สัมผัส ‘จิ่วเฟิน’ พักผ่อน จิบชา ตื่นเช้าพร้อมวิวภูเขาและทะเล [เที่ยวไต้หวันด้วยตัวเอง]

หากใครมาเที่ยวไต้หวัน แล้วอยากตื่นมาพร้อมวิวทะเลและทิวเขา นอนจิบชาหอมๆ สูดอากาศเย็นๆ บรรยากาศเงียบสงบเดินทางง่าย ต้องให้ที่นี่เลยค่ะ “จิ่วเฟิน” ที่เที่ยวเที่ยวง่ายจากไทเป

เราทราบดีว่า จิ่วเฟิน เป็นอีกหนึ่งเมืองฮิตที่ทุกคนที่มาไต้หวันไม่พลาด แต่กลับเป็นเมืองที่นักท่องเที่ยว มักเลือกไปเช้าเย็นกลับ มากกว่ามาพักที่นี่ วันนี้เลย Eat Chill Wander อยากมาแชร์ ประสบการณ์ หนึ่งคืนใน JIUFEN ที่ทำให้เราได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ ใช้ชีวิตสโลว์ไลฟ์ ใกล้ชิดธรรมชาติ แถมยังไปเที่ยว ทางรถไฟสายผิงซี ได้อีก

ที่สำคัญเที่ยวง่ายมากๆ เรียกว่า เรามีเวลาตัดสินใจก่อนบินไปไต้หวันแค่สองวัน ก็มาได้แล้ว และราคาไม่แพงเลย บินแป้ปเดียว แถมเดินทางง่ายไปหมด


การเดินทางมาไต้หวัน

สำหรับเที่ยวบินจากไทยไปไต้หวัน มีจากหลายจังหวัด และ หลายสายการบินด้วยค่ะ ตั้งแต่สายการบินฟูลคอสท์อย่าง Thai Airways, EVA, China Airlines, Bangkok Airways ไปจนถึงสายการบินโลว์คอสท์อย่าง Tiger Air, Thai Lion Air และ NokScoot

สำหรับใครที่หาตั๋วเครื่องบินราคาถูกอยู่ก็ไปเทียบราคาได้ที่ Skyscanner.com นะคะ คลิ๊กที่นี่ได้เลย!!!


วิธีการเดินทางไปจิ่วเฟิน

เราเลือกเดินทางโดยรถไฟนะคะ ออกจาก Taipei Main Station ไปยังสถานี Ruifang ค่ะ สามารถกดตู้ตู้ซื้อตั๋วได้เลย โดยรถไฟที่ไป Ruifang นี้จะเป็นรถไฟของ Taiwan Railways Administration มีตัวย่อว่า TRA ค่ะ

(ในสถานี Taipei Main Station จะเป็นชุมทางของรถไฟทั้งรถไฟความเร็วสูง HSR, รถไฟ TRA และ Metro ค่ะ ในสถานีจะมีป้ายชี้เต็มไปหมดเลย สำหรับเส้นทางนี้สามารถตามป้าย TRA ไปได้ค่ะ)

ไปถึง ถ้านั่งรถไฟโลคอลแบบไม่จองที่นั่ง จะสามารถใช้ Easy Card ได้เลย แต่ว่าถ้าที่นั่งเต็มก็ต้องยืนไปตลอดนะคะ แนะนำให้ไปซื้อตั๋วแบบจองที่นั่ง หรือ จองไปก่อน

สามารถดูตารางรถไฟและจองตั๋วได้ที่ https://tip.railway.gov.tw/tra-tip-web/tip?lang=EN_US

รถไฟ Local Train จะใช้เวลาประมาณ 40 – 60 นาที ราคา 49$

ส่วนรถไฟ Express จะมีตั้งแต่ประมาณ 32 – 40 นาที ราคา 76$

พอนั่งรถไฟถึง Ruifang จะมีแท๊กซี่เยอะมาก สามารถขึ้นแท๊กซี่ไปได้ ขากลับเราใช้ไม่ถึง 20 นาที ประมาณ 205$ ค่ะ

ถ้าประหยัดก็ขึ้นบัสได้ค่ะ ขาไปเราเลือกขึ้นบัส และคิดว่า เพราะเดินทางสวนทางกับคนอื่น รถเลยไม่ติด คนไม่เยอะ และใช้เวลาไม่ถึง 15 นาทีก็ถึง Jiufen แล้วค่ะ

ป้ายรถบัส ต้องเดินข้ามลานด้านหน้าสถานี Ruifang ข้ามถนน เลี้ยวซ้าย เดินไปประมาณ 200 เมตร เลยสถานีตำรวจ จะเห็นป้ายชัดมากๆ และจะมีป้ายตัวใหญ่มากกกกกกกกกกกกก เป็นสายบัสที่ไปจิ่วเฟินค่ะ ไม่หลงแน่นอน มีประมาณ 5-6 สาย แต่เค้าจะเขียนชัดเลย เพราะฉะนั้น ไม่ต้องจำหมายเลขบัสไปก็ได้นะคะ บัสคันไหนมาก่อนก็ขึ้นไปก่อนก็ได้


Jiufen at Night

พอมาถึงเราก็เอากระเป๋าขึ้นไปเก็บและเช็คอินที่ที่พัก ซึ่งเราเดินทะลุจิ่วเฟินมาจากที่ลงจากบัสข้างหน้าค่ะ ตรงที่เป็นถนนคนเดิน Jiufen Old Street รถบัสจะเข้าไม่ได้นะคะ แต่จุดพีคคือ ที่พักเราอ่ะ อยู่ด้านบนตรงที่เลย Ah Gan Taro Ball ไป ซึ่งจริงๆ แท๊กซี่ข้ามเขามาอีกฝั่งได้ (ขากลับเลยใช้แท็กซี่ค่ะ ถ้าใช้แท็กซี่มานี่เรียกว่า ไม่ต้องเดินเลย) แต่ขามาก็คือลากกระเป๋าแบบทรหดสุดๆ

สำหรับบรรยากาศจิ่วเฟินยามค่ำคืน ตอนประมาณ 6 โมง ยังมีร้านเปิดอยู่เต็มไปหมดเลยค่ะ คนค่อยๆ เริ่มซา แต่ก็ยังมีคนอยู่ แต่ประมาณทุ่มครึ่ง สองทุ่ม คนก็เริ่มหายไปค่ะ กลายเป็นถนนโล่งๆ เดินสบายเลย ร้านส่วนใหญ่ยังเปิดอยู่

เราลองบัวลอย (Taro Ball) ไป 3 ร้าน ส่วนตัวชอบร้านนี้ที่สุดค่ะ

นอกจากของกินแล้ว ก็จะมีร้านของฝาก ของที่ระลึกเต็มไปหมดเลย ร้านน่ารักๆ เพียบ

ร้านของฝากพร้อมใจขายของที่ระลึกจาก Spirited Away เต็มไปหมด แต่มันก็ได้ฟีลจริงๆ นะคะ


Breakfast with Million Dollar View

เมื่อคืนยังไม่เห็นอะไร วันนี้ตื่นมาพร้อมวิวหลักล้านมากๆ เงียบสงบ ถ้าหนาวก็อยู่ในห้องเปิดฮีตเตอร์อุ่นๆ ได้ แต่ถ้าชอบก็ออกไปนั่งเล่นริมระเบียงได้ ระเบียงกว้าง

เราชอบที่นี่มากๆ สะอาด ตกแต่งแบบโมเดิร์น สวยทุกมุม ใส่ใจคนเข้าพักดี ทั้งขนมน้ำที่มีเตรียมไว้ให้กินตลอด (มีโดรายากิ โจ๊ก น้ำผลไม้ เครื่องทำกาแฟ เป็นแบบมินิบาร์ส่วนกลางจัดเต็มมาก) มีมาสก์หน้าในห้องน้ำ มีโฟมล้างหน้ามูจิให้ ประทับใจมาก คือทั้งสวย ผ่อนคลาย สะดวก

แต่ก็มีข้อเสียเหมือนกันค่ะ คือ ต้องเดินขึ้นบันได ห้องเราอยู่ชั้น 3 เดินขึ้นบันไดชันอยู่ (เพราะเดินในจิ่วเฟิน ต้องเดินขึ้นเดินลงอยู่แล้ว ก็เดินมาอีก) และ ที่พักไม่มีชื่อภาษาอังกฤษ ถามคนแถวนั้นไม่รู้ และ คนดูแลไม่พูดภาษาอังกฤษเลยยยยยย เค้าเฟรนด์ลี่มาก พยายามคุยและดูแล ช่วยเรายกกระเป๋า แต่สื่อสารไม่ได้เลย (เค้าใช้กูเกิ้ลทรานสเลทคล่องมากนะ เรามีปัญหาแค่ตอนหาที่พักไม่เจอแล้วไม่รู้จะคุยยังไง แต่ถ่ายรูปตรงที่เราอยู่ให้เค้าเดินมารับ หลังจากนั้นก็คุยผ่านไลน์ เรียกแท็กซี่ แจ้งเวลาอะไรได้เรียบร้อย)

ถ้าให้เราอธิบายทางหรือบอกแท็กซี่ ก็คือมาให้ถึง Jiufen Elementary School แล้วเดินตรงทางเดินที่รถผ่านไม่ได้ เข้าไป จะอยู่ตรงโค้งแรกค่ะ ถ้ามาถึงแล้ว มันก็หาง่ายแล้วค่ะ

สรุปว่า ถ้าไม่ได้มีปัญหาเรื่องการเดินมากจริงๆ (เพราะมาจิ่วเฟินยังไงก็ต้องเดินขึ้นลง) เรายังแนะนำที่นี่สุดใจ เพราะวิวที่ตื่นมาเห็นตอนเช้า นี่คือความสุขจริงๆ ค่ะ

ชื่อที่พักเป็นภาษาจีน อ่านไม่ออกจริงๆ ค่ะ เอาเป็นว่าทางไปจอง >> คลิ๊กที่นี่


What to do in Jiufen

มุมมหาชนที่สุดในจิ่วเฟินคงจะเป็นมุมนี้ หน้าร้าน A-Mei Tea House ปักหมุดในกูเกิ้ลแมพแล้วเดินตามมาได้เลยค่ะ เรามาประมาณ 9 โมงยังไม่มีคนนะคะ สามารถถ่ายรูปทั้งเมืองเป็นของตัวเองได้เลยยยย พอดีเรามีทั้งขนม เซ็ทน้ำชา และ ระเบียงวิวสวยๆ อยู่ที่ที่พักอยู่แล้ว เลยข้ามการจิบชาที่นี่ไปค่ะ ส่วนใครที่อยากมา และไม่อยากรอคิว สามารถจองเซ็ทน้ำชาและขนมผ่าน Klook ได้เลยนะคะ มาถึงจะได้โชว์บาร์โค้ดและเข้าไปนั่งได้เลย คลิ๊กที่นี่ได้เลยค่ะ

ถ้าถามเราว่า สิ่งที่ต้องทำให้จิ่วเฟินคืออะไร บอกเลยว่า คือ เดินเล่นกับกิน วนไปค่ะ ส่วนเราก็ เดิน กิน แล้วก็มาชิวอยู่ห้อง

ตรงนี้เป็นด้านหน้า Sheng Ping Theatre ค่ะ ด้านในเป็นโรงละครเก่า มีนิทรรศการเล็กๆ เข้าไปชมได้ค่ะ

แม้ว่าทาง Studio Ghibli จะออกมาคอนเฟิร์มแล้วว่า เมืองนี้ ไม่ได้เป็นแรงบันดาลใจให้ภาพยนต์แอนิเมชั่นในตำนานอย่าง Spirited Away แต่มาถึงตรงนี้ก็ต้องบอกว่า มีความขนลุกอยู่ ทั้งบรรยากาศโคมแดงตลอดสาย ยิ่งตอนกลางคืนยิ่งทำให้นึกถึงบรรยากาศร้านค้าในโลกวิญญาณในเรื่องเลย

มีมุมและร้านขายของ ขายชา ที่ดูมีสเน่ห์มากๆ หลายร้านเลยค่ะ // แต่ขอบอกไว้ก่อนว่า จากการลองชามาหลายร้าน เราว่า ชา Alishan ที่นี่ดูเป็นเกรดขายนักท่องเที่ยวนิดนึง ความเห็นและประสบการณ์ส่วนตัวคิดว่า ซื้อร้านที่ไว้ใจได้ในไทเปดีกว่าค่ะ เอาเป็นว่า ใครจะซื้อชาที่นี่ ลองไปหาอ่านเว็ปไซต์ของเซียนชาดูนะคะ เค้าจะเขียนเรื่อง ชาอาลีชาน, ต้งติ่ง ไว้ค่อนข้างละเอียด แต่บอกตรงๆ ว่า แถวนี้ ชาหลายร้านไม่สมราคาค่ะ

หากเดินมาถึงโรงเรียนประถมจิ่วเฟิน ที่อยู่ใกล้ๆ ที่พักเรา จะมีวัดด้วยนะคะ

อาหารที่นี่มีหลากหลายมาก นึกถึงฉากใน Spirited Away ที่พ่อแม่กลายเป็นหมูเลย เราเนี่ยแหล่ะ กลายเป็นหมูแน่ๆ ของกินน่าทานหลายอย่างมากค่ะ พวกเกาเหลาลูกชิ้น Taro Ball ของทานเล่น มีตลอดทาง ไม่ต้องกลัวหิวเลย


หากสงสัยเพิ่มเติม หรือ ชอบรีวิว สามารถมาพูดคุยและติดตามกัน ได้ใน Facebook, Twitter  และ Instagram @eatchillwander กันได้เลยนะคะ



error: