เที่ยวไร่ไวน์ GranMonte เขาใหญ่ เรียนรู้เรื่องการทำไวน์ รู้จักกับไวน์ไทย ที่ได้รับการยอมรับระดับโลก

การดื่มไวน์นั้น ถือเป็นหนึ่งในวัฒนธรรมที่เก่าแก่และแพร่หลายเป็นสากล โดยการปลูกและการผลิตไวน์นั้น เรามักจะเคยได้ยินชื่อไวน์จากประเทศฝั่งยุโรปไม่ว่าจะเป็นฝรั่งเศสหรืออิตาลีที่เรียกกันว่า ไวน์โลกเก่า (Old World Wines) หรือจากทางออสเตรเลีย ชิลี ที่เรียกกันว่าไวน์โลกใหม่ (New World Wines) และจากการศึกษา การทดลอง รวมถึงความพยายามของครอบครัวโลหิตนาวีที่ตั้งใจอยากทำไวน์จากไร่ที่เขาใหญ่ ก็ทำให้ประเทศไทย เข้าไปอยู่ในแผนที่ไวน์โลก ในส่วนที่เรียกกันว่า “New Latitude Wines” นั่นเองค่ะ
เรากำลังพูดถึง กรานมอนเต้ (GranMonte Vineyard & Winery) ที่เราเชื่อว่าใครผ่านไปเที่ยวเขาใหญ่ ก็คงต้องเคยแวะเที่ยวชมไร่ไวน์ หรือ ทานอาหารในร้านบรรยากาศอบอุ่นอย่าง VinCotto แน่ๆ และถ้าหากใครไม่เคยมา เราก็อยากแนะนำให้มาลองสัมผัสความตั้งใจในการทำไวน์ของครอบครัวนี้ซักครั้ง — และวันนี้ เรามีโอกาสไปคุยกับคุณนิกกี้ – วิสุตา โลหิตนาวี ไวน์เมกเกอร์ ผู้ดูแลทุกขั้นตอนตั้งแต่การปลูกองุ่นไปจนถึงเป็นไวน์ในขวดให้เราได้ทาน และ คุณมีมี่ – สุวิสุทธิ์ โลหิตนาวี น้องสาวผู้ดูแลด้านมาร์เก็ตติ้งที่เป็นเบื้องหลังในการผลักดันให้ไวน์ไทยเป็นที่รู้จักในระดับโลก
ก่อนอื่นต้องอธิบายกว้างๆ ว่า ในโลกการผลิตไวน์นั้น มันมีรายละเอียดและความแตกต่างในแต่ละผู้ผลิตในหลายแง่มุม นั่นทำให้ไวน์ที่เราเห็นในตลาดมีหลายแบบ หลายราคา ไม่ว่าจะเป็นไวน์จากผู้ผลิตอุตสาหกรรมใหญ่ที่อาจจะไม่ได้ปลูกองุ่นเอง แต่รับองุ่นมาจากหลายที่ ไปจนถึงปริมาณในการผลิต ดีเทลในการดูแลต้นองุ่น เช่นการตัดแต่ง การเก็บเกี่ยวโดยใช้มือ เวลาในการเก็บเกี่ยว พื้นที่หรือดินที่ปลูก ฯลฯ ทุกอย่างมีผลต่อทั้งตัวไวน์ในขวดและราคาที่จำหน่ายค่ะ แม้แต่ในฝั่งไวน์โลกเก่า ก็มีความแตกต่างค่ะ
แล้วไวน์ GranMonte เป็นยังไง?
ไวน์ของกรานมอนเต้นั้น เรียกได้ว่ามีความหลากหลายและความสนุกในการชิม เพราะมีทั้งการทดลองหลายปลูกหลากหลายสายพันธุ์ การค้นหาเอกลักษณ์พิเศษ ที่นี่เป็นธุรกิจครอบครัว ไม่ใช่อุตสาหกรรมของเจ้าสัวรายใหญ่ จึงทำให้คุณนิกกี้ คุณมีมี่ สามารถกำหนดทิศทางและดูแลได้ทุกขั้นตอนด้วยตัวเอง
ไร่ไวน์กรานมอนเต้ ตั้งอยู่บนที่ดินผืนงามกว่า 100 ไร่ ที่คุณพ่อวิสุทธิ์ได้ซื้อไว้เมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน พื้นที่ตรงนี้มีความพิเศษคือมี Micro Climate ที่เหมาะสมแก่การปลูกองุ่นทำไวน์ กล่าวคือ มีอุณหภูมิที่เย็นกว่าบริเวณโดยรอบในช่วงฤดูหนาว ไม่ร้อนเกินไปในฤดูร้อน มีชั้นดินและความลาดชันของพื้นดินที่เหมาะสมต่อการปลูกองุ่นให้ได้คุณภาพที่ดี ทำให้ไวน์ของกรานมอนเต้นั้น มีความเป็น Cool Climate Wine เป็นไวน์ที่ให้ลักษณะรสชาติเหมือนไวน์เขตพื้นที่เย็น มากกว่าเป็นไวน์ที่ทำจากเขตพื้นที่ร้อน เพราะตอนที่องุ่นสุกในหน้าหนาวที่นั้น อุณหภูมิจะเย็นกว่าช่วงที่องุ่นสุกในหน้าร้อนที่ยุโรป (หากใครเคยไปยุโรปหน้าร้อนจะรู้ว่ามันร้อนไหม้มากๆ เลยค่ะ) — อ้อ อีกเกร็ดเล็กเกร็ดน้อย คำว่า GranMonte มาจากคำว่า Big Mountain และแปลตรงตัวว่า เขาใหญ่ นั่นเองค่ะ
คุณนิกกี้ที่เป็น Winemaker นั้น ต้องเข้าใจทั้งการเกษตร การตัด ชำ เข้าใจน้ำดินอากาศ ไปจนถึงขั้นตอนการเพรสน้ำองุ่น การบ่ม ทั้งในถังโอ้ค ถังสแตนเลส ดูเรื่องยีสท์ และรายละเอียดมากมาย นี่ยังไม่รวมการวิจัยและพัฒนาว่าสายพันธุ์ไหนเหมาะกับที่ดินผืนนี้ เพราะในโลกของเรา มีพันธุ์องุ่นทำไวน์หลักหลายพันชนิด คุณนิกกี้ยังบอกด้วยว่า ทุกอันที่คนส่วนใหญ่เคยได้ยินชื่อ เค้าลองปลูกมาหมดแล้ว
ความหลากหลายของไวน์ GranMonte
กรานมอนเต้ ได้ทำไวน์ไว้หลายรุ่นด้วยกัน แบ่งได้หลักๆ เป็น Sparkling Wine ที่เรียกว่า Cremant ซึ่งเป็นการทำแบบ Traditional Method เป็นการทำให้เกิด Secondary Fermentation หรือการหมักภายในขวด ซึ่งเป็นบ่อเกิดของฟองแก๊สอันเนียนละเอียด อันเป็นเอกลักษณ์ของไวน์มีฟองชั้นดี วิธีทำแบบนี้ คนทั่วไปมักจะรู้จักแชมเปญจ์ค่ะ (ซึ่งแชมเปญจ์ต้องผลิตในแคว้นแชมเปญจ์ของฝรั่งเศส ไวน์มีฟองนอกภูมิภาคนี้ต้องเรียก Cremant)
ในส่วนของไวน์ขาวนั้น เรียกได้ว่าเป็นไวน์ที่น่าสนใจมาก ๆ ของไร่ เพราะมีพันธุ์องุ่นหายากหลายพันธุ์ที่น่าจะมีแค่ที่กรานมอนเต้ที่เดียวที่ปลูกในไทย เช่นองุ่น Verdelho , Durif , Semillon เป็นต้น ส่วนไวน์แดงนั้น ส่วนใหญ่จะเป็นองุ่น Syrah และมีบางส่วนเป็น Cabernet Savignon คุณภาพดี โดยองุ่นต้นที่อายุเยอะจะถูกนำมาทำไวน์เลเบลพิเศษของไร่ ที่ให้ความเข้มข้น หนักแน่นเป็นพิเศษ ส่วนต้นองุ่นที่อายุน้อยจะถูกนำมาทำไวน์ที่เน้นความสดชื่น ดื่มง่าย ในส่วนของถังโอ๊คที่ใช้บ่มไวน์นั้น ทางไร่ก็คัดสรรมาอย่างดีจากฝรั่งเศส และใช้จุกคอร์กคุณภาพสูง เรียกได้ว่าไม่หวงของกันเลยทีเดียว
ทำไมเป็นไวน์ไทยแล้ว ราคาพอๆ กับไวน์ต่างชาติ?
อย่างที่กล่าวไปแล้วว่า อุตสาหกรรมไวน์ทั่วโลก มีปัจจัยที่ทำให้ราคาแตกต่างกันหลายอย่าง แค่เรื่องการดูแลองุ่น การเก็บองุ่น การนำน้ำองุ่นมาบ่ม ฯลฯ
สำหรับที่กรานมอนเต้นั้น มีการดูแลตัดแต่งองุ่น เก็บปีละหนึ่งครั้งด้วยมือ เก็บตอนกลางคืนเพราะเป็นช่วงที่อากาศเย็น ตอนนำไปบ่มก็เกิดขึ้นในโรง Winery ที่เราได้เข้าไปชม อย่างตัวสปาร์กลิ่ง (Cremant) ก็ทำด้วย Traditional Method ที่ต้องหมุนด้วยมือทีละขวด เหมือนแชมเปญจ์ และบ่มต่ออีก 18 เดือน ก่อนที่จะจำหน่าย ซึ่งก็ทำให้แตกต่างจากไวน์มีฟองที่หมัก Secondary Fermentation ในถังสแตนเลสซึ่งไม่ต้องบ่มต่อ 18 เดือน แต่นำออกมาบรรจุขวดขายได้ทันทีทำให้ราคาต่างกัน เป็นต้น
ไวน์ของที่นี่ ยังมั่นใจได้ว่า ทำจากองุ่นทำไวน์ที่ปลูกที่เขาใหญ่ 100% ด้วยค่ะ
นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยอื่น เช่นอุปกรณ์ภายในไวน์เนอรี่ เครื่องจักรต่างๆ ต้องนำเข้าและเป็นมือหนึ่งทั้งหมด ใช้ถังไม้โอ๊คนำเข้าจากฝรั่งเศสและออสเตรเลีย (ต้องนึกภาพตามว่า บางอุตสาหกรรมใหญ่ๆ คือหมักในถังสแตนเลสอันใหญ่ๆ แล้วใส่โอ๊คชิ้นๆ ลงไปให้มีกลิ่น แต่ไม่ได้หมักในถังโอ๊คก็มีนะคะ)
และอีกปัจจัยสำคัญคือ ไม่ว่าจะเป็นไวน์นำเข้า หรือ ไวน์ที่ทำจากองุ่นทำไวน์ที่ปลูกในไทย ก็ต้องใช้อัตราภาษีสรรพสามิตรเท่ากันทั้งหมดค่ะ
จากการเยี่ยมชม เราได้เห็นถึงใจรัก และความพยายามของไร่ไวน์ Granmonte ที่ต้องการที่จะพัฒนาไวน์ให้มีคุณภาพดียิ่งขึ้นเรื่อยๆ ทุกวันนี้ เป็นที่ยอมรับในระดับสากล เราได้ชิมไวน์จากในถังบ่มหลายตัว ที่เราคิดว่าเป็นไวน์ที่ดีมากจนต้องตั้งตารอที่จะได้ชิมไวน์กรานมอนเต้ ปี 2023 ในอนาคตอันใกล้
หากใครสนใจเรื่องการผลิตไวน์ อย่าลืมแวะมาเที่ยวที่ไร่กรานมอนเต้ เขาใหญ่ เพราะได้ความรู้ไม่แพ้การเยี่ยมชมไร่ไวน์ที่ไหนในโลกเลยค่ะ มีทัวร์ทุกวัน โดยสามารถเช็คตารางได้ที่ http://www.granmonte.com/tour.html
GranMonte Vineyard & Winery (ไร่องุ่นและไวน์เนอรี่ กรานมอนเต้)
ตั้งอยู่บริเวณหุบเขาอโศก ใกล้อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ อ. ปากช่อง จ. นครราชสีมา
ค่าทัวร์สำหรับผู้ใหญ่ 450.- ต่อท่าน รวมการชิมไวน์พร้อมชีส
มีที่พักและร้านอาหารให้บริการ โดยสามารถอ่านรีวิวที่พัก GranMonte Wine Cottage ฉบับเต็มได้ คลิ๊กที่นี่
โทร. 092-806-7755
ติดตาม Eat Chill Wander ได้ที่
Facebook : Eat Chill Wander
Instagram : @eatchillwander
Twitter : @eatchillwander
Youtube : Eat Chill Wander
Website : www.eatchillwander.com