[รีวิว] Homura Wagyu Omakase โอมากาเสะเนื้อขั้นเทพ ที่สายเนื้อไม่ควรพลาด

ประสบการณ์การทานเนื้อที่ดีที่สุดหลายๆ ครั้งของเรา มักจะเกิดขึ้น เมื่อไปร้านที่ใช้เนื้อที่ไม่ผ่านกระบวนการแช่แข็ง มีเชฟมาย่างหรือทำหม้อร้อน ด้วยอุณหภูมิและจังหวะที่ถูกต้องทีละชิ้น ซึ่งประสบการณ์แบบนี้ ค่อนข้างหายากในเมืองไทย เราจึงดีใจมากๆ ที่มีร้าน Homura Wagyu Omakase ร้านโอกามาเสะเนื้อ ที่สั่งเนื้อวากิวสดๆ ยกตัว และ เลือกแต่ละส่วนมาทำเป็นเมนูที่เหมาะสมที่สุดสำหรับเนื้อส่วนนั้น พร้อมการดูแลจากเชฟอย่างใกล้ชิด ในแบบโอมากาเสะนั่นเอง

ร้าน Homura Wagyu Omakase มีการจัดร้านที่ดูคล้ายร้านซูชิโอมากาเสะทั่วไป โดยมีที่นั่งสูงสุด 12 ที่นั่งด้วยกัน แต่จะมีส่วนที่แตกต่างคือ ตรงเคาเตอร์ระหว่างสึเคบะกับลูกค้านั้น จะเป็นพื้นทรายสำหรับจุดถ่านย่างเนื้อกันอย่างครุกรุ่น และหอมหวลกันอยู่ตรงหน้าเลยทีเดียว

Spoiler Alert : Homura Wagyu Omakase เป็นประสบการณ์การทานเนื้อที่ดีเป็นอันดับต้นๆ ในเมืองไทย สำหรับเราในขณะนี้ และทำให้เราลืมร้านเนื้อย่างร้านอื่นไปเลย!

Homura Wagyu Omakase นั้นเกิดจากความรักในการรับประทาน “เนื้อวากิว” ของเจ้าของร้านอย่างแท้จริง โดยสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับร้าน “โอมากาเสะเนื้อ” นั้น จะเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้นอกจาก “เนื้อ” โดยร้าน Homura นั้น ได้นำเข้าเนื้อวัววากิวเกรด A5 ทั้งตัว นำมาทุกส่วน มากกว่า 320 กิโลกรัม (โดยบางครั้งก็นำมาทีละครึ่งตัว) จากเมือง Yonezawa จังหวัด Yamagata ซึ่งเนื้อ โยเนซาวะ นั้นถือเป็นหนึ่งในสามแหล่งเนื้อวัวที่ดีที่สุดในญี่ปุ่น เคียงคู่กับเนื้อโกเบ และเนื้อมัตสึซากะ เลยทีเดียว

ที่สำคัญที่สุด เนื้อทุกชิ้นของร้าน Homura Wagyu Omakase นั้น เป็นเนื้อที่ไม่เคยถูกผ่านการแช่แข็ง ซึ่งร้านเนื้อเฉพาะทางที่ใช้เนื้อวากิว A5 แบบไม่แช่แข็งนั้น มีอยู่เพียงไม่กี่ร้านเท่านั้นในประเทศไทย ดูลายเนื้ออันสวยงามนั่นสิคุณ

ในส่วนของเชฟนั้น ทางร้าน Homura ได้เชฟคู่ใจนาม Yamasaki Kenichiro ซึ่งมีประสบการณ์จากร้านระดับมิชลินสตาร์ในสิงคโปร์มานำทีม ซึ่งเชฟ “ยามะ” นั้นมีประสบการณ์ในการขึ้นเนื้อ ทำเนื้อมามากกว่า 10 ปี แว่วมาว่า บ้านเกิดของเชฟนั้น ก็เลี้ยงวัวอีกด้วย เรียกได้ว่า อยู่กับเนื้อมาตั้งแต่เกิดจนโตเลยทีเดียว

ในส่วนของเมนูนั้น ร้าน Homura มีให้เลือก 2 ระดับราคาด้วยกันคือ 4,500++  และ 6,500++ ต่างกันที่คอร์สใหญ่นั้น จะเพิ่มอาหารเข้ามาอีกประมาณ 3 เมนู และมีบางเมนูที่ใช้วัตถุดิบที่ต่างจากคอร์สปกติ โดยวันนี้เราจะมาลองคอร์สปกติ 4,500++ กัน

เริ่มต้นด้วยคอร์สเรียกน้ำย่อย ซึ่งก็คือ แฮม (!) ที่ทำมาจากเนื้อต้นขาของวัวนั่นเอง โดยทางร้านใช้เวลาตากเนื้อไว้ถึง 3 เดือนเลยทีเดียว เพื่อให้ได้รสชาติที่ดี

เสริฟมาสองชิ้น โดยชิ้นแรกทานเปล่าๆเพื่อให้ได้รับรู้รสแท้จริงของเนื้อ และชิ้นที่สองทานกับเมล่อนหวานฉ่ำและน้ำมันมะกอก อร่อยเข้ากันมากๆ

สักพักเชฟก็ได้นำเตาพร้อมถ่านขาว บินโจตัน มาจุด เพื่อเตรียมทำอาหารคอร์สต่อไป

การนำเนื้อไปย่างแนบกับถ่านโดยตรงจะทำให้ได้กลิ่นหอมถ่านที่ชันเจน แต่ต้องใช้ถ่านคุณภาพดีมากๆเท่านั้น ไม่อย่างนั้นจะมีขี้เถ้าติดจำนวนมาก

คอร์สที่สอง เป็น Smoked Roasted Beef โดยใช้เนื้อส่วน Sankokubara (Chuck Rib) นำเนื้อไปอบถึง 5 ชั่วโมง นามาย่างถ่านเมื่อซักครู่ และรมควันด้วยเปลือกไม้ซากุระอีกครั้งในถาดที่เสริฟ ทานคู่กับ ผักเกล็ดน้ำแข็ง หรือ Iceplant จากเชียงใหม่ ที่มีความกรุบกรอบ เค้ากันได้ดีมากๆกับเนื้อนุ่มๆหอมๆ

คอร์สที่สาม เนื้อ Chuck Rib และปลาเนื้อขาว นำมาหมักกับสาหร่ายคอมบุ 5 ชั่วโมง ราดด้วย ดาชิเจลลี่ที่ทำจากน้ำส้มสายชูหมัก และ Oscietra Caviar จุดเด่นของคอร์สนี้คือความอูมามิที่อัดแน่นจากทุกส่วนประกอบในจาน ฟินมาก

ผ่านด่านเนื้อแห้ง เนื้อดิบ เนื้ออบ กันมาแล้ว มาต่อกันด้วยเนื้อจุ่ม ชาบูชาบู กับเนื้อ Sirloin ลายเทพ

โบกในน้ำซุปเบาๆ 2-3 โบก ให้ได้ความสุกระดับ Rare และอบต่อในถ้วยที่นำมาเสริฟ จะได้ความสุกระดับ Medium Rare พอดิบพอดี

เนื้อนุ่ม เคี้ยวแล้วแทบสลายไปในปาก ในส่วนของน้ำซุปกระดูกหมู ก็ทำได้ค่อนข้างดี ไม่เลี่ยน ทานแล้วโล่งคอเป็นอย่างยิ่ง

ต่อด้วยคอร์สสุกี้ยากี้เนื้อ สไตล์คันไซ ที่ดึงความหอมหวานของเนื้อ Sirloin ออกมาได้อย่างสุดขีด หน้าตาดูธรรมดา แต่รสชาติสุดมากๆ แทบละลายในปาก เป็นรสเนื้อหอมฟุ้ง

พักยกกันสักนิด เชฟเอาของสวยงามๆ มาให้ชม … Summer Black Trufle ชิ้นโต จากอิตาลี

มาถึงหนึ่งในไฮไลท์ของมื้อ นั่นก็คือ ข้าวด้ง Chiraishi ที่จัดเต็มใส่มาทั้ง เนื้อ A5, Ogawa Bafun Uni, Ankimo, Amaebi, Truffle

เรียกได้ว่ารวมของอร่อยทุกสิ่งอย่างไว้ในชามเดียวกัน แต่ที่สุดของความดีงามต้องยกให้ ตับปลาอังกิโมะของร้าน Homura ทำได้ดีมากๆ ชิ้นโต หวานเนียน เข้มข้น สุดประทับใจ นี่น่าจะเป็นอังกิโมะชิ้นที่ใหญ่ที่สุดอันดับต้นๆ ในร้านโอมากาเสะแล้วครับ

เชฟถือหินขึ้นมา เชฟกำลังทำอะไรอยู่ครับ? อ้อ … “หุงข้าว” เห็นหม้อหุงข้าวแล้ว ความคาดหวังมันสูงมากเลยแหละ ต้องรอชม

เพิ่มความอบอุ่นให้ร่างกายกันสักนิดด้วยไข่ตุ๋น ที่ใช้น้ำซุปเนื้อเป็นดาชิ เนื้อไข่ตุ๋นเนียนนุ่ม ท้อปด้วยเนื้อตุ๋นรสเด็ด สบายท้องมากๆ ในตัวไข่ตุ๋นเองก็เป็นรสเนื้อตุ๋นเลยครับ

ล้างปากก่อนเข้าโค้งสุดท้ายด้วยมะเขือเทศดองน้ำส้มสายชู หวานเปรี้ยว ชื่นใจ

มาถึงช่วงหลักช่วงสุดท้ายของมื้อกันแล้ว ด้วย Yakiniku หรือเนื้อย่างนั่นเอง ย่างด้วยถ่าน Oga เพื่อให้ได้อุณหภูมิที่สูงมากๆ เหมาะสมสำหรับการย่างเนื้อ

เครื่องจิ้มมีให้ถึง 5 ชนิดด้วยกัน แต่เราคิดว่า เกลือ และวาซาบิ น่าจะเป็นอะไรที่เข้าท่าที่สุดในการลิ้มลองรสชาติเนื้อส่วนต่างๆ

ย่างกันสดๆ โดยเชฟยอดฝีมือ ไม่มีคำว่า ย่างเกิน ย่างไหม้  Perfect ทุกคำ ไม่มีคำว่าเสียดายเนื้อ บอกเลย

วนตามเข็มนาฬิกา มีเนื้อทั้งหมด 4 ชิ้น ให้เราได้ลองทาน ได้แก่ Misuji, Gyutan , Tomosankaku, Kainomi

จบคอร์สของคาวด้วย ข้าวแกงกะหรี่ black charcoal ที่ดูแสนจะธรรมดา แต่รสชาติสุดแสนล้ำลึก

นี่คือ ข้าวแกงกะหรี่ที่อร่อยที่สุดที่กินมาในไทย โดดเด่นด้วยข้าวโคชิฮิคาริชั้นดี ที่หุงมาอย่างเยี่ยมยอด และแกงกะหรี่ที่หอมกลิ่นเครื่องเทศซับซ้อน ที่สำคัญเคี่ยวมาจากเนื้อ Yonezawa A5 ก็ไม่น่าแปลกใจที่จะเป็นจานที่เราประทับใจที่สุดในค่ำคืนนี้ ที่สำคัญ ถ้ายังไม่อิ่ม “เติมได้จ้าาาา”

ปิดท้ายมื้ออาหารด้วยของหวานเป็น น้ำแข็งใส ครีมมัทฉะ เย็นๆชื่นใจ แก้เลี่ยนดีครับ อาจจะธรรมดาไปสักนิด เมื่อเทียบกับของคาวที่เลเวลสูงมากกกกกที่ผ่านมาก่อนหน้าทั้งหมด นี่น่าจะเป็นจุดอ่อนเดียวของอาหารมื้อนี้ แต่เชื่อว่าทางร้านจะปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้นไปกว่านี้ได้ไม่ยาก

ในส่วนของเครื่องดื่ม ทางร้านมีบริการ Sake Pairing (1,700++ / 2,200++) และ Wine Pairing (1,800++)

โดยสำหรับ คอร์ส 4,500++ สาเกแพริ่ง จะเป็นราคา 1,700++ โดยมีให้ดื่มทั้งหมด 4 ตัวด้วยกัน

  1. Manatsuru SOW Junmai Ginjo  – เป็นสาเก Junmai สไตล์หอมๆ ฟรุตตี้ ดื่มง่าย เข้ากันกับแฮมคอร์สแรกมากๆ
  2. Chiyomusubi Goriki – เป็นสาเกที่หนักและดรายมากๆ เข้ากับอาหารได้ดี แต่กลิ่นแอลกอฮอล์อาจจะแรงไปสักนิดสำหรับบางคน
  3. Kinmon Akita X3 – เป็นสาเกที่หมักด้วยโคจิถึงสามครั้ง ทำให้ได้ความสดชื่น และกลมกล่อม ในขณะเดียวกัน
  4. Kozaemon Bizen Omachi – เป็นสาเกที่หวาน ฟรุตตี้ แต่พริ้วไหว และมีแอซิดที่พอเหมาะ เข้ากับอาหารได้ง่าย


ร้าน Homura Wagyu Omakase

ตั้งอยู่เลขที่ 5/7 ถนน เย็นอากาศ สามารถจอดรถหน้าร้านและในซอยประสาทสุข ได้

สำรองที่นั่งล่วงหน้า
โทร : 099-532-3264
LINE : @homurawagyu.bkk (https://lin.ee/qZgzDoN)
Facebook : https://www.facebook.com/homurawagyu.bkk/

error: