[รีวิว] Eat Me ร้านอาหารแสนคลาสสิกในซอยคอนแวนต์ กับ Cocktail แสนโดดเด่น
กว่า 20 ปีแล้วที่ร้านอาหารเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ในซอยพิพัฒน์ 2 ถนนคอนแวนต์อย่าง Eat Me ได้กลายเป็นหนึ่งในร้านอาหารชั้นนำที่ชาวต่าวชาติและคนกรุงเทพ ได้เข้ามาแวะเวียนกันอย่างอุ่นหนาฝาคั่ง
ร้าน Eat Me นำเสนออาหารนานาชาติซึ่งปรุงด้วยวัตถุดิบชั้นเลิศ แต่คงความเรียบง่ายเอาไว้ โดยเมนูนั้นจะถูกแบ่งออกเป็น สามโซนได้แก่ ปลา ผัก และ เนื้อสัตว์ ไว้ให้เราได้เลือกทาน เมนูที่เชฟ Tim Butler สร้างสรรค์ขึ้นนั้น มักจะมีพื้นฐานเป็นอาหารฝรั่ง แต่มีวัตถุดิบและรสชาติของเอเชียมาสอดแทรก ทำให้ถูกปากเราได้อย่างง่ายดาย
ที่นี่มีหลายรางวัลการันตี ทั้งในส่วนของอาหารและส่วนของบาร์ อย่างรางวัล Michelin Plate ที่ได้รับมาตั้งแต่มิชลินไกด์เปิดตัวในไทย และ เป็นหนึ่งในร้านอาหารที่ดีที่สุดในเอเชีย จากลิสท์ Asia’s 50 Best Restaurants ตั้งแต่ปี 2556-2560
นอกจากอาหารแล้ว บาร์เครื่องดื่มของที่นี่ยังโดดเด่นมากๆ มีค็อกเทลขึ้นชื่อ ที่เรากับเพื่อนๆ ติดใจอยู่หลายตัว อาทิเช่น คอกเทลต่างๆ ในหมวด Sip Some Thai ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากอาหารไทยจานเด็ด หรือจะเป็น Signature Cocktail ในหมวด Eat Me Creation ก็อร่อยไม่แพ้กัน
เมื่อเข้ามาในร้าน ในส่วนของด้านนอกนั้น เหมาะสำหรับนั่งชิล และดื่มเครื่องดื่มเย็นๆสักแก้ว ก่อนที่จะขึ้นไปรับประทานอาหารด้านบน บรรยากาศในหน้าหนาวคงจะดีไม่ใช่น้อย
ชั้นล่าง เราจะเจอบาร์ ที่เรียงรายไปด้วยแอลกอฮอล์นานาชนิด ที่บาร์เทนเดอร์ผีมือดีจะรังสรรค์เป็นเมนูต่างๆมาให้เราได้ชิมกัน
ในส่วนของชั้นสอง จะเป็นโซนห้องอาหาร มีที่นั่งทั้ง In Door และ Out Door ถึงแม้ว่าโต๊ะที่นั่งจะค่อนข้างเล็กไปสักนิด แต่ก็ให้ความรู้สึกที่ cozy ในหมู่คณะ และไม่รู้สึกโดนโต๊ะข้างๆรบกวนเท่าไหร่ คิดว่าทางร้าน อยากให้เรารู้สึกสบายๆ บรรยากาศกันเอง
Starters
เมื่อเข้ามาถึง ทางร้านก็ได้เสริฟขนมปัง Complimentary มาเรียกน้ำย่อยกันก่อน ตัวขนมปังถือว่าทำได้ค่อนข้างดี กรอบนุ่ม มี Olive Oil คุณภาพดีไว้ให้จิ้มคู่กับถั่วบด ซึ่งเข้ากันดีมาก
หลักจากทานขนมปังกันไปสักครู่ อาหารก็ทยอยมาเสริฟ
เราเริ่มมื้ออาหารด้วย Starters 4 อย่างดังต่อไปนี้ค่ะ
Grilled Abalone + Plankton Rice – Caper + Butter + Lemon (950 Baht)
จานนี้ Presentation สวยงาม เป็นหอยเป๋าฮื้อที่หั่นมาบนข้าวริซอตโต้ที่หุงด้วย Plankton สีเขียว เสริฟมาบนเปลือกหอยเป๋าฮื้อ รสชาติกลมกล่อมดี และตัวหอยทำออกมาได้นุ่ม ไม่เหนียว แต่อาจจะรสอ่อนไปสักนิดเมื่อเทียบกับข้าวด้านล่าง
Mixed Clams – Nam Sausage + Coriander Lime Broth (750 Baht)
นี่เป็นจานที่เราชอบมากๆ ซุปใสหอยนานาชนิด ที่รสชาติสว่าง และกลมกล่อมมากๆ หอยนั้นสด และคุณภาพดีมาก หวานเด้ง ส่วนตัวแหนมที่ใส่มาก็ได้เพิ่ม Acidity และ Complexity ของจานนี้ขึ้นไปอย่างน่าประทับใจ
Spicy Wagyu Tartare “LAAB” – Red Onion + Chilli + Coriander (890 Baht)
เรียกว่าเป็น Beef Tartare ที่ไม่ได้เป็นแค่ Tartare ทั่วไป แต่เป็น Tartare ที่ใส่เครื่องปรุงของลาบมาเสริมรส เข้ากันได้อย่างน่าประหลาด (ส่วนตัวเราชอบทาน Beef Tartare มาก) รสชาติจัดจ้านในระดับหนึ่ง ไม่ร้อนแรงเกินไป เนื้อวากิวคุณภาพดี มีความนุ่มและมัน ทานคู่กับขนมปังกรอบ
Sea Urchin Bruschetta – Tomato Salsa + Serrano Ham + Seaweed (1,500 Baht)
อูนิเกรดพรีเมี่ยมแบบในร้าน Omakase วางมาบนขนมปังอบกรอบ เสริฟมาคู่กับ Tomato Salsa แต่งด้านบนด้วย Jamon Serrano อบกรอบ และสาหร่ายแผ่น
ตัวหอยเม่นหวานอร่อยมาก แต่ไม่ได้เป็นตัวชูโรงดังที่คาดหวัง เพราะเมื่อทานคู่กับเครื่องเคียงอื่นๆและขนมปังแล้ว ทำให้รสชาติโดนกลบไปเยอะ ออกจะน่าเสียดายไปสักนิดค่ะ
Main Courses
Grilled Iberico Pork Pluma – Chimichurri + Leek + Hazelnuts (1,250 Baht)
เนื้อหมูส่วน Pluma จานนี้ทำออกมาได้ดีมากๆ โดยปกติเราจะไม่ทานหมูที่ไม่สุก แต่ Iberico นั้นเป็นข้อยกเว้น เพราะเรามั่นใจว่าปลอดภัย
เนื้อหมูดำ Iberico สุกระดับ Medium Rare ด้วยความเป็น Pluma และ เป็น Iberico ความนุ่มฟินนั้นคือระดับสูงสุด Seasoning กลมกล่อม และซอส Chimichurri สีเขียวนั้นก็รสชาติดีมากๆ จานนี้ประทับใจค่ะ
Carabineros Risotto – Saffron + Clams + Chorizo + Capsicum (1,790 Baht)
นี่คือ Highlight ของมื้อนี้ก็ว่าได้ เราไม่เคยเจอ Carabineros ตัวใหญ่ขนาดนี้ในประเทศไทยมาก่อนเลย ไม่ว่าจะที่ร้านหรูขนาดไหนก็ตาม แค่กุ้ง Carabineros ตัวนี้ ก็ถือว่าคุ้มแล้วค่ะ (ตัวใหญ่กว่านี้เคยเจอแค่ที่ในร้านอาหาร มิชลิน 3 ดาวแห่งหนึ่งในปารีสค่ะ)
ข้าว Risotto ทำออกมาได้สุกพอดี ได้กลิ่น Saffron ชัดเจน หอย และ Chorizo ก็ทำหน้าที่ได้อย่างดีเยี่ยมในอาหารจานนี้ บดหัวกุ้งที่เผามาอย่างหอมหวนเพื่อให้มันกุ้งที่อัดแน่นอยู่ข้างใน มาคลุกกับข้าว ทานแล้วฟินมากๆค่ะ
Red Curry Oxtail + Bone Marrow – Kaffir Lime + Basil + Coriander (1,050 Baht)
หางวัวตุ๋นซอสแกงแดง ใส่มาใน Bone Marrow ย่าง จานนี้เนื้อนุ่มมาก และได้ความมันจาก Bone Marrow มาเพิ่มอีกด้วย ตัวซอสนั้นเข้มข้น แต่อาจจะปรุงมาออกหวานไปสักนิดสำหรับเราค่ะ
Desserts
Sticky Date Pudding – Hot Butterscotch Sauce + Vanilla Ice Cream (390 Baht)
พุดดิ้งอินทผลัม เนื้อแน่นเหนียว รสชาติดี ไม่หวานจนเกินไป ทานคู่กับซอส Butterscotch และไอศกรีมวานิลา แล้วเข้ากันมากๆ แต่ส่วนตัวคิดว่า Portion ของพุดดิ้งอาจจะเยอะไปเมื่อเทียบกับไอศกรีม ด้วยความที่พุดดิ้งนั้นนื้อค่อนข้างแน่น ทำให้ทานไอศกรีมหมดก่อนค่ะ
Pavlova – Passion Fruit + Banana + Whipped Cream (380 Baht)
ตัวเปลือกเมอแรงก์ ไม่หนา หรือแข็งจนเกินไป ทานคู่กับวิปปิ้งครีม และ กล้วยก็เข้ากันตามสูตร และได้ความเปรี้ยวของ Passion Fruit มาตัดเลี่ยน ถือว่าทำออกมาได้ดีตามมาตรฐานค่ะ
Cocktails
เซคชั่นของเครื่องดื่มเราต้องยกให้ Mixologist ของร้าน คุณ ป๊อป บุญธเนศ ดิเรกฤทธิกุล เจ้าของรางวัล Bartender of the Year 2018 จากงาน Bar Awards Bangkok นั่นเป็นเหตุผลที่ค็อกเทลที่นี่ ไม่ใช่เพียงเครื่องดื่มทั่วไปที่ทานกับอาหาร แต่มันโดดเด่นด้วยตัวของมันเอง และเราไม่แปลกใจในรางวัลที่ได้เลย
เริ่มด้วย Lost & Found – Caorunn, Thyme & Apple Shrub, Bitter, Fevertree Soda (420 Baht)
เป็น Gin & Tonic ที่อร่อยมากๆ ใช้ Gin ยี่ห้อ Caorunn จาก Scotland เพิ่มความ Complex ด้วย Apple Shrub และใบ Thyme ส่วนน้ำโซดาใช้ยี่ห้อ Fevertree ซึ่งเป็นที่นิยมและรสชาติดีกว่า Tonic ทั่วไป กลิ่นไทม์เผาจะลอยๆ ขึ้นมาเฉพาะเวลายกแก้วดื่ม บาลานซ์ดีมาก
Laab-Moo – Ketel One, Mint, Shallot, Cilantro, Roasted Rice, Serrano Ham, Lime (390)
เราจะไม่พูดอะไรมากกว่ามันคือค๊อกเทลรสลาบ แต่อย่าตกใจไป เอาเป็นว่า มาทุกครั้ง สั่งทุกครั้ง อยากให้มาลองเอง
Featherweight – Cointreau, Botanist, Homemade Yuzu, Dill, Egg White (420 Baht)
อีกหนึ่งคอกเทลชั้นเลิศที่เราสามารถทานเพิ่มได้เรื่อยๆ ความหวานของ Cointreau ถูกยกระดับด้วยความหอม ซับซ้อนของ Botanist gin และ สร้างสมดุลของความเปรี้ยวหวานด้วย Yuzu และสุดท้ายเพิ่มความละมุนด้วยโฟมไข่ขาว นี่เป็นคอกเทลที่ถูกคิดมาอย่างดี และคู่ควรกับรางวัลชนะเลิศการประกวดของ Remu & Contreau Thailand 2017
สุดท้าย เราพักแอลกอฮอลล์มาสั่ง Mocktail กันบ้างค่ะ เป็น Sparkling เบสเสาวรส สดชื่นดีมาก
หากใครกำลังหาที่ทานอาหารวัตถุดิบดีๆ โปรไฟล์รสชาติหลากหลาย หาที่แฮงค์เอาท์บรรยากาศดีๆ กับเพื่อน หรือไปเดท ที่นี่นับว่าเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ดีมากค่ะ
ร้าน Eat Me
ตั้งอยู่ในซอย พิพัฒน์ 2 ในซอย คอนแวนต์ มีที่จอดรถเลยร้านไปนิดนึง
แนะนำให้จองโต๊ะมาก่อนนะคะ สามารถจองได้ที่
โทร. 02-238-0931 หรือ www.eatmerestaurant.com/reservations
Facebook : www.facebook.com/eatmerestaurant
Website : www.eatmerestaurant.com