบเลย

– อาหารแพงมาก แล้วก็เฉยๆ โอ้ว พกอาหารว่าง/เครื่องดื่มเข้ามาได้นะคะ

– นัทเลือกจะนอนแถวๆ นี้เลยค่ะ เพราะรู้สึกว่าคุ้มกว่า ขับรถมาจอดที่ที่จอดรถของดิสนีย์แลนด์ (ซึ่งเดินไกลกว่า เดินจากโรงแรมอีก!!! จะบอกว่า ข้อนี้ ดิสนีย์แลนด์ฝั่งแคลิฟอร์เนีย คือสบายกว่า ดิสนีย์เวิลด์ฝั่งฟลอริด้ามากๆๆๆ เพราะฝั่งฟลอริด้า ทุกอย่างอยู่ไกลหมด เหมือนไฟลท์บังคับว่าต้องชัทเทิล หรือ เอารถไปจอด ที่นี่คือเดินได้เลย

โรงแรมแนะนำที่เดินได้ (เดินใกล้กว่าที่จอดรถของดิสนีย์) :

2 ดาว > Grand Legacy At The Park | Anaheim Desert Inn and Suites

3 ดาว > Fairfield Anaheim Resort | Best Western Plus Park Inn | Best Western Plus Anaheim Inn | Desert Palms Hotel and Suites

– โชว์ดอกไม้ไฟไม่ได้มีทุกวันค่ะ ต้องเช็คก่อน ส่วนใหญ่จะมีสุดสัปดาห์กับเทศกาล แต่จะมีโชว์แสงสีเสียง ตอนกลางคืนค่ะ

– ที่บอกว่า เล่นทุกอย่างทันในวันเดียว เพราะ ที่นี่ปิดดึกค่ะ แต่ว่าอยู่นาน เราก็แอบล้าเหมือนกัน อาจจะแก่แล้ว แง

– นัทมีจัดลำดับ เครื่องเล่นที่ชอบที่สุดไว้หลังพาทัวร์ครบทุกโซนนะคะ // หลายเครื่องคือมีแค่ที่สาขานี้สาขาเดียวในโลก แล้วมันดีมากๆ แนะนำเลย

ซื้อตั๋วดิสนีย์แลนด์ราคาประหยัด > คลิ๊กเลย!!


Disneyland Park

จากนี้ไป จะเป็นรีวิว ทุกโซน และ เครื่องเล่นต่างๆ ซึ่ง ****อาจจะมีสปอยล์ เครื่องเล่น นะคะ หากใครไม่อยากรู้ก่อน ให้ข้ามไปเลยยยยยย****

เรามาปาร์คหลักกันก่อนค่ะ ที่นี่แบ่งเป็น 9 โซนเลยค่ะ แต่นัทว่า ถ้ากรุ๊ปเป็นโซนใหญ่ๆ ก็คือ 5 โซนเหมือนดิสนีย์แลนด์มาตรฐาน + 1 ที่เพิ่มมาคือ โซน Star Wars ค่ะ

และนัทรักโซน Star Wars มากกกก ประทับใจสุดๆ อ่านต่อกันเลยนะคะ

Main Street USA

เริ่มจากโซนแรก Main Street USA ถนนหลักที่ทอดยาวจากทางเข้าไปสู่ปราสาทดิสนีย์ค่ะ สำหรับโซนนี้ไม่ได้มีเครื่องเล่นจริงจังค่ะ มีแค่สถานีรถไฟที่วนรอบดิสนีย์แลนด์และสามารถไปลงได้ 4 โซนรอบปาร์ค แล้วก็จะมี The Disneyland Story Presenting Great Moments with Mr. Lincoln เป็นโชว์ประวัติของ อับราฮัมลินคอล์น

โซนนี้เป็นโซนที่เต็มไปด้วยร้านค้าเหมาะกับการแวะซื้อของที่ระลึกขากลับค่ะ แต่หากมีเวลา นอกจากของที่ระลึกแล้วตรงนี้ยังมีร้านน่ารักๆ มี Disney Gallery แล้วก็ยังเป็นที่อยู่ของพวกที่ทำการค่ะ ไม่ว่าจะฝากกระเป๋า เช่ารถเข็น ฯลฯ

นัทขอวนตามเข็มนาฬิกานะคะ พอเดินมาสุด Main Street ปุ๊ป ทางซ้ายจะเป็น Adventureland ค่ะ

Adventureland

โซนนี้ จะมีความป่าๆ ค่ะ ธีมที่นี่ทำได้ดีเลย เข้ามาถึงปุ๊ปจะเจอ Walt Disney’s Enchanted Tiki Room ไม่ได้เป็นเครื่องเล่น แต่เป็นแนวเดินเข้าไปดูโชว์ในบรรยากาศแบบ Polynesian มีความ Tiki Tiki มีนกแก้ว น่ารักดีค่ะ ใช้เวลาประมาณ 15 นาที

ถัดไปจะเป็น Jungle Cruise ซึ่งถือเป็นเครื่องเล่นที่ค่อนข้างคลาสสิกของดิสนีย์แลนด์เลย จะพาเราล่องไปในแม่น้ำตามป่า มีโมเดลสัตว์ต่างๆ ที่ทำสมจริงมากกก ถ้าใครเคยเล่นที่โตเกียวแล้ว จะคล้ายๆ กันค่ะ แค่ที่นี่เค้าพูดเป็นภาษาอังกฤษ ก็จะเก็ทมุกเวลาเค้าพากย์แหล่ะ เป็นไรด์นิ่งๆ มีจังหวะตื่นเต้นนิดๆ

เครื่องเล่นไฮไลท์ใน Adventureland ได้แก่ นัทต้องยกให้ Indiana Jones : Temple of the Forbidden Eye ซึ่งจะบอกว่า เครื่องเล่น Indiana Jones แต่ละเวอร์ชั่นของแต่ละสาขาในโลกมันไม่เหมือนกันนะคะ อันนี้จะคล้ายกับที่ดิสนีย์ซีที่โตเกียวที่สุด ถ้าใครได้อ่านรีวิวดิสนีย์ปารีสนัท ก็คือด่าเครื่อง Indiana Jones สุดๆ เพราะไม่สนุกเลยยยยย แต่ของที่นี่สนุกค่ะ แนะนำ สนุก ตื่นเต้น เป็นแนวขึ้นรถจี๊ปไปผจญภัยกับ อินเดียน่าโจนส์ มีเอฟเฟคท์ มีความรถไฟเหาะ

Frontierland, New Orleans Square และ Critter Country

ติดกันกับ Adventureland เลย จะเข้าสู่ Frontierland ซึ่งถ้าแยกไปอีกนิดจะเป็นโซนเล็กๆ ชื่อ New Orleans Square กับ Critter Country ซึ่งแทบจะแยกไม่ออกเลย  ซึ่งนัทเลยขอรวบไปเลยนะคะ

เข้ามาสู่ Frontierland จะเป็นธีมสร้างขึ้นในแบบ อเมริกันฟรอนเทียร์ หรือที่เรียกกันว่า Wild West ฟีลหนังคาวบอยค่ะ จะเป็นธีมหินๆ เหมืองทอง อะไรประมาณนั้น เป็นธีมที่มีทุกสาขายกเว้นเซี่ยงไฮ้ค่ะ มีทะเลสาบเล็กอยู่ตรงกลางซึ่งมีเครื่องเล่นอย่าง Mark Twain Riverboat อยู่ อันนี้เป็นเรือจริงๆ ที่พาเราล่องไปรอบๆ อ่าว จำลองเป็นแม่น้ำในอเมริกาและมีถ้ำโจรสลัดบน Tom Sawyer Island อยู่ ใช้เวลาประมาณ 15 นาทีค่ะ

เครื่องเล่นไฮไลท์ใน Frontierland นัทยกให้ Big Thunder Mountain Railroad เป็นฟีลรถไฟเหาะในเหมือง ถือเป็นรถไฟเหาะที่ทำให้เราร้องกรี้ดได้เรื่อยๆ ค่ะ แต่ไม่ใช่รถไฟเหาะที่โหดหรือหวาดเสียวระดับโลกอะไรแบบนั้นนะคะ มีโซนที่เข้าไปในที่มืดเลย แล้วก็ออกมาไต่ตามตัวภูเขาหินที่เป็นฉากหลักของโซน ซึ่งมุมและบรรยากาศจากมุมสูงสวยดีเลยค่ะ เส้นทางค่อนข้างยาว ต่อคิวแล้วรู้สึกคุ้มค่ะ

ส่วนทางที่ต่อมาจาก Adventureland ถ้าเลาะเลียบซ้าย จะเจอโซน New Orleans Square ค่ะ

Pirates of the Caribbean เป็นเครื่องเล่นแนวล่องไปบนน้ำ ในห้องมืด มีจังหวะตกน้ำ  มีเอฟเฟคท์ไฟต่างๆ เซตติ้งเล่าเรื่อง แจ๊ค สแปโรว์ โมเดลหน้าตาสมจริง สวยงาม — เครื่องนี้มีทุกสาขายกเว้นฮ่องกง ถือเป็นอีกเครื่องที่คลาสสิก เล่นมาเป็นสิบๆ ปีแล้วยังไม่ปรับเปลี่ยนใหม่

อย่างไรก็ตาม Pirates of the Caribbean ทุกสาขาจะคล้ายๆกัน ยกเว้นที่สาขาเซี่ยงไฮ้ที่ทำออกมาล้ำมากกกก คนละเรื่องเลยทุกคน เป็นเทคโนโลยี 4D เหมือนเราจมน้ำจริง แบบสุดๆ Pirates ที่เซี่ยงไฮ้เป็นหนึ่งในเครื่องเล่นที่น่าเล่นที่สุดของดิสนีย์แลนด์ทั่วโลกแล้วค่ะ

Haunted Mansion เครื่องเล่นแนวห้องมืดๆ ตกแต่งสวยๆ ในธีมบ้านผีสิง (ที่ไม่น่ากลัวขนาดนั้นนะคะ เป็นบ้านผีสิงแบบแฟนตาซี ฟุ้งๆ มีช้อตให้ตกใจเป็นบางจุด) ตัวรถไฟจะวิ่งไปตามห้อง มีจังหวะเหวี่ยงบ้าง แต่ไม่ใช่รถไฟเหาะค่ะ ตัวนี้ถือเป็นเครื่องเล่นธีมบ้านผีสิงของดิสนีย์แลนด์ที่สวยมาก แสง สี เสียง กราฟฟิคสวย / เด็กๆ หรือ คนกลัวความมืดอาจจะรู้สึกกลัวนะคะ แต่ถ้าคนเล่นเน้นความหวาดเสียวตกใจจะรู้สึกไม่คุ้มต่อคิวค่ะ // ถ้าเคยเล่นที่ปารีสกับฮ่องกงก็จะคล้ายๆ กันค่ะ

เดินตรงมา จะเป็นโซน Critter Country ซึ่งมี 2 เครื่องเล่นหลัก คือ Splash Mountain เครื่องนี้เปียกแน่นอน เป็นเครื่องที่ลอยไปตามน้ำ แล้วมีจังหวะไหลตกลงมาค่ะ ส่วนอีกเครื่องคือ The Many Adventures of Winnie the Pooh เป็นไรด์เบาๆ ที่พาไปดูเรื่องราวของวินนี่เดอะพูห์ น่ารักๆ ค่ะ

จาก Critter Country จะเข้าสู่ไฮไลท์ของการกลับมาดิสนีย์แลนด์ในครั้งนี้ของนัทนั่นก็คือ Star Wars

Star Wars : Galaxy’s Edge

โซนนี้ คือโซนที่นัทตั้งตารอตั้งแต่เปิดเมื่อปี 2019 แล้วเพิ่งได้ไปในปีนี้ค่ะ คือเค้าจำลองดาวจาก Galaxy Far Far Away โดยให้ที่นี่เป็นดาวบาตู ค่ะ มียาน Millennium Falcon มาจอด ในโซนนี้ก็จะได้เจอกับ ตัวละครจาก Star Wars ในยุคดิสนีย์ด้วย มากันหมดทั้งน้องเรย์ ไคโลเรน ฯลฯ

เครื่องเล่นทั้งสองเครื่องในโซนนี้นี่คือไฮไลท์แบบสุดๆ แล้วนัทคิดว่า พอเค้าออกแบบเครื่องเล่นในยุคนี้ เค้าทำ experience โดยรวมออกมาได้ดีมากกกก ตั้งแต่แถวที่ต่อคิวเลย สมัยก่อนมันจะเป็นห้องๆ แถวพับๆ รอไปเรื่อยๆ ใช่มั้ยคะ อันนี้คือ แม้แต่ตอนโฟลว์คิวเข้าไป ก็จะมีกิมมิก มีขึ้นยาน มีโชว์ต่างๆ มันพีคมากกกกทุกคน แล้วเรารู้สึกมีส่วนร่วมจริงๆ นานแค่ไหนก็ต้องรอค่ะ แต่นัทรอไม่นานทั้งสองเครื่องเลย

Star Wars: Rise of the Resistance เครื่องเล่นนี้ คือ เดอะเบสท์ ของดิสนีย์แลนด์ สาขานี้ตอนนี้เลยค่ะ แล้วแฟนใครเป็นแฟนสตาร์วอร์สคือกรี้ดดด นี่คือกรี้ดไคโลเรนหนักมาก ตัวไรด์จะเป็นแนวนั่งอยู่ในยานแล้วไหลไปตามห้องที่มีทั้งเอฟเฟค 3D / 4D จังหวะตก จังหวะลอย จังหวะต่อสู้ก็สมจริงดีค่ะ เราจะถูกควบคุมโดยปฐมภาคี แล้วหนีออกมาค่ะ

ช่วงรอคิวเหมือนไม่ได้รอเลย เหมือนดูโชว์ไปเรื่อยๆ มีหลายสเต็ปมาก ไม่ใช่แค่ต่อคิวเป็นห้องๆ นะคะ

Millennium Falcon: Smuggler’s Run ส่วนเครื่องเล่นนี้เป็นแนว Stimulator ค่ะ โดยความสนุกคือ แต่ละคนจะรับหน้าที่ไม่เหมือนกัน ซึ่งนัทแอบได้อยู่หลัง เป็น engineer เลยไม่ค่อยสนุกเลย ถ้าได้อยู่หน้าจะเป็น pilot ได้ขับยานด้วยค่ะ แล้วก็ต้องขับตามคำสั่ง ช่วยกันเอายานหนีไปให้ได้ ตอนที่รอคิว เข้ามาก็จะรู้สึกเหมือนโดนควบคุมตัวอยู่ค่ะ เข้ามาใน ยานจริงๆ คือยิ่งใหญ่ เหมือนในหนังเลย

นอกจากนี้ ร้านอาหารและร้านค้าในโซนนี้ก็คืออลังการสุดพลัง ดีเทลเล็กๆ น้อยๆ เต็มไปหมด แม้แต่ในร้านขายของ ก็มีกิมมิกต่างๆ สวยทุกมุมเลยค่ะ

ได้เจอ Chewbacca ด้วยยยย

ซื้อตั๋วดิสนีย์แลนด์ราคาประหยัด > คลิ๊กเลย!!

Fantasyland and Mickey’s Toon Town

เข้าสู่โซนที่เป็น คลาสสิกดิสนีย์ ที่เราทุกคนรักกันมาตั้งแต่เด็กๆ ค่ะ โซนนี้นัทว่า มีความเป็น Disneyland มากที่สุดเลย ทุกเครื่องเล่นเป็นธีมจาก Disney Classics แต่แทบไม่มีเครื่องเล่นโหดๆ หรือ หวาดเสียวเลยค่ะ

ตัวปราสาทเจ้าหญิง ก็จะนับว่าอยู่ใน Fantasyland ค่ะ ตัวปราสาทที่นี่เป็นปราสาท Sleeping Beauty ที่เราสามารถ walkthrough เข้าไปดูเรื่องราวของเจ้าหญิงออโรร่าได้ค่ะ (บางที่จะเป็นปราสาทซินเดอเรลล่า)

เครื่องเล่นไฮไลท์ใน Fantasyland ได้แก่ Matterhorn Bobsleds ซึ่งเป็นรถไฟเหาะ และมีที่สาขานี้สาขาเดียวค่ะ นอกจากนี้ต้องบอกว่า แล้วแต่ว่าชอบดิสนีย์เรื่องไหนเป็นพิเศษ เพราะของใน Fantasyland ค่อนข้างจะเป็นแบบเด็กๆ ส่วนใหญ่จะเป็น Ride ที่พาท่องไปในการ์ตูนต่างๆ เช่น ดัมโบ้ อลิส ปีเตอร์แพน

ถ้าอันที่นัทชอบมากที่สุดในโซนจะเป็น Peter Pan’s Flight เป็นเครื่องเล่นแนวนั่งไปบนยานเหาะ ไม่ได้หวาดเสียวเหมือนรถไฟเหาะ แต่มีจังหวะขึ้นลง จังหวะเลี้ยว เป็นห้องมืด แล้วเป็นฉากในปีเตอร์แพน สีสันสวย เหมือนเราบินไปกับปีเตอร์แพนเลยค่ะ ทำฉากเมือง เล่าเรื่องได้สวยมาก (ถ้าเล่นที่สาขาอื่นแล้ว ก็เหมือนกันเป๊ะค่ะ แต่ถ้ามีโอกาส เล่นที่เซี่ยงไฮ้จะดีสุดค่ะ เครื่องเล่นเหมือนกัน ต่างกันที่ความลื่นของเครื่องรุ่นใหม่ ไม่มีจังหวะกระตุกเลย)

นอกจากนี้ แนวนั่งรถเข้าไปดูเรื่องราวจะมี Snow White’s Enchanted Wish, Mr.Toad’s Wild Ride, Pinocchio’s Daring Journey และ Casey Jr. Circus Train ค่ะ ซึ่งนัทขอแนะนำเป็น Alice in Wonderland เพราะที่อื่นจะเป็นแบบสวนให้เดินเข้าไป แต่ที่นี่เป็นแบบไรด์อยู่ เป็นหนึ่งในเครื่องเล่นคลาสสิกที่มีสาขานี้สาขาเดียวค่ะ

เครื่องเล่นแนวม้าหมุน ได้แก่ King Arthur Carousel มีมุมให้ชักดาบออกจากหินด้วยค่ะ , Dumbo the Flying Elephant ที่นอกจากจะหมุนแล้วจะมีบางตัวที่ยกขึ้นสูงด้วยค่ะ และ Mad Tea Party อันนี้นั่งในถ้วยชา หมุนๆ ไปด้วย

เครื่องเล่นแนวล่องเรือ ได้แก่ It’s a Small World เป็นเครื่องเล่นเอกลักษณ์ของดิสนีย์แลนด์ มีทุกสาขายกเว้นเซี่ยงไฮ้ เป็นเรือล่องไปแล้วเป็นหุ่นใส่ชุดประจำชาติของทุกชาติค่ะ , Storybook Land Canal Boats ล่องเรือกลางแจ้ง ไปตามเมืองจำลอง ดินแดนขนาดจิ๋ว ทั้งหอคอยราพันเซล ปราสาทเจ้าชายอีริค หมู่บ้านเบลล์ อันนี้จะมีแค่ที่ปารีสกับแคลิฟอเนียเท่านั้นค่ะ ควรเก็บนะคะ

เครื่องเล่นทั้ง 3 แนวนี้ ถือว่าเป็นช่วงนั่งพักได้นะคะ อย่างแนวล่องเรือเนี่ย นั่งดูชิลล์ๆ พักขาเพลินเลยค่ะ เครื่องนึงก็ได้นั่ง 3-5 นาที สุดท้ายจะมี Pixie Hollow ที่เป็นที่อยู่ของทิงเกอร์เบลล์ ไว้ถ่ายรูปคู่กับทิงค์ค่ะ

ภายใน Fantasyland จะมีโซน Mickey’s Toontown ซึ่งอยู่แยกไปอีกอยู่ด้วยค่ะ ถ้านับมาตั้งแต่ต้นบทความ ตรงนี้คือโซนที่ 8 ที่เราไปแล้วนะคะ ซึ่งช่วงที่เราไปเค้าปิดรีโนเวทใหม่ยกโซน และจะมีเครื่องเล่นใหม่ในปี 2023 ด้วยต้องรอติดตามค่ะ

เข้าสู่โซนสุดท้าย

Tomorrowland

โซนนี้จะเป็นโซนที่ดูล้ำๆ สไตล์อวกาศๆ ซึ่งมีเครื่องเล่นสนุกๆ หลายชิ้นเลย บรรยากาศจะต่างจากโซนอื่นๆ เลยค่ะ

เครื่องเล่นไฮไลท์ใน Discoveryland ได้แก่ Space Mountain, Star Tours: The Adventures Continue และ Buzz Lightyear Astro Blaster

และอันที่นัทชอบเป็นการส่วนตัวคือ Finding Nemo Submarine Voyage จะเป็นการลงเรือดำน้ำค่ะ เป็นเครื่องเล่นที่ชิลล์มากๆ ช้าๆ เรือดำน้ำค่อยๆ เลื่อนไป เราจะมองหน้าต่างของเรือค่ะ พวกฉากก็จะเป็นใต้น้ำหมดเลย เป็นนีโม่และผองเพื่อน ช้าๆ ชิลล์ๆ ดี และที่สำคัญ มีแค่ที่สาขานี้สาขาเดียวด้วยค่ะ

นอกจากนี้จะมี Astro Orbiter เป็นเครื่องเล่นแนวหมุนๆ เร็วกว่าม้าหมุนหน่อย เป็นแบบขึ้นยาน จะเห็นวิวมุมสูงด้วยค่ะ ลองไปดูคนอื่นเล่นก่อนค่อยตัดสินใจก็ได้ค่ะ, Autopia เป็นขับรถบนรางสำหรับเด็กค่ะ

Space Mountain รถไฟเหาะที่จะเซ็ทอัพอยู่ในอวกาศ ห้องมืดแล้วมีฉากเรืองแสง นิดหน่อย ซึ่งจริงๆ มันสนุกมากเลยนะคะ แต่หลายคนที่ไปพูดตรงกันว่า เอ๊ะ เหมือนรถไฟตะลุยอวกาศที่ดรีมเวิลด์เลย ซึ่งเหมือนจริงๆ ค่ะทุกคน แหะๆ… เป็นอีกหนึ่งเครื่องเล่นหวาดเสียวที่สนุก แต่ถ้ารอเกิน 45-60 นาที ส่วนตัวก็แอบรู้สึกไม่คุ้มรอค่ะ

Star Tours: The Adventures Continue เป็นเครื่องเล่นแนว 3D Stimulator ธีมเรื่องสตาร์วอร์เหมือนกัน อันนี้ทำกราฟฟิคและเรื่องออกมาสวยค่ะ เครื่องจะขยับไปตามหนังบนจอ สมจริงมากค่ะ มีจุดที่รู้สึกเหมือนตกจริงๆ หรือ โดนดูดจริงๆ แล้วก็ตัวหนังจะแรนดอมนะคะ เข้าไปแต่ละครั้งจะได้การเดินทางที่ไม่เหมือนกันค่ะ – ถ้าเคยเล่นที่อื่นแล้ว เหมือนกันค่ะ ส่วนตัวคิดว่าไม่ต้องซ้ำก็ได้ค่ะ

Buzz Lightyear Laser Blast เครื่องเล่นแนวนั่งรถ และมีปืนให้ยิงเลเซอร์ไปที่เป้าค่ะ พูดตรงๆ ว่าถ้ามาคนเดียวแอบไม่สนุก แต่ถ้ามากับเพื่อนหรือแฟน สายแข่งกันเนี่ย เล่นซ้ำเป็นสิบรอบเลยค่ะ มันจะคำนวณคะแนนตอนจบว่าเรายิงเลเซอร์ที่ติดอยู่ที่รถ โดนกี่แต้ม แข่งกันมันส์มากค่ะ บรรยากาศข้างในก็น่ารัก ธีมทอยสตอรี่ อันนี้นัทซ้ำทุกสาขาที่มีเลย

จบ Disneyland Park แล้ว ไปต่อกันที่อีกปาร์คกันเลยค่ะ

ซื้อตั๋วดิสนีย์แลนด์ราคาประหยัด > คลิ๊กเลย!!


Disney California Adventure Park

จริงๆ ถ้ามาถามนัทว่า ชอบสวนสนุกฝั่งไหนมากกว่า สมมติ อีกฝั่งตัดโซน Star Wars ออกไปนี่ นัทตอบได้เลยนะคะ ว่าชอบฝั่งนี้มากกว่ามากๆ เครื่องเล่นค่อนข้างถูกจริตมากกว่า และเป็น ปาร์ครอง ที่ถือว่าใส่เครื่องเล่นเข้ามาได้ดีเลยค่ะ มีเครื่องเล่นไฮไลท์หลายอย่าง นัทเดาว่า ถ้าใครชอบดิสนีย์ซีมากกว่า ก็มีแนวโน้มจะชอบฝั่ง DCA มากกว่าเหมือนกัน ทั้งโตเกียวกับแคลิฟอร์เนียทำปาร์ครองได้ดีกว่าปารีสค่ะ

ที่นี่แบ่งเป็น 9 โซนเหมือนกันค่ะ แต่บางโซนก็เป็นโซนเล็กๆ ติดๆ กัน ไม่ได้ใหญ่ขนาดนั้น เดินได้สบายๆ ค่ะ

เข้ามาเลยจะเจอ Buena Vista Street ก่อนเลยค่ะ ตรงนี้ สร้างเลียนแบบ ลอสแองเจลีสในยุค 1920s เป็นโซนที่เป็นร้านค้า ร้านอาหาร เป็นถนนทางเข้ามาก่อน มีรถราง Red Car Trolley ให้นั่งได้ ไม่ได้มีเครื่องเล่นอะไรค่ะ

เดินเข้าไปวนทางซ้าย จะเป็นโซนที่สองชื่อว่า Hollywood Land ตรงนี้ จะสร้างเป็นเหมือนสตูดิโอในฮอลลิวู้ด ซึ่งมีฉายภาพยนต์ 3D เรื่อง Mickey’s PhilharMagic และมีเครื่องเล่นน่ารักๆ อย่าง The Monsters, Inc. Mike & Sulley to the Rescue ซึ่งเป็นแนวนั่งรถเข้าไป แล้วก็เป็นเรื่องราวของ Monster Inc ค่ะ คอนเซปท์คล้ายๆ พวกที่เป็นรถเลื่อนเข้าไปในฝั่ง Fantasyland

เดินผ่านมาปุ๊ปจะเข้าสู่ไฮไลท์ของเราในฝั่งนี้

Avengers Campus 

โซนนี้เปิดใหม่ในปี 2020 เข้ามาถึงปุ๊ป เจอ Iron Man ก่อนเลย เพลงธีมดัง ฟินมากค่ะ โซนนี้จริงๆ ไม่ได้ใหญ่มากนะคะ แต่แฟนมาร์เวลน่าจะใจเต้นแบบสุด เราจะเจอลานที่เหมือนอยู่หน้า Stark Industries ส่วนร้านอาหารจะเป็น Pym Test Kitchen จากแอนท์แมน มี Ancient Sanctum ของหมอแปลกอยู่ แล้วก็มีเครื่องเล่นหลักๆ 2 เครื่องเล่นค่ะ นอกจากนี้ยังแอบมีอีสเตอร์เอ๊ก เป็นร้าน Shawarma Palace ที่สตาร์คพูดขึ้นมาตอนต่อสู้ในเรื่องอเวนเจอร์ 1 แล้วเคยมี post-credit ด้วยค่ะ ก็มีสแตนด์ขายอยู่ เห็นแล้วหน้าโทนี่สตาร์คคือลอยมาเลยทุกคน

เครื่องเล่นไฮไลท์ใน Avengers Campus ได้แก่ Guardians of the Galaxy – Mission: Breakout! อันนี้จริงๆ มันเคยเป็นเครื่องเล่นอื่นมาก่อน แล้วเค้านำมารีโนเวทเป็นธีม Guardians of the Galaxy ซึ่งนัทจะบอกว่า เครื่องเล่นนี้ เป็นหนึ่งในเครื่องเล่นที่นัทชอบที่สุดในดิสนีย์ทั่วโลกเลย เพราะมันเป็นแนวตกตึกแบบ drop ลงมา ที่อื่นจะชื่อ Tower of Terror ค่ะ แต่ที่นี่พอเปลี่ยนเป็นธีมนี้ ก็คือยิ่งอินเลยค่ะ ตอนแรกก็เซ็งนะ เอาของเก่ามาโม แต่ข้างในมันทำใหม่แบบแตกต่างเลย สนุกมากๆๆๆ คุ้มรอมากค่ะ

เครื่องนี้ ถามว่านัทชอบขนาดไหน คือนัทเล่นบ่อยมากกกกกกก จนรู้แล้วว่าถ่ายรูปตอนไหน

Web Slingers: A Spider-Man Adventure อีกหนึ่งเครื่องเล่นใหม่ห้ามพลาด เราจะได้ยิงใยแมงมุมสู้กับเจ้า Spider-bot เครื่องนี้อินโทรมาก็คือเจอน้องทอมฮอลแลนด์ก่อนเลย ฟินมากค่ะทุกคน ตอนยิงใยแมงมุมคือ ต้องขยับมือจริงๆ นะคะ ในแว่น 3D จะเห็นใยออกมาจากมือ มีได้คะแนนแข่งกับเพื่อนด้วย เล่นเสร็จเมื่อยแขนสุดๆ แต่สนุกมาก

บรรยากาศใน Avengers Campus ค่ะ

Cars Land

เดินทะลุออกมา วนซ้ายต่อนะคะ จะเจอ Cars Land ซึ่งโซนนี้ทำเลียนแบบเมือง Radiator Springs ในภาพยนต์แอนิเมชั่นเรื่อง Cars ซึ่งโซนนี้เป็นที่อยู่ของหนึ่งในเครื่องเล่นที่เราชอบมากที่สุดจากสวนสนุกดิสนีย์เลยค่ะ

คือจะบอกว่า ส่วนตัวนัท ลืมๆ เรื่อง Cars ไปหมดแล้ว แต่โซนนี้เค้าทำได้น่ารักมากเลย

เครื่องเล่นไฮไลท์ใน Cars Land ได้แก่ Radiator Springs Racers ทุกคนนนนน คือเครื่องนี้มันไม่มีที่สาขาอื่น แล้วคิวยาวมาก แต่สนุกมากๆ เป็นเครื่องเล่นกึ่งรถไฟเหาะ ที่วิวอลังการ ทำออกมาสวย และมีกิมมิกลูกเล่นน่ารักๆ ที่ไม่เคยเจอในเครื่องเล่นอื่น ชอบมากเลยค่ะ มีความชิลล์ ผสมกับความหวาดเสียวนิดๆ มีความสนุกน่ารัก ลงตัวที่สุดเลย

นอกจากนี้ ก็จะมีเครื่องเล่นแบบ กุ๊กกิ๊กๆ เป็นธีม Cars เนี่ยแหล่ะ Luigi’s Rollickin’ Roadsters. Mater’s Junkyard Jamboree เป็นเครื่องเล่นแบบรถหมุนๆ อัตโนมัติ เด็กๆ หน่อยค่ะ

เดินตรงออกมาจะผ่านโซน Pacific Wharf  ซึ่งโซนนี้สร้างเลียนแบบเมืองชายฝั่ง Monterey ค่ะ ไม่ได้มีเครื่องเล่นอะไร มี The Bakery Tour ซึ่งเป็นทัวร์เดินดูการทำ Sourdough โดยร้านขาย Sourdough ชื่อดัง นอกจากนี้เป็นร้านอาหารหมดเลย แล้วก็มีมุมถ่ายรูปหลายมุมเลยค่า

ซื้อตั๋วดิสนีย์แลนด์ราคาประหยัด > คลิ๊กเลย!!

เดินถัดมานิดหน่อย จะเข้าสู่ Pixar Pier ค่ะ ตรงนี้เป็นเหมือนจุดถ่ายรูปแลนด์มาร์กของดิสนีย์ฝั่งแคลิฟอร์เนียเลย บรรยากาศบนนี้จะมีความเป็นงานฟันแฟร์มากๆ ด้วยความที่มีเลคเล็กๆ ด้วย เลยมีความเป็นพรอมเมอนาด เต็มไปด้วยตัวการ์ตูนจาก Pixar ค่ะ

เครื่องเล่นไฮไลท์ใน Pixar Pier ได้แก่ Incredicoaster รถไฟเหาะที่เห็นในรูปด้านบนนี้เลยค่ะ เป็นรถไฟเหาะที่สนุกมากกกกเป็นอันดับต้นๆ ในดิสนีย์เลย มีจังหวะตีลังกาด้วยนะคะ ทำเป็นธีม The Incredibles กรี้ดแน่นอน เรากรี้ดเยอะสุดแล้ว ชอบมากๆ ค่ะ , แล้วก็มี Pixar Pal-a-round ที่นัทชอบเป็นการส่วนตัว มันคือชิงช้าสวรรค์ใหญ่ๆ แล้วมีให้เลือกสองแบบ คือแบบที่ตัวชิงช้าจะเหวี่ยงไปมา กับแบบที่นั่งชิลล์ๆ ค่ะ ข้อดีคือเราจะเห็นวิวทั่วสวนสนุกเลย

นอกจากนี้ จะเป็นเครื่องเล่นเด็กๆ แต่น่ารักมากเลยนะคะ แบบเล่นเพลินๆ Jessie’s Critter Carousel เป็นม้าหมุนเล็กๆ , Games of Pixar Pier ซุ้มเกมส์ยิงปืนแลกของรางวัล แต่ต้องซื้อตั๋วเพิ่มนะคะ , Toy Story Midway Mania อันนี้ก็สนุกมากๆ ค่ะ เป็นแบบใส่แว่นสามมิติ แล้วยิงเป้า ธีมทอยสตอรี่ นัทเล่นซ้ำเกือบทุกสาขาเหมือนกัน

เดินเลยมาติดๆ กันเลยจะเข้าโซน Paradise Gardens Park ตรงนี้ก็เป็นเครื่องเล่นน่ารัก เด็กๆ หน่อย ใครมากับครอบครัวน่าจะชอบ อันที่ควรเล่นหากชอบแอเรียล คือ The Little Mermaid : Ariel’s Undersea Adventure เป็นเครื่องเล่นที่ให้เรานั่งรถเข้าไปชมเรื่องราวของแอเรียลค่ะ

ภายในโซนจะมีมุมที่ทำเป็นธีมเรื่อง Coco ด้วยนะคะ แล้วก็จะมีเครื่องเล่นอื่นๆ ได้แก่ Goofy’s Sky School เป็นรถไฟเหาะเด็ก, Silly Symphony Swings อันนี้คือที่ขึ้นไปนั่งชิงช้า แล้วมันจะหมุนๆ ขึ้นไปสูงๆ, Jumpin’ Jellyfish เป็นเครื่องเล่นแบบปล่อยตกลงมาแบบเด็กๆ ค่ะ

โซนสุดท้าย Grizzly Peak เป็นโซนได้ที่รับแรงบันดาลใจมาจากอุทยานแห่งชาติ Yosemite และ Red Wood ค่ะ

เครื่องเล่นไฮไลท์ของโซนนี้ ได้แก่ Grizzly River Run ซึ่งจะเป็นแพวงกลม ล่องไปตามน้ำ บางคนเปียกเยอะ บางคนเปียกน้อย ถ้าวันร้อนๆ มาเล่นก็จะสดชื่อดีค่ะ, อีกเครื่องที่นัทชอบเป็นการส่วนตัวคือ Soarin’ Around the World เป็นเครื่องเล่น stimulator ที่พาเราร่อนไปตามสถานที่ดังๆ ต่างๆ ในโลก เป็นเครื่องเล่นที่ผ่อนคลายมากๆ ค่ะ จริงๆ ไม่ได้มีอะไรมาก เหมือนเป็นจอทีวี แล้วก็เหมือนเราบินได้ แต่ความรู้สึกมันดีมากเลย ถ้ารอเกิน 45 นาทีอาจจะรู้สึกไม่ค่อยคุ้มค่ะ

ซื้อตั๋วดิสนีย์แลนด์ราคาประหยัด > คลิ๊กเลย!!


เครื่องเล่นที่ชอบที่สุดใน Disneyland Park & Disney California Adventure

1. Star Wars: Rise of the Resistance – แน่นอน เครื่องเล่นใหม่ที่ experience ดีตั้งแต่ต้นจนจบ ตั้งแต่รอคิว ออกแบบมาได้ดีอันดับต้นๆ เลยค่ะ
2. Radiator Springs Racers – เครื่องเล่นกึ่งรถไฟเหาะที่น่ารักและอลังการมากๆ
3. Guardians of the Galaxy – Mission: Breakout! – เครื่องเล่นแนว drop ที่ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าชอบมากๆ
4. Incredicoaster – รถไฟเหาะที่กรี้ดที่สุดในดิสนีย์แลนด์ และมีแค่ที่สาขานี้ด้วยค่ะ
5. Web Slingers: A Spider-Man Adventure – เครื่องเล่นธีมสไปเดอร์ใหม่ล่าสุด ที่ให้เรายิงใยออกจากมือแข่งกันได้เลย
6. Indiana Jones : Temples of Forbidden Eye – เป็นรถไฟเหาะอินเดียน่า โจนส์ เวอร์ชั่นที่สนุกมากค่ะ
7. Matterhorn Bobsleds – รถไฟเหาะบนยอดเขา Matterhornที่มีแค่สาขานี้เท่านั้น
8. Millennium Falcon: Smuggler’s Run – ขับยานใน Star Wars ที่ให้ทุกคนแบ่งหน้าที่ และมีส่วนร่วมช่วยกันขับค่ถ
9. Soaring Around The World – เครื่องเล่นชิลล์ๆ ที่พาเราลอยไปสถานที่ต่างๆ ในโลก เอนจอยบรรยากาศดีๆ ภาพสวยๆ
10. Finding Nemo Submarine Voyage – ลงเรือดำน้ำไปเจอกับนีโม่และผองเพื่อน มีแค่สาขานี้เท่านั้นค่ะ


หวังว่าข้อมูลทั้งหมดจะเป็นประโยชน์ และ ขอให้ทุกคนมีความสุขกับการเที่ยวดิสนีย์แลนด์นะคะ Have a Magical Day!!

ซื้อตั๋ว Disneyland Park ราคาประหยัด – คลิ๊กที่นี่

สำหรับใครที่หาตั๋วเครื่องบินราคาถูกอยู่ก็ไปเทียบราคาได้ที่ Skyscanner.com นะคะ คลิ๊กที่นี่ได้เลย!!!

หากชอบรีวิว อย่าลืมกดไลค์เพจ และ ติดตามไอจี @eatchillwander ด้วยนะคะ ขอบคุณมากๆ ค่า

 




ติดตาม Eat Chill Wander ได้ที่
Facebook : Eat Chill Wander
Instagram : @eatchillwander
Twitter : @eatchillwander
Youtube : Eat Chill Wander
Website : www.eatchillwander.com

error: