[รีวิว] Kempinski Palace Engelberg Titlis โรงแรมสวย สระว่ายน้ำอลังการ วิวเทือกเขาแอลป์แห่งสวิตเซอร์แลนด์

หนึ่งในสิ่งที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเที่ยวสวิตเซอร์แลนด์ ก็คือการหาที่พักวิวสวยๆ นอนพักผ่อนชมวิวเทือกเขาสวิสแอลป์สุดอลังการ ซึ่งในทริปนี้ นัทมีโอกาสมาพักผ่อนที่ โรงแรม Kempinski Palace Engelberg Titlis โรงแรมสวยในหมู่บ้าน Engelberg อันรายล้อมไปด้วยวิวภูเขาและยอดเขา Titlis ชื่อดัง สำหรับนัทแล้ว ที่นี่ไม่ได้เป็นเพียงแค่โรงแรม แต่เป็นเหมือนเดสติเนชั่นที่ต้องมาให้ได้ซักครั้งเลยค่ะ

โรงแรม Kempinski Palace Engelberg Titlis เป็นโรงแรมจากเครือเคมปินสกี้ที่เชื่อว่าหลายๆ ท่านคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี ที่นี่ ถือเป็นโรงแรมระดับห้าดาวแห่งแรกและแห่งเดียว ในภูมิภาคสวิตเซอร์แลนด์ตอนกลาง ที่นี่เป็นโรงแรมที่ดัดแปลงมาจาก เพิ่งเปิดกลางปี 2021 และเป็นการผสมผสานความโมเดิร์น ความหรูหรา จากตัวอาคารที่สร้างในรูปแบบวังมาตั้งแต่ช่วงต้นปี 1900s มีกลิ่นอายความ Belle Epoque ฟีลเทพนิยาย เรียกว่าที่พักก็สวย วิวก็สวย ห้องใหม่ สิ่งอำนวยความสะดวกอลังการมาก แถมยังเดินทางจาก Zurich ง่ายอีกด้วยค่ะ

นอกจากนี้ แม้ใครไม่ได้มาพัก ก็ยังมาใช้บริการ Spa Day Pass ได้นะคะ ก็จะสามารถใช้บริการที่สระว่ายน้ำและซาวน่าได้ค่ะ หรือจะมาทานอาฟเตอร์นูนที จิบค๊อกเทลที่บาร์ก็ดี อย่าลืมลงไว้ในโปรแกรมเที่ยวเลยนะคะ


Upon Arrival

โรงแรม Kempinski Palace Engelberg Titlis ตั้งอยู่ในเมือง Engelberg ซึ่งเดินทางจาก Zurich ง่ายมากๆ ค่ะ หากใครอยากพักผ่อนแบบเต็มอิ่ม จะบินตรงจากไทยมาลงซูริค แล้วนั่งรถไฟเพียง 1 ชั่วโมง 45 นาทีเท่านั้น ออกจากสถานีมาปุ๊ป จะเห็นโรงแรมตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้าเลยค่ะ เดินจากรถไฟมาถึงหน้าโรงแรม ก็ประมาณ 2 นาทีค่ะ

แค่มาถึงเมืองนี้ ก็จะได้สัมผัสบรรยากาศที่รายล้อมด้วยขุนเขาและอากาศบริสุทธิ์แล้ว

ภายในล็อบบี้ กว้างขวาง และให้ความรู้สึกอบอุ่นมากๆ เลยค่ะ มีเครื่องดื่มต้อนรับเป็นชาสมุนไพรหอมๆ เช็คอินเรียบร้อย ก็จะขึ้นไปที่ห้องกันค่ะ


Premiere Room

ครั้งนี้ นัทพักในห้องแบบ Premiere Room ขนาด 47 ตร.ม. ค่ะ แต่ห้องเริ่มต้นของที่นี่ จะเริ่มตั้งแต่ Boutique Room ซึ่งมีขนาด 29 ตร.ม. และ ไล่ขนาดขึ้นมาเรื่อยๆ ค่ะ โดยทุกห้องจะเห็นวิวภูเขาแตกต่างกันไปตามตำแหน่งของห้องค่ะ นอกจากห้องพักแล้วยังมีห้อง Suite อีกด้วยค่ะ

สิ่งแรกที่รู้สึกประทับใจคือ ห้องสวยใหม่ ดูโมเดิร์น วัสดุต่างๆ ดูหรูหรา แต่กลับให้บรรยากาศอบอุ่นมากๆ เลย์เอาท์ห้องก็จัดได้ดีเลยค่ะ พอเดินเข้ามาเปิดม่านปุ๊ป รู้สึกฟินมากๆ เลยค่ะ เพราะวิวสวยมากๆ เห็นทั้งหมู่บ้าน Engelberg และวิวเขาเลย

วิวภูเขาตรงนี้ คือเปลี่ยนไปเรื่อยๆ บรรยากาศตอนแดดออก ตอนกลางคืน ตอนหิมะตก ไม่เหมือนกันเลย

อย่างรูปนี้ถ่ายตอนเช้าที่หิมะตก ของจริงที่ตาเห็นคือสวยมากๆ จนไม่รู้จะอธิบายยังไงเลยค่ะ คือเหมือนอยู่ในเทพนิยายเลย

มุมโต๊ะทำงาน/โต๊ะเครื่องแป้ง เปิดออกมาเป็นกระจกได้ค่ะ มีเมนูหมอนให้เลือกเกือบสิบแบบ ชอบสวิชสัมผัสที่ควบคุมได้ทุกอย่าง

ไฮไลท์ในเมนูหมอน จะมีอันนึงทำจากสนสวิส ลองเอามานอนได้นะคะ

เครื่องชงกาแฟเป็น Nespresso รุ่นใหม่ที่เป็น Vertuo ด้วยค่ะ ส่วนชุดชาใช้ของ Ronnefeldt ของในมินิบาร์มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม แต่เลือกของมาได้ดีเลยค่ะ เป็นพวกของโลคอล มีช็อกโกแลตสวิสที่เป็นเลเบลของ Kempinski ด้วย

ภายในห้องน้ำ มีอ่างอาบน้ำ โซนชาวเวอร์ที่มีทั้งฝักบัวและเรนชาวเวอร์ น้ำแรง อุณหภูมิคงที่มาก ซึ่งสำคัญมากๆ ในการมาเมืองหนาวเลยค่ะ

ข้าวของเครื่องใช้ในห้องก็ดีมากๆ ชุดคลุมอาบน้ำนุ่มมากๆ ค่ะ ของใช้ในห้องน้ำเป็นของ Ferragamo กลิ่นหอมมาก พวก Amenity kit บางอย่างทางโรงแรมจะไม่ได้วางเตรียมไว้ แต่สามารถรีเควสท์ได้ มีเป็นลิสท์ให้เลยค่ะ


Infinity Pool

เข้ามาสู่ไฮไลท์ของ Kempinski Engelberg แล้วค่ะ! ขึ้นมาบนชั้น 5 ชั้นนี้ทั้งชั้นถูกยกให้เป็นพื้นที่ของสปาและ Wellness ทั้งหมด ซึ่งนั่นก็มีตั้งแต่ สระว่ายน้ำแบบ Infinity Pool ที่ควบคุมอุณหภูมิไว้ตลอด, ห้องทรีทเม้นท์สปา, Sauna World, ฟิตเนส และ โซนพักผ่อนที่เรียกว่า Relaxation Room ค่ะ

โซนแรกที่จะพามาชมจะเป็นโซน Infinity Pool ซึ่งจัดพื้นที่นั่งเล่น นอนเล่น ไว้แบบชิลล์มากๆ เลยค่ะ มีทั้งโซฟาและ Day Bed แล้วก็มีชิงช้าด้วยนะคะ เข้ามาในบริเวณนี้ก็รู้สึกผ่อนคลายแล้ว ตัวสระว่ายน้ำ เป็น Infinity Pool จริงๆ ถ้ามองลงไปตรงขอบสระเป็นกระจกหมดเลยค่ะ สระว่ายน้ำค่อนข้างยาว ค่อนข้างเป็นส่วนตัวเลยค่ะ

ส่วนตรงนี่คือ Jacuzzi ค่ะ น้ำจะเป็นอุณหภูมิห้อง แบบไม่รู้สึกหนาว แต่ไม่ใช่น้ำร้อนแบบออนเซนนะคะ

ชอบทั้งสระว่ายน้ำและพื้นที่นั่งเล่นเลยค่ะ มีมุมสระเด็ก แล้วก็มีชาวเวอร์ และ ห้องอาบน้ำแยกด้วย ทุกอย่างพร้อมและเป็นสัดส่วนมากๆ

นอกจากนี้ ยังเสิร์ฟน้ำดื่ม ชา ผลไม้แห้ง บางทีก็มีแอปเปิ้ลกับแพร์ แล้วก็พวกถั่วไว้ทานเล่นด้วยค่ะ ทำให้เราชอบมานอนเอื่อยตรงนี้มากๆ เอาหนังสือมานั่งอ่าน รู้สึกได้พักผ่อนอย่างแท้จริงเลย


Sauna World

ก่อนมา เราก็อ่านผ่านๆ ว่าที่นี่มี Sauna World แต่เข้าใจว่าเป็นห้องซาวน่าธรรมดา มาถึงแล้วต้องบอกเลยค่ะว่า ซาวน่าที่นี่จริงจังมากๆ และทำออกมาดีมากค่ะ ขนาดนัทแค่ไปเที่ยวยอดเขา เดินเทรคสั้นๆ กลับมาซาวน่า คือรู้สึกดีมากๆ ถ้าใครเล่นสกีหรือเดินเทรคจริงจัง แล้วมาซาวน่า คงจะผ่อนคลายน่าดูเลยค่ะ

ที่นี่มีห้องซาวน่าหลายแบบนะคะ แต่ละแบบจะมีป้ายหน้าห้องเลยว่า มีประโยชน์ยังไง อุณหภูมิเท่าไหร่ แนะนำให้เข้ากี่นาที

อันแรกที่เห็นวิวเขานี้ เป็น ซาวน่าคลาสสิกแบบ Finnish Sauna ค่ะ เน้นความผ่อนคลายและการฟื้นฟูกล้ามเนื้อหลังออกกำลังกาย การไหลเวียนเลือด เรียกเหงื่อได้ดีเลยค่ะ ส่วนอีกอันเป็น Bio Sauna ที่อุณหภูมิต่ำลงมา ซึ่งเน้นการคลีนระบบทางเดินหายใจ เน้นสร้างความสงบให้กับร่างกายและจิตใจค่ะ

ถัดไปจะเป็น Vitarium ซึ่งเป็นห้องสตีมที่มีการใส่สมุนไพรไว้ แล้วก็มี  Steam Bath ด้วยค่ะ

ซาวน่าที่นี่ สัมผัสของไม้ในห้องดีมากเลยค่ะ นั่งและนอนสบายมาก

ส่วนตรงกลางจะมีบ่อน้ำแข็งที่เอาไว้คูลดาวน์ค่ะ มีชาวเวอร์อยู่ในตัวเลย

เสร็จแล้วก็แนะนำให้มาที่ Relaxation Room ซึ่งมีเตาผิงตรงกลาง มีที่นั่งเล่น ผ้าห่ม สบายตัวสุดๆ เลยค่ะ

ชาสมุนไพรมีให้เลือกหลากชนิดมากๆ เลย


Breakfast

ใครสงสัยว่า อาหารเช้าที่สวิสเป็นยังไง จัดเต็มแค่ไหน มาชมกันเลยค่ะ ที่ห้องอาหาร Cattani เสิร์ฟของดีท้องถิ่นจากสวิตเซอร์แลนด์ให้ทานทุกอย่างเลย ตั้งแต่ชีส ผลิตภัณฑ์นม โยเกิร์ต ขนมปัง เบเกอรี่ แยม ผลไม้สด แซลมอน แฮม และ ยังมีเมนูร้อนให้สั่งทำใหม่ ซึ่งมีทั้งอาหารเช้าแบบ Savory และแบบหวานเลยค่ะ ที่สำหรับเสิร์ฟ Bubble หรือ Sparkling Wine ยามเช้าด้วย

ขนมปัง และ pastry อบใหม่ อย่างครัวซองท์กัดเข้าไปนี่ได้ยินเสียงกรอบเป็นชั้นเลยค่ะ ชีสก็มาจากหลายแหล่งแต่เป็นของท้องถิ่นหมดเลย พวกแซลมอนอร่อยมาก อาจจะเป็นเพราะเป็นแซลมอนฝั่งน้ำจืด เนื้อเลย chewyๆ ไม่มันค่ะ

ภาพด้านล่างนี้ เมนูแรก เครปเห็ดที่รสชาติแบบครีมมี่ กลมกล่อม อร่อยมาก ตามด้วย Kempinski bread เป็นอโวคาโด้โทสท์ ตัวแซลมอนรสชาติดีมากค่ะ

อีกเมนูที่ห้ามพลาดเพราะถือเป็นอาหารสวิสเลยก็คือ Potato Rösti ค่ะ

ไฮไลท์ของอาหารเช้า ขอยกให้ Baked croissant pudding เป็นแนวหวานนะคะ ครัวซองท์อบเป็นพุดดิ้ง เลเยอร์เยอะๆ ซอสออกแนวเปรี้ยวจากรูบาบ ใครชอบทานพวกเฟรนช์โทสท์หรือแพนเค้กตอนเช้า นัทแนะนำให้ลองเมนูนี้เลยค่ะ

นอกจากในรูป ก็ยังมีพวกไส้กรอกย่าง อเมริกันเบรคฟาสท์ เมนูไข่ต่างๆ ด้วยนะคะ

ห้อง Wintergarden เสิร์ฟอาฟเตอร์นูนที อีกหนึ่งของเด็ดของที่นี่ ซึ่งนัทแอบพลาด แต่จะกลับมาใหม่ให้ได้เลย


Cattani Restaurant

พอเข้าสู่มื้อเที่ยงและมื้อเย็น ห้องอาหารแห่งนี้ ก็จะเน้นคอนเซปท์ Farm-to-Table โดยนำวัตถุดิบมาจากทั่วสวิตเซอร์แลนด์เลยค่ะ และต้องบอกว่า ด้วยความที่สวิตเซอร์แลนด์นั้น ไม่ได้ติดทะเล และ ก็ยังถือเป็นประเทศที่ขนาดไม่ได้ใหญ่มากหากเทียบกับเพื่อนบ้านรอบๆ ปกติ เวลาไปทานอาหารที่ไหน ก็จะไม่ค่อยเจอร้านที่เน้นใช้วัตถุดิบจากสวิตเซอร์แลนด์ เลยทำให้เราตื่นเต้นมากๆ

เมนูของที่นี่ จะเปลี่ยนทุกๆ ฤดูกาลค่ะ และจะมีการระบุไว้หมดเลย ว่า วัตถุดิบมาจากที่ไหนของสวิตเซอร์แลนด์ ไม่ว่าจะเป็นปลา ชีส เห็ด เนื้อ มีบอกไว้ทุกอย่างเลยค่ะ

อีกอย่างที่ทำให้นัทแนะนำที่นี่ได้อย่างเต็มปาก คือนัทแอบไปเดินสำรวจเมนูร้านอาหารในเมือง และ ก็ได้ทานมื้อเที่ยงบนเขามา ต้องบอกเลยว่า ที่นี่ราคาสมเหตุสมผลมากๆ ไม่ได้ตั้งราคาโดดจากที่อื่นเลยค่ะ อย่างที่บาร์ เราจะแอบเห็นคนโลคอลก็มาใช้บริการ รู้สึกได้เลยว่า โรงแรมเป็นส่วนหนึ่งกับเมืองนี้จริงๆ

สตาร์ทเตอร์นัทลองสั่งมาทานหลายอย่าง อย่างจานแรกเป็น แซลมอนจากเทือกเขาแอลป์ในสวิสเลยค่ะ เนื้อหนึบดีมากๆ รมควัน ทานกับผักดอง จานที่เห็นเป็นไอศครีม คือ ฟัวกราส์เทอรีนที่เคลือบช๊อคโกแลตทานคู่กับซอสส้มค่ะ อีกสองจานเป็นไก่งวง และ ชีสบูราต้า ซึ่งเข้มข้นนัวมากๆ

อีกจานที่อร่อยมาก แต่ถ่ายรูปมาแล้วดูไม่ค่อยออก คือ ซุปค่ะ ช่วงที่นัทไปมีซุปฟักทอง กับ ซุปไก่งวง อร่อยมากๆ ทั้งสองซุปเลยค่ะ ทานร้อนๆ ตอนอากาศหนาว รู้สึกดีมากๆ

ปลา Pike-Perch จาก Lago Maggiore เนื้อปลาหนึบแน่น ซอสกลมกล่อมแบบคอมฟอร์ตมาก ถือเป็นจานปลาน้ำจืดที่ทำได้ดีเลยค่ะ

จานนี้เป็นพาสต้า Tagliatelle เส้นสด กับทรัฟเฟิล เป็นเมนูรสชาติคอมฟอร์ต ทานแล้วรู้สึกดีสุดๆ


The Palace Bar

บาร์สวย บรรยากาศดี มีมุมเตาผิง ที่ทำให้เรารู้สึกอบอุ่น หรือจะมุมใกล้หน้าต่างบานโตที่นั่งมองบรรยากาศภายนอกได้ มีแกรนด์เปียโนเล่นคลอ หรือจะไปนั่งคุยที่บาร์ก็สนุกไม่เบา ที่บาร์มีเมนู Signature ที่สร้างสรรค์เครื่องดื่มจากแรงบันดาลใจรอบๆ Palace แห่งนี้ ไม่ว่าจะเป็น Titlis Cosmo, Mountain Berry, Swiss Negroni หรือจะดื่มค็อกเทลคลาสสิกก็มีครบเลยค่ะ


Surrounding

เมือง Engelberg เป็นเมืองเล็กๆ ที่เดินได้ทั่วเมืองเลยค่ะ ในเมืองก็จะมีร้านค้า ร้านอาหาร มี Monastery ใหญ่อยู่ ไฮไลท์ของเมืองนี้จะเป็นการไปเล่นสกีในฤดูหนาว และ เดินป่าในฤดูร้อนค่ะ แต่จริงๆ เที่ยวได้ทั้งปี และต่อให้เราไม่เล่นสกีหรือเดินป่า ก็ถือว่าเป็นการมายอดเขาสวิสที่สนุก เพราะที่ยอด Titlis มีทั้งกระเช้าหมุน 360 องศา มีสะพานแขวน Cliff Walk ที่สูงที่สุดในยุโรป มีถ้ำธารน้ำแข็งพันปี ขึ้นไปสัมผัสหิมะได้ตลอดปี

ตรงนี้คือ Trubsee นัทมาเดินเทรครอบทะเลสาบประมาณชั่วโมงครึ่ง รู้สึกสดชื่นมากๆ เพราะวิวสวยตลอดทาง ยิ่งได้กลับลงไปซาวน่าคือฟินมากค่ะ

ไปอ่านรีวิวเที่ยว Titlis ฉบับเต็มได้ที่นี่เลยค่ะ!


โรงแรม Kempinski Palace Engelberg Titlis

Dorfstrasse 40, 6390 Engelberg, Switzerland

สามารถเดินทางโดยรถไฟมาลงยังสถานี Engelberg และเดินต่อ 2 นาที (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชม. 45 นาที จาก ซูริค หรือ 45 นาทีจาก ลูเซิร์น)
หรือ สามารถขับรถมาได้ มีที่จอดรถให้บริการโดยมีค่าใช้จ่ายในการจอดค้างคืนค่ะ (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชม. จาก ซูริค หรือ 30 นาทีจาก ลูเซิร์น)

Website : https://www.kempinski.com/en/kempinski-palace-engelberg
Email : info.engelberg@kempinski.com
Tel. : +41416397575

error: