เที่ยวโปรตุเกสด้วยตัวเอง Ep. 3 : Porto เมืองแห่งพอร์ตไวน์และกระเบื้องสีฟ้า เมืองที่เราหลงรักมากที่สุดในโปรตุเกส

จากความเดิมตอนที่แล้ว เราได้พาทุกคนไปเที่ยวเมืองหลวงของโปรตุเกสอย่างลิสบอนมาแล้ว ตอนนี้ ขอพาไปเที่ยวเมืองท่าทรงเสน่ห์ เมืองที่นัทชอบมากที่สุดในโปรตุเกส ถึงขั้นที่เรียกว่าเป็นหนึ่งในเมืองที่นัทชอบมากในยุโรปเลยก็ว่าได้ค่ะ ที่นี่คือเมือง Porto หรือ Oporto (ปอร์โต หรือ อ่านแบบโปรตุกีสว่า โปร์ตู) เมืองใหญ่อันดับสองของโปรตุเกส ที่ตั้งอยู่บนโค้งแม่น้ำ Duoro River มีสถานที่ทางประวัติศาสตร์มากมายจนตัวเมืองเก่า Porto ได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลกอีกด้วยค่ะ

จริงๆ นัทเคยได้ยินชื่อเมือง Porto จาก “พอร์ตไวน์” (Port Wine) ไวน์หวานชื่อดังจากโปรตุเกส และเราก็ตั้งใจว่าจะต้องมากินถึง Wine Cellar ให้ได้ซักครั้ง ซึ่งโรงเก็บไวน์ที่นี่ก็เจ๋งมากกกก ไวน์ที่ถูกบรรจุลงในถังจากไร่ ถูกส่งลงเรือล่องมาบนแม่น้ำ Duoro มาบ่มที่นี่ โรงเก็บไวน์ก็จะอยู่ติดกับแม่น้ำเลยค่ะ นอกจากนั้น ที่นี่ยังมีศิลปะบนกระเบื้องสีฟ้าสวยงามที่เรียกว่า Azulejos ตกแต่งอย่างเป็นเอกลักษณ์อยู่ในทุกมุมเมืองเลย


การเดินทางไป Porto

– Porto เป็นเมืองใหญ่อันดับสองของประเทศโปรตุเกส ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของลิสบอนเมืองหลวงประมาณ 320 กม. มีสนามบินเป็นของตัวเอง และมีไฟลท์จากหลายประเทศในยุโรปค่ะ

– หากเดินทางจาก Lisbon สามารถทำได้ทั้งขับรถและรถไฟ ซึ่งในครั้งนี้ นัทนั่งรถไฟมาจาก สถานี Lisboa-Santa Apolonia (ในลิสบอนมีสถานีรถไฟที่ขึ้นต้นด้วยชื่อ “Lisboa” อยู่ 6 สถานีค่ะ อย่างตอนที่แล้วที่พาไปเมือง Sintra อันนั้นขึ้นที่สถานี Lisboa-Rossio เป็นคนละที่กัน แต่นั่งจากไหนก็มีรถไฟใต้ดินมาถึงนะคะ หรือจะนั่ง Uber มาก็ได้) จากสถานี Lisboa – Santa Apolonia จะมีรถไฟตรงมายังสถานี Porto-Campanha แต่สถานีที่อยู่ในเมืองเก่า Porto และติดกับแหล่งท่องเที่ยวส่วนใหญ่ คือ Porto-Sao Bento ดังนั้นพอถึง Porto-Campanha นัทก็เปลี่ยนรถไฟเข้ามาที่ Porto-Sao Bento ค่ะ

– จากสถานี Lisboa-Santa Apolonia ถึง Porto-Campanha ใช้เวลาประมาณเกือบ 3 ชั่วโมงค่ะ

– ภายในเมือง Porto มีรถไฟใต้ดินค่ะ แต่ส่วนใหญ่นัทเดินและนั่ง Uber เอาค่ะ


ที่พักเมือง Porto

หากใครอ่านรีวิวนัทบ่อยๆ นัทจะไม่ค่อยชอบพื้นที่ใกล้ๆ สถานีรถไฟหลักของแทบทุกเมืองในยุโรป เพราะมันเป็นจุดสัญจรและจะมีคนท่าทางแปลกๆ ที่อาจจะทำให้เรารู้สึกไม่ปลอดภัยได้ แต่ Porto เป็นเมืองที่ถ้านัทกลับไป อาจจะเลือกพักใกล้ๆ สถานี เพราะเมืองมันเป็นเนินระดับนึง แล้วเนินแรนดอมประมาณนึงค่ะ แบบอยากชันก็ชันเลย ส่วนตัวเลยรู้สึกว่า ใกล้สถานีสะดวกสุด แต่เมืองท่องเที่ยวเกือบทุกเมืองในโลก ยังไงก็ต้องระวังเรื่องล้วงกระเป๋านะคะ

ที่พักส่วนใหญ่ใน Porto มักจะเป็นอพาร์ทเม้นท์ แต่เวลาแนะนำอพาร์ทเม้นท์ให้เพื่อนนักท่องเที่ยวชาวไทย บางท่านจะมีปัญหาเช่น การติดต่อนัดเวลาเช็คอิน หรือ มักจะไม่มีลิฟท์เพราะเป็นอาคารดั้งเดิม และ อาจจะไม่มีแอร์ค่ะ ตรงนี้ ต้องเช็คฤดูที่จะไป และความสะดวกของผู้เดินทางแต่ละท่านนะคะ

เครือโรงแรมสากล
InterContinental Porto – Palacio das Cardosas, an IHG Hotel : อยู่ตรงข้ามสถานีเลยค่ะ
Se Catedral Hotel Porto, Tapestry Collection By Hilton : ห่างจากสถานี 300 เมตร ใกล้ cathedral หลักของเมือง
Mercure Porto Centro Santa Catarina : อยู่หลังสถานีค่ะ เดิน 5-6 นาที อยู่ใกล้ถนนคนเดินหลัก

อพาร์เม้นท์รีวิวดีใกล้สถานี
GuestReady – Cardosas Building
Citybreak-apartments Sao Bento

โฮสเทลห้องรวม
Best Guest Porto Hostel

นอกจากนี้ แถวๆ รอบจัตุรัส Aliados ก็สะดวกและยังไม่ขึ้นเนินค่ะ


ที่เที่ยว เมือง Porto โปรตุเกส

สำหรับทริปนี้นัทรวมไว้ 12 ที่เที่ยวในเมือง Porto นะคะ ซึ่งนัทเลือกกรุ๊ปเดินเป็นโซนๆ ไป เริ่มจากใกล้โรงแรมก่อน ซึ่งนัทพักไม่ไกลจากสถานี Sao Bento ค่ะ ถ้าอยากเที่ยวแบบค่อยๆ ดู มีเวลากินดื่มช้อป ก็น่าจะต้องใช้เวลาอย่างน้อยประมาณ 3 วัน แต่ถ้าเร่งๆ ประมาณ 2 วันก็ไหวค่ะ

1. Sao Bento Station

เดินลงมาจากรถไฟปุ๊ป ก็พบกับความสวยงามของสถานีรถไฟแล้วค่ะ สถานีรถไฟ Sao Bento เทียบกับชื่อภาษาอังกฤษคือ Saint Benedict ซึ่งสถานีนี้เป็นส่วนหนึ่งของเมืองเก่า Porto ที่ได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลกด้วยค่ะ ซึ่งอายุที่นี่อาจจะไม่ได้เก่ามาก เริ่มสร้างในช่วงค.ศ. 1904 และประกอบไปด้วยกระเบื้อง Azulejo (กระเบื้องสีฟ้าที่เราจะได้เห็นทั่ว Porto) อยู่กว่าสองหมื่นชิ้นเลยค่ะ ซึ่งภาพต่างๆ นั้น จะเป็นเรื่องเล่าเกี่ยวกับสงครามค่ะ

ออกจากสถานี เราก็นำกระเป๋าไปเก็บที่โรงแรมก่อน แล้วก็เริ่มเดินเที่ยวเลยค่ะ จากสถานี เดินประมาณ 7-10 นาทีก็จะผ่านจัตุรัส Fontes dos Leoes ในภาพ และจุดหมายปลายทางเราคือโบสถ์ด้านหลังนี้ Igreja do Carmo ค่ะ

2. Igreja do Carmo

แม้จะมองเห็นเป็นโบสถ์สวยหนึ่งแห่ง แต่จริงๆ ตรงนี้เป็นที่ตั้งของ Igreja do Carmo และ Igreja dos Carmelitas สองโบถส์ที่มีบ้านที่แคบเพียง 1 เมตรตั้งอยู่ตรงกลาง ถ้าดูจากในรูปเราจะเห็น facade สองอัน แล้วมีเหมือนเสาตรงกลาง ตรงนั้นเป็นบ้านที่กั้นโบถส์ทั้งสองออกจากกันค่ะ สามารถซื้อบัตรเข้าไปชมได้

ว่ากันว่าที่ต้องมีการกั้นระหว่างสองโบถส์นี้ก็เพราะว่า ฝั่งหนึ่งเป็นของแม่ชี และ อีกฝั่งเป็นของพระสงฆ์ แต่บางทฤษฎีก็บอกว่า เพียงเพื่อไม่อยากให้มีช่องว่าง 1 เมตรระหว่างโบถส์ทั้งสองค่ะ โบถส์ฝั่งซ้าย Igreja dos Carmelitas เป็นโบถส์ที่เคยเป็นคอนแวนต์แม่ชี สร้างขึ้นมาก่อนในปี 1628 ส่วนโบถส์ฝั่งขวา Igreja do Carmo สร้างในปี 1756 แบบปลายบาโรค หรือมีความเป็น rococo แล้วค่ะ ด้านข้างของโบถส์ก็เป็นอีกหนึ่ง กระเบื้องสีฟ้า Azulejo ที่สวยงามมากซึ่งเพิ่มในช่วงปี 1912 ที่ผ่านมาค่ะ

ย่านนี้เรียก Clerigos จะมี หอคอย Torre dos Clerigos อยู่ ใกล้ๆ มีมหาวิทยาลัย และมีคอมมิวนิตี้มอลล์เล็กๆ ที่เต็มไปร้านอาหารอยู่ค่ะ

3. Livriara Lello

มุมฝั่งตรงข้ามเลย จะเป็นที่ตั้งของร้านขายหนังสือ “Livraria Lello” เป็นร้านหนังสือที่สวยงามมากๆ แต่ตอนที่นัทไปเค้าปิดมีอีเวนท์ค่ะ (ปกติไม่เคยปิดเลยนะคะ เปิดทุกวัน) การเข้าร้านหนังสือนี้ต้องไปต่อคิวซื้อตั๋วเข้า ที่อีกประตูนึงค่ะ ที่อ่านมา เจอบอกว่า คิวค่อนข้างยาว จากนั้นก็มาต่อคิวเข้าร้านอีกทีค่า นัทมีโอกาสแค่ชมจากข้างนอกค่ะ เดี๋ยวไว้จะกลับไปใหม่


ภาพจาก pixabay ค่า

4. Largo da Pena Ventosa

จากโซน Clerigos เมื่อซักครู่ นัทก็จะมุ่งหน้ามาทางแม่น้ำ โดยผ่านตัวอาสนวิหารใหญ่ของเมืองปอร์โต้ก่อนค่ะ ซึ่งระหว่างทางนั้น ก็มีถนนที่มีอาคารสีสันสดใสตลอดทางตั้งแต่เดินเลาะลงมาเลยค่ะ แต่หนึ่งในถนนที่ดัง และคนชอบมาถ่ายรูปกันต้องยกให้ Largo da Pena Ventosa ค่ะ

5. Porto Cathedral 

เดินมาเรื่อยๆ จะมาถึง Se do Porto หรือ อาสนวิหารแห่งปอร์โต้ค่ะ ที่นี่ถูกสร้างอยู่ในจุดที่สูงที่สุดของเมือง เป็นหนึ่งในอนุสรณ์ที่เก่าแก่ที่สุดในเมืองค่ะ สร้างตั้งแต่คริสตศตวรรษที่ 12 ตอนที่สร้างมีทั้งแบบสถาปัตยกรรมโกธิคและโรมาเนสก์ ก่อนจะถูกบูรณะด้วยสไตล์บาโรคค่ะ ตรงนี้เคยเป็นป้อมปราการที่ปกป้องเมืองมาก่อนด้วย ภายในใหญ่มากๆ มีทั้ง Cloister และโบถส์ ไปจนถึงลานที่เคยใช้ประหารนักโทษ

มีกระเบื้อง Azulejo ที่สวยอลังการมากๆ ด้วยค่ะ ส่วนลานด้านหน้า ก็เป็นอีกหนึ่งจุดชมวิวเมืองที่พลาดไม่ได้เลย

6. Bairro da Ribeira

คำว่า Bairro นั้นแปลว่า neighborhood ค่ะ Ribeira ก็คือริมแม่น้ำ จริงๆ ทั้งบริเวณตั้งแต่ Se ลงมาถึงริมแม่น้ำก็จะถูกเรียก Bairro da Ribeira ทั้งหมดค่ะ นัทมุ่งหน้าลงมายังถนนเลียบแม่น้ำเลย ตรงนี้เดินเล่น ชิลล์มากกกกก ไม่ได้มีจุดแลนด์มาร์กจริงจัง แต่บรรยากาศมันดีมากๆ ค่ะ มีเรือเล็กๆ บ้านสีสันสวยงาม คาเฟ่ ร้านอาหาร ระเบียงเอาท์ดอร์ที่มานั่งจิบไวน์ชิลล์ๆ ได้

7. Ponte de Dom Luis I

มองไปข้างหน้าเราจะเห็นสะพานใหญ่ที่เป็นเอกลักษณ์มากๆ เพราะเป็นสะพานที่ชั้นบนเป็นทางรถไฟ ชั้นล่างเป็นทางรถวิ่ง ชื่อว่า Ponte de Dom Luis I ซึ่งบริษัทที่สร้างเป็นบริษัทเดียวกับที่สร้างหอไอเฟลเลยค่ะ ทั้งข้างบนและล่าง เราสามารถเดินข้ามได้ โดยสะพานจะเชื่อมจากฝั่งเมืองเก่าที่เราไปมา ไปยังฝั่ง Gaia ซึ่งเป็นศูนย์กลางของอุตสาหกรรมพอร์ตไวน์ค่ะ

(ที่นัทบอกตอนเขียนเรื่องที่พักว่าเมืองมันเป็นเนินอ่ะค่ะ ดูจากชั้นของสะพานได้เลยว่า ถนนข้างล่างกับถนนข้างบนอยู่สูงต่างกันขนาดไหน ระยะทางไม่ไกลนะคะ แต่เนินคือเดินหอบได้ค่ะ)

8. Mosteiro da Serra do Pilar

ข้ามมาฝั่งตรงข้ามปุ๊ป จะมี Monastery ทรงกลมอยู่ ส่วนลานด้านหน้าก็จะเห็นคนมาพักผ่อนชมวิวกันเยอะเลยค่ะ

9. Miradouro da Ribeira

ข้ามถนนมาจากฝั่ง Monastery จะเป็นจุดชมวิว ที่ด้านหลังเป็นสวนสาธารณะ นัทประทับใจมาก เพราะมันเป็นการจัดการให้มีพื้นที่สีเขียวให้นั่งชิลล์นั่งเล่น แล้วตรงสวนกับระเบียงที่ชมวิวเค้าทำดีเลยค่ะ ตรงนี้วิวสวยมากกกกก แนะนำให้มาช่วงพระอาทิตย์ตก

เราเดินเลาะๆ ลงมาเรื่อยๆ ก็จะใกล้แม่น้ำขึ้นเรื่อยๆ แถบนี้ทั้งแทบ เป็นที่อยู่ของโรงเก็บพอร์ทไวน์ทั้งหมดเลยค่ะ ซึ่งเจ้าใหญ่ๆ เค้าก็จะเปิดให้เข้าชม มีนิทรรศการเล่าความเป็นมาและชิมไวน์ค่ะ ราคาก็จะไล่ๆ กัน

10. Port Wine Cellar

มาถึง Porto แล้ว ห้ามพลาด Port Wine จริงๆ ค่ะ

จริงๆ แล้ว Port Wine ตัวองุ่นและน้ำไวน์ไม่ได้มาจากเมือง Porto นะคะ แต่มาจาก Douro Valley ซึ่งเป็นภูมิภาคที่เป็นภูเขาและลึกเข้าไปทางตะวันออกซึ่งเป็นแผ่นดินโปรตุเกสที่ไม่ติดทะเล ลูกค้าหลักตอนนั้นคืออังกฤษ วิธีการขนส่งไวน์จาก Douro Valley เพื่อนำมาส่งออกไปอังกฤษที่ง่ายที่สุดคือ ขนถังไวน์ลงเรือ ล่องมาตามแม่น้ำ Douro และมาไว้ที่ Porto ก่อน ทำให้กิจการการค้าหลักๆ อยู่ที่ Porto ไวน์นี้เลยได้ชื่อว่า Oporto Wine และย่อเป็น พอร์ตไวน์ ตามชื่อเมืองนี้แหล่ะค่ะ (หลายคนเข้าใจว่ามาจากอังกฤษ ก็ไม่ใช่ด้วยนะคะ) เรื่องการขนส่งมา นัทแนะนำให้ลองไปเปิดแผนที่แล้วจะนึกออกค่ะว่าทำไมต้องมาทางนี้

และเหตุผลที่ Port Wine มักจะมีชื่อภาษาอังกฤษ เพราะว่า ลูกค้าหลักตอนนั้น คือชาวอังกฤษ ซึ่งตอนนั้นมีความขัดแย้งกับฝรั่งเศสและบอยคอทนำเข้าไวน์จากฝรั่งเศส เลยมาหาไวน์ที่โปรตุเกส ซึ่งมีอากาศที่เหมาะกับการปลูกองุ่นแทน จากแค่ซื้อขาย ก็มาลงทุนกันหลายเจ้า จนสุดท้าย Port Wine ที่เรารู้จักกันในปัจจุบัน จะเป็น fortified wine หรือ ไวน์ที่มีการใส่บรั่นดี (หรือเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์กลั่น) เข้าไปหยุดกระบวนการหมัก ทำให้ไวน์หยุดเปลี่ยนน้ำตาลมาเป็นแอลกอฮอลล์ นั่นเป็นเหตุผลที่ พอร์ตไวน์หวาน แต่ก็มีแอลกอฮอลล์สูงด้วยค่ะ

และถ้าใครมีเวลาในโปรตุเกสเพิ่มเติม แนะนำให้ไปนอนตามไร่ไวน์ใน Douro Valley อีกซัก 3 วันจะชิลล์มากค่ะ

ขนกันบนเรือเล็กๆ แบบนี้เลยค่ะ

จริงๆ ทั้งหมดที่เล่ามานี้ น่าจะใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งวันเต็มๆ แล้วค่ะ ถ้าชิลล์หน่อยก็เกือบสองวัน วันถัดไปนัทแนะนำให้ไปเดินเล่นแถว Bolhao จะมีตลาด Bolhao มีถนนช้อปปิ้ง Rua Santa Catarina ที่น่าเดินมากๆ ค่ะ ในย่านนี้ก็จะมีจุดแลนด์มาร์ก ได้แก่

11. Chuch of Saint Ildefonso

อีกหนึ่งโบถส์สวยที่ประกอบไปด้วยกระเบื้องกว่า 11,000 ชิ้นเลยค่ะ สร้างเสร็จในปี 1739 และมีแท่นบูชาตรงกลางแบบบาโรค โรโคโค อยู่ค่ะ

บรรยากาศบน Rua Santa Catarina

12. Majestic Cafe

บนถนน Rua Santa Catarina ยังเป็นที่ตั้งของคาเฟ่ฮิต เป็นคาเฟ่เก่าแก่ที่ได้รับการขนานนามว่าเป็นหนึ่งในคาเฟ่ที่สวยที่สุดในโลกเลยค่ะ


ร้านอาหารใน Porto

สำหรับอาหารใน Porto นั้น นัทได้รับลายแทงมาจากเพื่อนชาว Porto ซึ่งเป็นบล็อกเกอร์เหมือนกันค่ะ

ที่ Porto จะมีเมนูท้องถิ่นที่ชื่อว่า Francesinha ซึ่งอันนี้แอบบอกตรงๆ ว่า ส่วนตัวนัทว่ามันหนักไปนิด แต่ควรลองซักครั้งเพราะมาถึงแล้ว มันคือแซนวิชเปิดหน้า โปะแฮม ไส้กรอก ไข่ หรือ สเต๊ก พร้อมชีสยืดๆ และ ราดซอสเบสเบียร์มะเขือเทศแบบฉ่ำๆ โปะมาบนเฟรนช์ฟราย

คือมันฟังดูดีมากเลยนะคะทุกคน และมันก็อร่อย แต่มันหนักมากเลยค่า ส่วนอาหารอื่นๆ ก็จะเป็นพวกอาหารทะเลตามสไตล์โปรตุเกส ซึ่งนัทเขียนไปในตอนลิสบอนแล้วว่ารักมากขนาดไหน นัทเลยทานเมนูอื่นๆ มากกว่าค่า

ร้านอาหารแนะนำ Brasao Aliados, Taberna Santo Antonio, Adega Sao Nicolau, Casa Nanda, Solar Moinho de Vento


หวังว่าทุกคนจะสนุกกับการเที่ยวโปรตุเกสนะคะ นัทเขียนไว้ทั้งหมด 3 ตอน ก่อนหน้านี้สองตอน คลิ๊กที่รูปได้เลยค่า

สำหรับใครที่หาตั๋วเครื่องบินราคาถูกอยู่ก็ไปเทียบราคาได้ที่ Skyscanner.com นะคะ คลิ๊กที่นี่ได้เลย!!!

หากชอบรีวิว อย่าลืมกดไลค์เพจ และ ติดตามไอจี @eatchillwander ด้วยนะคะ ขอบคุณมากๆ ค่า

ติดตาม Eat Chill Wander ได้ที่
Facebook : Eat Chill Wander
Instagram : @eatchillwander
Twitter : @eatchillwander
Youtube : Eat Chill Wander
Website : www.eatchillwander.com

error: