[รีวิว] Capella Bangkok โรงแรมหรูริมแม่น้ำเจ้าพระยา หนึ่งในสเตย์เคชั่นที่ดีที่สุดในกรุงเทพฯ

หนึ่งใน Staycation ที่ดีที่สุดของกรุงเทพฯ วันนี้ ขอชวนทุกท่านหลีกหนีความวุ่นวาย มาพักผ่อนที่โรงแรมหรูริมแม่น้ำเจ้าพระยา โรงแรม คาเพลลา กรุงเทพฯ (Capella Bangkok) ที่สมบูรณ์แบบทั้งวิว การบริการ การตกแต่ง รวมไปถึงความใส่ใจในทุกรายละเอียด สมกับเป็นแบรนด์โรงแรมระดับ Ultra-Luxury ที่ถูกยกย่องให้เป็นอันดับท็อปของโลก

และที่ต้องยกให้ Staycation ที่โรงแรม คาเพลลา กรุงเทพฯ (Capella Bangkok) ติดอันดับต้นๆ ของกรุงเทพฯ นั้น เป็นเพราะแม้ว่าทุกวันนี้จะเปิดประเทศให้เที่ยวได้แล้ว แต่นัทยังเห็นลูกค้าชาวไทยรวมถึงคนรอบตัวเลือกที่จะมาพักผ่อนที่นี่ตลอดเลยค่ะ

จุดเด่นของที่นี่ ต้องยกให้ความรู้สึกเงียบสงบ บรรยากาศรีสอร์ท วิวแม่น้ำเจ้าพระยาที่เห็นพระอาทิตย์ตกสวยงามมากๆ Capella Moments ที่มีรีสอร์ทโปรแกรมตลอดการเข้าพัก สปาชั้นเลิศ ห้องอาหารไทยที่นัทแนะนำเพื่อนต่างชาติแล้วไม่เคยผิดหวังอย่าง ‘ห้องอาหารพระนคร’ ห้องอาหารมิชลินสตาร์หนึ่งดาวที่เรามาประจำอย่าง ‘Côte by Mauro Colagreco’ รวมถึงบาร์สวยที่มี Cin Cin Hour เสิร์ฟเครื่องดื่มสำหรับทุกท่านที่เข้าพักอีกด้วยค่ะ


Upon Arrival

เชื่อว่าเมื่อทุกท่านก้าวผ่านประตูของ Capella Bangkok เข้ามา ก็จะพบกับความรู้สึกโอ่โถงหรูหรา แต่มีความโมเดิร์นและร่วมสมัย ซึ่งการเข้าเช็คอินนั้น Capella Culturist ผู้ที่จะคอยดูแลเราตลอดการเข้าพัก ก็จะเชิญมาที่ห้อง The Living Room ห้องนั่งเล่นสำหรับแขกผู้เข้าพัก ซึ่งเราสามารถมานั่งจิบชา กาแฟ หรือเครื่องดื่มเย็นๆ ได้เสมอ

ในการเช็คอิน ทาง Capella Culturist ก็จะอธิบายให้เราฟังว่า ตลอดการเข้าพักของเรานั้น ทางโรงแรมมีโปรแกรมอะไรบ้าง และอำนวยความสะดวกให้ค่ะ Culturist ของที่นี่นั้นเป็นเสมือน concierge ที่เข้าใจถึงวัฒนธรรมและเรื่องราวของท้องถิ่นเป็นอย่างดี อย่างตอนที่นัทไป คาเพลลา สาขาเซี่ยงไฮ้ และ สิงคโปร์ ก็มีรายละเอียดน่ารักๆ ที่เกี่ยวกับวัฒนธรรมท้องถิ่นเยอะเลยค่ะ ดังนั้น นอกจากรีสอร์ทโปรแกรม และ ห้องอาหารในโรงแรมแล้ว Capella Culturist ยังสามารถแนะนำหรือมีบริการ curate ทัวร์ต่างๆ ให้ได้รู้จักสถานที่นั้นๆ มากขึ้นอีกด้วยค่ะ


Riverfront Premiere

คาเพลลา กรุงเทพฯ ประกอบไปด้วยห้องพัก รวมถึงสวีทและวิลล่า จำนวน 101 ห้องเท่านั้นค่ะ จึงทำให้บรรยากาศเหมือนรีสอร์ทและไม่รู้สึกพลุกพล่านเลยตลอดการเข้าพักค่ะ ที่นี่ออกแบบได้ดีทั้งห้องพัก ห้องสวีท และ วิลล่า เลยค่ะ น่าพักทุกแบบเลย ที่นี่เป็น Pet-friendly ด้วยนะคะ แต่ต้องบอกว่า เป็นโรงแรมที่ตอนเข้าพักไม่รู้สึกหรือไม่ทราบได้ว่า Pet-friendly เลยค่ะ สะอาดมากๆ เลย

ครั้งนี้ นัทพักแบบ Riverfront Premiere ซึ่งห้องแบบนี้ กับแบบ Riverfront จะเหมือนกันทุกอย่างยกเว้น Riverfront Premiere จะอยู่ชั้น 5-10 จะได้วิวที่สูงกว่าค่ะ

ห้องนี้มีขนาดอยู่ที่ 61 ตร.ม. มีจุดเด่นที่เป็นหน้าต่างกระจกบานใหญ่จากพื้นเห็นวิวแม่น้ำพระยาสวยงาม มีแผงควบคุมภายในห้องที่สามารถเปิดปิดม่านได้ นอกจากห้องนอน วอล์กอินโคลเส็ท และ ห้องน้ำที่กว้างขวางแล้ว ตรงมุมใกล้ประตูห้องยังมี Butler Box ไว้สำหรับฝากของส่งของ โดยไม่ต้องรบกวนหรือเปิดประตูห้องด้วยค่ะ

เตียงนอนสัมผัสสบายมากๆ แค่ดูจากภาพก็น่าจะเห็นถึงความนุ่มฟูแล้ว ที่หัวเตียงยังมีแผลควบคุมไฟฟ้า แอร์ และ ม่านของทั้งห้อง และยังมีแท็บเล็ท ที่สามารถกดรีเควสท์สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ได้อีกด้วยค่ะ

วอล์กอินโคลเส็ทที่กว้างขวาง มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน และที่สำคัญ มีบริการรีดชุดให้ด้วย 5 ชิ้นต่อวันค่ะ

มาดูกันที่ห้องน้ำบ้างนะคะ ที่นี่ห้องน้ำกว้างขวาง และมีแสงธรรมชาติเข้า อ่างอาบน้ำใหญ่มาก ชอบ Amenity kit ในห้องน้ำมากกกก ซึ่งเดี๋ยวจะลงรายละเอียดไว้ด้านล่างนะคะ ประทับใจจริงๆ

ห้องชาวเวอร์มีทั้งฝักบัวและเรนชาวเวอร์ น้ำปรับอุณหภูมิง่ายมากกก อุ่นเร็วและคงที่ น้ำแรงมากค่ะ เติมแป้ปเดียวเต็มอ่างแล้ว ส่วนอ่างล้างหน้าเป็นแบบคู่ค่ะ

สิ่งที่นัทชอบมากที่สุดของ คาเพลลา คือรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่นัทคิดว่า จะได้สัมผัสตอนมาเข้าพักนี่แหล่ะค่ะ อย่างชุดคลุมที่นี่ก็มีสองแบบ แบบที่ใช้ในห้องน้ำจะเป็นแบบ Plush Terry ส่วนที่ใช้ในห้องนอนจะเป็นผ้าเบาสบายมากเลยค่ะ สิ่งที่นัทว่าแขกหลายคนเลิฟมาก คือ สลิปเปอร์ที่เป็นแบบรองเท้าแตะมีหูคีบ ใส่สบายและน่ารักมาก คล่องตัวมากๆ ด้วย อันนี้คือปลื้มมากค่ะ ตอนเทิร์นดาวน์ มียาอมแบบไทยมาด้วย

Amenity Kit ในห้องน้ำอย่างที่เกริ่นไป จะมีตัวที่เป็นกล่องที่ลายเรียงกันสวยมากๆ ของด้านในก็คุณภาพดีเลยค่ะ ยาสีฟันและน้ำยาบ้วนปากของ Marvis มีแปรงผมให้ด้วย ตัวหมวกคลุมอาบน้ำก็ลายน่ารักมากกกกกก เป็นลายไทยค่ะ สุดท้ายยังมี Bath Tea ซึ่งเป็นเหมือนถุงชาหอมมากๆ เพื่อใส่ลงในอ่างอาบน้ำค่ะ

ห้องนี้ ยังมีระเบียงด้านนอกที่สามารถมานั่งชมวิวได้ด้วยนะคะ

สำหรับมินิบาร์ของที่นี่ก็ complimentary อยู่แล้วยกเว้นเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์และขนมค่ะ เติมวันละครั้ง แต่ว่าตรงชุดชงชากับเครื่องทำกาแฟ จะมีขนมและคุ้กกี้ให้เป็นโหลอยู่นะคะ ชาเป็นชาที่ทำเป็น label ของคาเพลลาเองด้วยมีสี่ชนิดเลยค่ะ


Breakfast

มาชมอาหารเช้ากันนะคะ อาหารเช้าจะเสิร์ฟที่ห้องอาหารพระนคร ซึ่งเป็นห้องอาหารวิวสวยริมน้ำ และเป็นห้องอาหารไทยที่เราชอบมากๆ อีกด้วยค่ะ

สำหรับเมนูอาหารเช้าจะมีทั้งแบบให้ตักและมีให้สั่งในเมนู A la carte และเมนูที่นี่ก็มีตัวเลือกเยอะและน่าสนใจ มีความหลากหลาย ซึ่งนัทชอบมากๆ เลย

ทีเด็ดของที่นี่จะเป็น ปลาไหลอุนากิกับไข่ออนเซน มีข้าวปลาแซลมอนย่าง ต้มจืด ฮันนี่โทสท์ หมูปิ้ง ทูน่ารมควัน มีน้ำเต้าหู้ปาท่องโก๋ด้วยนะคะ ส่วนเมนูอาหารไทย พวกข้าวต้มข้าวผัด ผัดซีอิ๊วต่างๆ ก็มีค่ะ ชีส โคลด์คัท ผลไม้ เบเกอรี่ ครบครันมากๆ


Swimming Pool & Facilities

สระว่ายน้ำจะอยู่บริเวณตรงกลางของโรงแรม ซึ่งจากห้องเราก็จะเห็นวิวสระว่ายน้ำกับวิวแม่น้ำเจ้าพระยา และสวนสีเขียวสบายตาเชียวค่ะ ที่สระว่ายน้ำจะมีการเตรียมน้ำดื่ม ผ้าเช็ดตัว ครีมกันแดด ไว้ให้ด้วยค่ะ

นอกจากสระว่ายน้ำแล้ว ที่นี่ก็มีฟิตเนสที่ถือว่ามีบริเวณเยอะทีเดียวหากเทียบกับจำนวนห้องค่ะ มีสตูดิโอสำหรับคลาสและโยคะ ซึ่งอยู่ใน Capella Moments ด้วยค่ะ


Côte by Mauro Colagreco

ความปังของ คาเพลลา กรุงเทพฯ ยังไม่หมดแค่นั้น นะคะ ที่นี่ยังเป็นเดสติเนชั่นด้านอาหาร ซึ่งมีตั้งแต่ห้องอาหารมิชลินสตาร์หนึ่งดาว โดยเชฟที่ได้รับรางวัลร้านอาหารที่ดีที่สุดอันดับหนึ่งของโลก เจ้าของรางวัลมิชลินสามดาว อย่างเชฟ Mauro Colagreco ที่ส่งมือขวาอย่างเชฟ Davide Garavaglia มาอยู่ที่นี่ ซึ่งนับตั้งแต่เปิดในปี 2563 ตอนนี้ก็ใกล้จะครบสามปีแล้วค่ะ ซึ่งตั้งแต่ทางห้องอาหารเคยบอกไว้ตอนเปิดว่า จะไม่เสิร์ฟเมนูซ้ำ กลับมาทุกครั้งก็ไม่ซ้ำจริงๆ

อย่างเมนูล่าสุดนี่ นัทชอบมากๆ เลยนะคะ มีความน่าสนใจมาก เรียงคอร์สมาดี และคิดว่ามีรสชาติเข้มข้นขึ้น ซึ่งนัทเขียนไว้ในรีวิวฉบับเต็ม สามารถไปอ่านได้ที่ >> [รีวิว] Côte by Mauro Colagreco ห้องอาหารมิชลินสตาร์หนึ่งดาว ณ โรงแรม Capella Bangkok [ฉบับอัพเดท]


STELLA

เชื่อว่าหลายคนต้องเคยเห็นนกยูงสีขาวอันเป็นเอกลักษณ์ของบาร์แห่งนี้ บาร์แห่งนี้ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาเช่นกันค่ะ นอกจากความสวยงามของบาร์แห่งนี้ที่ดึงดูดผู้คนมาแล้ว ตอนนี้ มีเมนูใหม่ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากผู้หญิงสี่คนที่มีบทบาทในวัฒนธรรม Mixology แบบที่เรารู้จักกันในวันนี้ ทำได้ดีและมีคาแรคเตอร์มากๆ

ในช่วง 17.00 – 18.00 น. ของทุกวันก่อนที่จะเปิดให้บริการ ที่ Stella จะมีกิจกรรม Cin Cin hour ที่มาจากภาษาอิตาเลียน ที่หมายถึงการชนแก้ว cheers เสิร์ฟค็อกเทลซิกเนเจอร์จากเมนู และเครื่องดื่มอื่นๆ ทั้งไวน์ เบียร์ น้ำผลไม้ และ ม็อกเทล สำหรับแขกผู้เข้าพัก ทำให้ประสบการณ์การเข้าพักที่นี่สมบูรณ์แบบมากเลยค่ะ


Capella Moments

ในทุกวัน ทางรีสอร์ทจะมีโปรแกรม Sun Salutation หรือ โยคะรับวันใหม่ในช่วง 7 โมงเช้า ตามด้วยคลาสออกกำลังกายที่เปลี่ยนไปทุกวัน ในเวลา 11.00 น. มีทั้งคลาส HIIT, มวยไทย, บอดี้เวท ฯลฯ จากนั้น ช่วงเวลา 16.00 น. จะเป็นกิจกรรมที่มีความเกี่ยวข้องกับวัฒนธรรมไทย ที่แม้แต่นัทเองก็สนุกนะคะ วันที่นัทไป เป็นการทำขนมต้ม เพิ่งเคยทำครั้งแรกเลยค่ะ ส่วนวันอื่นๆ ก็อาจจะมีเพ้นท์หน้ากากโขน ทำร่มบ่อสร้าง น่าสนุกมากๆ เสร็จแล้วก็ไป Cin Cin Hour ที่ Stella ก็จะคอมพลีทสุดๆ เลยค่ะ

อย่าลืมจอง Capella Moments เหล่านี้ กับ Capella Culturist ตอนเช็คอินด้วยนะคะ


Auriga Spa

สปาของเครือคาเพลลานั้น ถือเป็นสปาที่ได้รับรางวัลระดับโลก และถือเป็น hidden gem ของที่นี่เลยค่ะ แม้จะไม่ได้เข้ามาทำทรีทเม้นท์ ที่นี่ก็ยังมี Vitality Pool และ การบำบัดด้วยน้ำแบบ Rain Experience รวมถึงที่นอนหินที่ปรับอุณหภูมิให้อุ่นและผ่อนคลายมากๆ ภายในโซนนี้ ยังมีห้องแต่งตัว ห้องอาบน้ำ แยกส่วนอย่างดี มีเครื่องปั่นชุดว่ายน้ำให้ด้วยนะคะ หรือหากไม่ได้นำชุดว่ายน้ำมา ก็สามารถใส่กางเกงในและบราแบบใช้แล้วทิ้งที่เค้ามีเตรียมไว้ให้ได้ค่ะ

ส่วนใครมีเวลา และ อยากพักผ่อนเต็มที่ นัทขอแนะนำให้ลองทำทรีทเม้นท์ที่นี่นะคะ เพราะทรีทเม้นท์มีความน่าสนใจหลายแผนเลย ที่สำคัญ เตียงนวดที่นี่สบายมาก มีการใช้ผ้าเรียบรองหน้าแบบไม่กดผิวเลย เตียงปรับขึ้นลง และ ปรับอุณหภูมิอุ่นได้ ถือว่าดีมากๆ เลยค่ะ ส่วนนัทนวดน้ำมัน ก็จะมีสี่กลิ่น ตั้งชื่อว่า ปิง วัง ยม น่าน ตามแม่น้ำทั้งสี่สายที่มาเป็นเจ้าพระยา


Phra Nakhon Restaurant

หากพูดถึงห้องอาหารไทยริมน้ำ บรรยากาศดี นัทนึกถึงที่นี่ และ แนะนำตลอดเลยค่ะ หมูกรอบผัดพริกเกลือกับปลาอบตะไคร้คือเดอะเบสท์ พาใครมาก็ไม่เคยผิดหวังค่ะ ที่นี่เสิร์ฟอาหารไทย รสชาติจัดจ้าน ไม่มีประนีประนอมให้คนต่างชาตินะคะ ส้มตำปูปลาร้า คือ ส้มตำปูปลาร้าเลย ซึ่งเชฟที่ดูแลอยู่ตอนนี้ จะเป็นเชฟกรรณิกา ผู้มีประสบการณ์การทำอาหารในโรงแรมชั้นนำทั่วโลกกว่ายี่สิบปี รสมือดีมากค่ะ

เที่ยงวันอาทิตย์เว้นอาทิตย์ที่นี่ ยังมี Sunday Seafood Lunch ซึ่งเต็มตลอดด้วยนะคะ ล็อบสเตอร์ กุ้งแม่น้ำทำสดใหม่ หอยนางรมสดๆ ยำซีฟู้ดชิ้นโต เมนู A La Carte ที่สั่งได้ตลอด เป็นมื้อวันอาทิตย์ที่นัทชอบมาทานกับครอบครัวมากๆ ค่ะ จองล่วงหน้าหน่อยนะคะ


สุดท้ายนี้ นัทยังยืนยันว่า สิ่งที่ชอบเกี่ยวกับที่นี่ นอกจากทุกจุดที่สมกับเป็นโรงแรมระดับ Luxury แล้ว นัทชอบรายละเอียดยิบย่อยของทางโรงแรม ที่อาจจะไม่ได้เห็นในภาพ แต่จะได้รู้สึกตอนที่มาสัมผัสจริงๆ ค่ะ ภายในโรงแรม มีงานศิลปะอยู่เต็มไปหมด ส่วนที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือ Florist ซึ่งจัดดอกไม้แต่ละจุดเป็นธีมที่แตกต่างกันไป แต่สวยมากๆ ทุกจุดเลยค่ะ แค่เดินเห็นดอกไม้ทั่วโรงแรม ก็เพลินมากแล้วค่ะ สุดท้ายก็ยังเป็นความร่มรื่น เงียบสงบ เหมือนไม่ได้อยู่ในกรุงเทพจริงๆ ไม่แปลกใจว่าทำไมที่นี่ได้รับรางวัลโรงแรมที่ดีที่สุดในกรุงเทพฯ จาก Travel + Leisure World’s Best Awards 2023 ด้วยค่ะ


โรงแรม คาเพลลา กรุงเทพฯ (Capella Bangkok)

ตั้งอยู่บนถนนเจริญกรุง มีบริการที่จอดรถ และ Valet Parking

Website : https://www.capellahotels.com/en/capella-bangkok
Tel. : 02-098-3888

error: