[รีวิว] Anantara Mai Khao Phuket Villas วิลล่าแสนสวยสุดโรแมนติก บนหาดไม้ขาว จ. ภูเก็ต

“หาดไม้ขาว” อาจจะคุ้นหูสำหรับใครที่อยากมาถ่ายรูปคู่กับเครื่องบินแลนดิ้งบนหาดทรายสวยๆ แต่อันที่จริงแล้ว หาดไม้ขาวแห่งนี้ เป็นหาดที่ยาวถึง 10 กม. มีบรรยากาศที่เงียบสงบ และเดินทางไม่ไกลจากสนามบินภูเก็ตเลยค่ะ บนหาดแห่งนี้ มีรีสอร์ทตั้งอยู่หลากหลาย แต่หนึ่งในรีสอร์ทที่มีคะแนนรีวิวสูงและมีคอมเม้นท์พูดถึงในทางที่ดีมากๆ เห็นจะเป็น โรงแรม อนันตรา ไม้ขาว ภูเก็ต วิลล่าส์ (Anantara Mai Khao Phuket Villas) ที่เราได้มีโอกาสมาพักกันในครั้งนี้

ในจังหวัดภูเก็ตนั้น จะมีโรงแรมของเครืออนันตราอยู่ 4 แห่งนะคะ คือ 1. อนันตรา ไม้ขาว ภูเก็ต วิลล่าส์ ในรีวิวนี้

2. ฝั่งตรงข้ามกันเลยจะมี อนันตรา ภูเก็ต สวีทส์ แอนด์ วิลล่าส์ ซึ่งจะแตกต่างกันที่ ตัวสวีทส์แอนด์วิลล่าส์นั้น เน้นสำหรับครอบครัว หรือแขกที่พักยาวค่ะ เพราะมีห้องครัวพร้อมอุปกรณ์ครบครัน มีให้เลือกตั้งแต่ 1 ถึง 4 ห้องนอนเลยค่ะ ใครอยากมาฟีลบ้านพักตากอากาศ ทำอาหารเอง มีเครื่องซักผ้า คล้ายๆ อนันตรา เซอร์วิส สวีทส์ที่เราไปมาที่เชียงใหม่ ก็ต้องเลือกที่นี่ค่ะ

3. อนันตรา เวเคชั่นคลับ ไม้ขาว ภูเก็ต ซึ่งถือเป็นคนละพร๊อพเพอร์ตี้กับที่เราไปนะคะ โดยปกติ โรงแรมของ อนันตราที่มีชื่อ เวเคชั่นคลับ จะมีระบบสมาชิก ซึ่งอันนี้นัทไม่แน่ใจเรื่องรายละเอียดเหมือนกันค่ะ แต่จะเป็นคนละที่กับที่เราไปครั้งนี้ค่ะ

4. อนันตรา ลายัน ภูเก็ต รีสอร์ท บนหาดลายัน เป็นอีกหนึ่งโรงแรมของเครืออนันตราที่ห้ามพลาดเลยค่ะ

สำหรับจุดเด่นของ โรงแรม อนันตรา ไม้ขาว ภูเก็ต วิลล่า (Anantara Mai Khao Phuket Villas) แห่งนี้ คือทุกๆ ห้อง เป็นแบบพูลวิลล่าทั้งหมด ไม่มีห้องบนอาคาร และ ทุกห้องมีสระว่ายน้ำส่วนตัวค่ะ! ซึ่งการที่ทุกห้องเป็นวิลล่าแนวราบ ทำให้ทั้งรีสอร์ทได้บรรยากาศที่ร่มรื่นย์ เหมือนอยู่ในสวนริมบึงเขียวขจีและมีเสียงนกเบาๆ ให้เราได้รู้สึกถึงการพักผ่อนอย่างแท้จริงเลยค่ะ

อีกอย่างที่เราเห็นตอนเข้าไปอ่านรีวิวโรงแรมบนเว็ป Booking.com และ ทริปแอดไวเซอร์ จะเห็นนักท่องเที่ยวมาฮันนีมูนที่นี่กันเยอะมากทีเดียว ซึ่งเราเองก็คิดว่า นอกจากการมาพักผ่อนแบบอยู่ในรีสอร์ททั้งวันที่ภูเก็ตแล้ว อนันตรา ไม้ขาว ภูเก็ต วิลล่า นั้น ยังเหมาะกับการฮันนีมูนและการฉลองโอกาสพิเศษอีกด้วยค่ะ เพราะอะไรนั้น ติดตามเข้าไปชมภายในรีสอร์ทกับเราเลยนะคะ!

จองห้องพักราคาพิเศษสำหรับคนไทยและผู้อาศัยในประเทศไทย คลิ๊กที่นี่
//หารถเช่าภูเก็ตราคาถูก >> คลิ๊กที่นี่


Sala Pool Villa 

สำหรับ Room Types หลักๆ ของที่นี่ จะแบ่งเป็น Pool Villa, Lagoon Pool Villa และ Sala Pool Villa ค่ะ

โดยทุกห้องตั้งแต่ Pool Villa จะมีลักษณะของวิลล่า ห้องนอน และ สระว่ายน้ำที่เหมือนกัน แต่จะแตกต่างกันที่ Lagoon Pool Villa จะอยู่ริมบึงกลางรีสอร์ท และ Sala Pool Villa จะอยู่ริมบึงและมีศาลายื่นออกไป

ส่วน Room Types แบบอื่นๆ ก็จะมีแบบวิลล่า 2 ห้องนอน หรือ แบบเชื่อม 2 วิลล่าเข้าด้วยกัน ไปจนถึง Jim Thompson Royal Villa ที่มีเพียงหลังเดียวในรีสอร์ทค่ะ

ดีไซน์ที่เราชอบมากๆ จนเป็นจุดที่คิดว่าจะทำให้เรากลับไปพักผ่อนที่นี่อีก ได้แก่

1) เลย์เอาท์ของห้องที่เปิดโล่งถึงกันได้หมด จะลุกจากเตียงมากระโดดลงน้ำ หรือจะนั่งเล่นเอาเท้าแช่น้ำก็ได้

2) อ่างอาบน้ำขนาดใหญ่ที่น่าจะลงพร้อมกันได้ทั้งครอบครัว เป็นอ่างอาบน้ำที่อยู่ในสระว่ายน้ำอีกที ข้อดีคือ ถ้ารู้สึกอยากแช่น้ำอุ่นๆ ทั้งตอนเช้าหรือตอนกลางคืน ก็ออกมาแช่น้ำ มองดูดาวได้ แต่ถ้าอากาศร้อนๆ อยากแช่น้ำเย็นๆ ก็กระโดดลงสระได้เลย

ถามว่าเราชอบแค่ไหน ก็บอกได้แค่ว่า เราอยู่ 4 วัน 3 คืน ไม่ได้ออกไปนอกรีสอร์ทเลยค่ะ

ประตูไม้ทางด้านขวาของรูปเป็นทางเข้าวิลล่า ซึ่งเป็นระบบคีย์การ์ดตั้งแต่ตรงนี้เลยค่ะ ดีงามเป็นส่วนตัวมาก

นอกจากตัววิลล่าเองแล้ว พื้นที่บริเวณ Outdoor ในวิลล่ายังมีความกว้างขวาง และถูกออกแบบมาให้ใช้งานได้จริงๆ ค่ะ จากรูปด้านล่าง ประตูที่เปิดออกปลายสระว่ายน้ำ จะเป็นวิวของบึงลากูนที่บอก และ ช่องประตูเล็กๆ จะเป็นทางเดินลงไปยังศาลาค่ะ ส่วนถ้าใครเลือกห้อง Pool Villa เฉยๆ จะไม่มีประตูตรงนี้ นอกจากนี้ เหมือนกันทั้งหมดค่ะ

มาดูภายในห้องกันบ้างนะคะ เตียงใหญ่ดูดวิญญาณมาก ล้มตัวลงนอนทีไร เผลอหลับไปทุกที

ภายในห้องมีพื้นที่กว้างมาก มีทั้งโซฟา โต๊ะทำงาน สิ่งอำนวยความสะดวกพื้นฐานที่นี่มีครบหมดอยู่แล้ว ถ้าได้อ่านรีวิวเครือโรงแรมอนันตราที่เคยไป จะทราบดีค่ะว่า ที่นี่เตรียมสิ่งอำนวยความสะดวกไว้ให้เกินกว่าที่เราจะนึกถึงเสมอ แสดงให้เห็นถึงความใส่ใจจริงๆ

มินิบาร์ที่มีครบครัน ชากาแฟ สามารถดื่มได้เลยค่ะ และแน่นอนว่า เราชอบมากที่ทางโรงแรมใช้ตู้เย็นแยกกับตู้แช่ไวน์

เตารีด โต๊ะรีด เสื่อโยคะ ยากันยุง สเปรย์ฉีดหมอน ตู้เซฟ รองเท้าแตะ ยาสีฟัน ยางรัดผม สำลี bath salt ไปจนถึง After Sun ไว้ทาหลังออกแดด ทั้งหมดนี้ มีเตรียมไว้ให้แล้วนะคะ มาตัวเปล่ายังได้ มาช่วงนี้ก็จะมีสเปรย์แอลกอฮอลล์และหน้ากากอนามัยเตรียมไว้ให้ด้วยค่ะ

สังเกตว่า ที่นี่จะไม่เห็นขวดพลาสติกแล้วค่ะ ทั้งเครื่องดื่มและของใช้ในห้องน้ำ ใช้หลอดกระดาษเสิร์ฟเครื่องดื่มเราทุกครั้งเลย

อ่างอาบน้ำอยู่ด้านนอก ส่วนด้านในเป็นชาวเวอร์และเรนชาวเวอร์ อีกห้องเป็นห้องชักโครกค่ะ

ด้านนอกมีพื้นที่ให้นั่งเล่นเช่นกันค่ะ

ตรงนี้เป็นตัวศาลาที่ยื่นออกมาบนลากูน ซึ่งจะมีเฉพาะ Room type แบบ Sala Pool Villa และ วิลล่าส์แบบสองห้องนอน ค่ะ


Around the resort

พื้นที่รอบๆ ก็จะรู้สึกเขียวขจี และ สงบมาก วันที่เราไปเป็นเสาร์อาทิตย์ แขกเข้าพักค่อนข้างเยอะ แต่เราแทบไม่เจอใครเลย ยกเว้นช่วงอาหารเช้าค่ะ ถือว่าดีทั้งในแง่ของ social distancing และ บรรยากาศที่ผ่อนคลาย

สวนบริเวณส่วนกลางและรอบๆ ออกแบบโดยคุณ Bill Bensley สถาปนิกชื่อดังที่ออกแบบรีสอร์ทสวยๆ มาหลายแห่งแล้วค่ะ ที่นี่สวนสวย ดูมีมิติมาก ภายในรีสอร์ท สามารถเรียกบั๊กกี้ได้เสมอ แต่ส่วนตัวเราชอบปั่นจักรยานมากๆ

ขอพูดถึงโลเคชั่นของรีสอร์ทกันซักนิดนึงนะคะ ข้อดีของการพักที่หาดไม้ขาวคือ หาดค่อนข้างส่วนตัว ไม่ใช่หาดปาร์ตี้พลุกพล่าน  อยู่ไม่ไกลจากสนามบิน และหากใครจะไปเที่ยวแถวอ่าวพังงาด้านบน ก็จะขับรถใกล้กว่า แต่ข้อเสียคือ หากใครคิดว่าจะมาเที่ยวในตัวเมืองภูเก็ต หรือทริปดำน้ำล่องเรือที่ต้องไปขึ้นท่าฉลอง จะใช้เวลาขับรถประมาณหนึ่งชั่วโมงนิดๆ ค่ะ ส่วนตัวคิดว่า รีสอร์ทแห่งนี้ เหมาะกับการมาอยู่ชิลล์ยาวๆ ไม่ต้องมีแพลนไปไหนเยอะๆ ค่ะ

จองห้องพักราคาพิเศษสำหรับคนไทยและผู้อาศัยในประเทศไทย คลิ๊กที่นี่ 


La Sala Restaurant (Breakfast and All Day Dining)

มาชมห้องอาหารห้องแรกค่ะ ห้องอาหารนี้ อยู่ไม่ไกลจากล็อบบี้ทางเข้าเลยค่ะ มีชื่อว่า La Sala เสิร์ฟอาหารเช้า และ เมนู All Day Dining จะเป็นอาหารไทยและอินเดีย! ใช่แล้วค่ะ อาหารอินเดียที่นี่เด็ดมากกกกกกก แบบมากกกก ถึงไม่มาพักที่นี่ จะแวะมาทานอาหารอินเดียอย่างเดียว เราก็ Highly Recommend เลยค่ะ

ตัดกลับมาที่อาหารเช้ากันก่อน ช่วงนี้จากสถานการณ์ Covid19 ก็จะไม่มีอาหารเช้าเป็นไลน์บุฟเฟ่ต์วางไว้นะคะ แต่เมนูที่ให้สั่งก็จัดเต็มครบทุกรายการค่ะ

ความเก๋ของการนั่งทานอาหารเช้าริมสระบัวคือ ทานๆ ไป จะมีเรือผลไม้และขนมหวาน แจวผ่านมาเทียบท่าทีละโต๊ะเลยค่ะ บอกเลยว่า ลุกทุกโต๊ะ เป็นโมเม้นท์ที่สร้างความพิเศษและประทับใจมากเลย

อาหารเช้าก็หลากหลายค่ะ พวกข้าวต้ม หรือ อาหารเช้าเบสิคมีครบอยู่แล้ว แต่ที่ชอบก็จะมี Hummus ซึ่งเป็นอาหารอาหรับ มีทูน่ารมควัน อันนี้ก็ชอบค่ะ

ที่นั่งด้านในห้องแอร์ค่ะ

นอกจากอาหารเช้าแล้ว ยังมีเมนูอาหารไทย และ เมนูอาหารอินเดีย เสิร์ฟที่ห้องนี้อีกด้วย สำหรับเมนูอาหารไทย เราเป็นคนทานรสไม่เผ็ดมาก เลยชอบอาหารรสชาติแบบนี้มากๆ กลมกล่อม คิดว่าอาหารและคุณภาพของวัตถุดิบทำได้ดีเลยค่ะ แต่ยอมรับตรงๆ ว่า เมนูอาหารไทยราคาค่อนข้างสูงนิดนึง เรียกว่าเป็นราคาแบบรีสอร์ทหรูในเมืองท่องเที่ยวอะไรประมาณนั้นเลยค่ะ (เลยเข้าใจว่า ถ้านักท่องเที่ยวต่างชาติมาพักผ่อนจะไม่รู้สึกว่าราคาสูง เพราะเวลาเราไปเมืองท่องเที่ยวต่างประเทศ ก็ราคานี้ค่ะ)

กุ้งผัดฉ่า (850 บาท), แกงปูใบชะพลู (650 บาท), เป็ดย่างน้ำมะขาม (520 บาท), ข้าวผัดภูเก็ต (420 บาท), แกงเผ็ดเป็ดย่าง (590 บาท)

Triffin by La Sala

แต่ที่นี่อย่างที่บอกว่ามีเมนูอาหารอินเดีย ภายใต้ชื่อ Triffin by La Sala พอเป็นเมนูอาหารอินเดีย เนื่องจากราคาอาหารอินเดียในกรุงเทพฯ เอง ก็ไม่ได้ต่ำมาก ทำให้รู้ว่าอาหารอินเดียที่นี่ราคาไม่แพงขนาดนั้น และอร่อยมากๆ ถึงขั้นขอเชิญเชฟมาชม เชฟเป็นคนมุมไบค่ะ ทำอาหารอินเดียได้แบบ กลมกล่อม เข้มข้น แกงเนียนละมุนมาก ทานได้แน่นอน หากใครมีโอกาสมาแถวนี้ แม้จะไม่ได้พักที่นี่ ก็ขอเชิญชวนให้มาลองทานกันนะคะ

Saffroni Butter Chicken (480 บาท), Dal Anantara (350 บาท, มันคือ Dal Makhani ซึ่งเค้าใช้ชื่อโรงแรมเลย เลยต้องสั่งซักหน่อย), Garlic Naan (100 บาท) อร่อยยยยยยแบบเอานานปาดแกงทุกหยดในจาน

ห้องอาหาร La Sala เปิดทุกวันสำหรับอาหารเช้า เวลา 7.00 – 11.00 น. และ มื้อเที่ยงและเย็น เวลา 12.00 – 22.30 น.

เฉพาะช่วงโควิด 19 : เปิดทุกวันศุกร์ – จันทร์ เวลา 12.00 – 22.00 น. สำหรับมื้อเที่ยงและเย็น


Floating Breakfast 

แน่นอนว่า เมื่อพักพูลวิลล่าแล้ว สิ่งที่ขาดไม่ได้ก็คือ อาหารเช้าลอยน้ำ หรือ Floating Breakfast ซึ่งจะเลือกสั่งได้ตามเมนู In-Villa Dining ได้เลยค่ะ

แต่ระดับอนันตรา ไม่ธรรมดา ตะกร้าลอยน้ำเป็นรูปหัวใจ มาพร้อม Romantic Bath Set-Up ซึ่งมาในแพ็กเกจ Lovecation Romantic Offer บนหน้าเว็ปไซต์นะคะ (จองห้องพักราคาพิเศษสำหรับคนไทยและผู้อาศัยในประเทศไทย คลิ๊กที่นี่ ) แต่ถ้าใครไปเอง จะขนดอกที่ชอบไปโรยอ่างเอง ก็ไม่มีใครว่าอะไรนะคะ


Sea. Fire. Salt.

หนึ่งในห้องอาหารที่นับว่าโดดเด่นมากๆ บนหาดไม้ขาว ต้องยกให้ Sea. Fire. Salt. ค่ะ โดยชื่อก็ตรงตัว ห้องอาหารริมทะเล ที่มีวัตถุดิบสดๆ จากทะเล มีการกริลล์ด้วยไฟเป็นหลัก และ มีเกลือจากทุกมุมโลกมารวมไว้เพื่อเลือกใช้กับอาหารแต่ละชนิดค่ะ

อย่างเมนูที่เราสั่งวันนี้ จะได้ใช้เกลือหลักๆ 3 ชนิด คือ เกลือภูเขาไฟจากฮาวาย มีรสชาติที่ลึกและเข้มข้น เกลือจากญี่ปุ่นที่มีรสชาติกลมกล่อม และ เกลือไวกิ้งรมควัน จากนอร์เวย์ ซึ่งมีกลิ่นรมควันที่เป็นเอกลักษณ์มากๆ โดยพนักงานจะแนะนำว่าอันไหนควรใช้กับจานซีฟู้ด เนื้อ หรือ สลัด ค่ะ

Truffle Cream (ราคา 410 บาท) ซุปเห็ด Porcini ทรัฟเฟิล ปรุงรสด้วยเกลือหิมาลัย รสชาติดี เข้มข้น หอมกลิ่นทรัฟเฟิล แนะนำค่ะ

Black Crab from the Andaman Sea (ราคา 610 บาท) จานนี้เหมือนหลุดออกมาจากร้านอาหารไฟน์ไดนิ่ง เนื้อปูหวานๆ ที่เสิร์ฟมาพร้อมกับ อโควาโด้ มันแกวหวาน โรยด้วยเกลือ Rosella Salt เข้ากันดีมาก เสียดายที่พอร์ชั่นเล็กไปนิดนึงค่ะ อยากทานต่อ

Andaman Seafood Platter on a Himalayan Salt Brick (ราคา 2500 บาท) ซีฟู้ดรวม ตั้งแต่ล็อบสเตอร์เจ็ดสีของภูเก็ต ไปจนถึง ปลากระพง กุ้ง และ หอยเชลล์ เสิร์ฟบนแผ่นเกลือ โดยเราจะรอให้อาหารซับแร่ธาตุจากเกลือเข้าไปซักนิด แล้วค่อยทานค่ะ น้ำจิ้มมี 2 แบบ เอาใจทั้งคนไทยและต่างชาติเลย

ชอบเมนูไวน์ที่นี่มากกกก สามารถเลือกได้ว่า อยากได้ไวน์ประมาณไหน ชนิดไหน โปรแกรมก็จะแสดงเป็นขวดพร้อมฉลากมาเลยค่ะ ถูกใจคอไวน์แน่นอน

ด้านหน้าห้องอาหาร Sea.Fire.Salt. จะเป็นที่อยู่ของ Infinity Bar ซึ่งเป็นพูลบาร์ริมทะเลของที่นี่ มีค็อกเทลซิกเนเจอร์ชื่อว่า OriGIN ซึ่งทำมาจากเหล้าจิน ที่ทางอนันตราหมักขึ้นมาเองค่ะ ตรงนี้บรรยากาศดีมาก

ห้องอาหาร Sea.Fire.Salt เปิดเวลา 12.00 – 22.30 น.

เฉพาะช่วงโควิด 19 : เปิดทุกวันอังคาร – เสาร์ เวลา 12.00 – 22.00 น.


Anantara Spa

มาพักผ่อนกันทั้งที เราเลยจัดสปาเป็น Anantara Signature Massage กันไป 90 นาที สปาที่นี่จะตั้งอยู่กลางสระบัว กว้างขวาง สะอาด

ส่วนการนวด Signature Massage จะเป็นการนวดกึ่งนวดไทยผสมนวดอโรม่า ซึ่งจะใช้น้ำมันอุ่น (ตอนชโลมน้ำมันลงมารู้สึกฟินมาก) แล้วค่อยๆ นวดรีดเส้นไป ผ่อนคลายดีมาก


The Tree House

อีกหนึ่งห้องอาหาร ที่มีลักษณะเป็นบาร์ ไว้นั่งทาน Snack และ เครื่องดื่มชิวๆ The Tree House เป็นห้องอาหารที่ตั้งอยู่ชั้นบน มีลักษณะเหมือนเราขึ้นมาอยู่บนบ้านต้นไม้จริงๆ บันไดเดินขึ้นจะเป็นการวนรอบต้นไม้ใหญ่ขึ้นมา ด้านบนมีสระบัวเล็กๆ เป็นวิวสวนรอบๆ รีสอร์ทไปจนถึงทะเลเลยค่ะ เรื่องวิว เรายกให้ห้องอาหารนี้เลย (แต่เป็นเอาท์ดอร์ทั้งหมดนะคะ)

ที่นี่จะมีอาฟเตอร์นูนที ช่วง 14.00 น. เป็นต้นไป (แนะนำให้จองกับทางโรงแรมก่อนนะคะ) ส่วนกลางคืนจะเป็นบาร์เสิร์ฟค๊อกเทลและเครื่องดื่มมากมายเลยค่ะ มี Happy Hour ด้วย

เซ็ทน้ำชายามบ่าย Afternoon Tea ก็จัดเต็มมาก มีขนมคาวหวานกว่า 16 ชนิดกันเลยทีเดียวค่ะ

ห้องอาหาร The Tree House เปิดทุกวัน 12.00 – 10.30 น.

เฉพาะช่วงโควิด 19 : เปิดทุกวันศุกร์ – อาทิตย์ เวลา 15.00 – 24.00 น.


Leisure

กิจกรรมและสิ่งอำนวยความสะดวกส่วนกลางก็มีมากมายเลยค่ะ ตั้งแต่สระว่ายน้ำขนาดใหญ่ พร้อม Daybed ฟิตเนส สนามเทนนิส ห้องสมุดและบิสสิเนสเซ็นเตอร์ ร้านขายของที่ระลึก

รีสอร์ทมีกิจกรรมสำหรับแขกทุกวันค่ะ ไม่ว่าจะเป็น Bike Tour, โยคะ, ไทเก๊ก มีสอนเทนนิสด้วย

กิจกรรมทางน้ำ มีทั้งคายัคและ แพดเดิลบอร์ดให้บริการ ไปจนถึง วินด์เซิร์ฟและเรือใบด้วยนะคะ ครบมากๆ ส่วนเราไปร่วมคลาสโยคะริมทะเลมาค่ะ เวลาได้โฟกัสไปปลายสุดขอบฟ้าตรงทะเล นี่ทำให้เรานิ่งและทำท่าที่ใช้บาลานซ์ได้ดีกว่าปกติมากเลยค่ะ

หากใครอยากออกไปทานอาหารด้านนอก ติดกับรีสอร์ทมีทางเดินเชื่อมกันจะมีคอมมิวนิตี้มอลล์ชื่อ Turtle Village อยู่ค่ะ มีร้านอาหารฟาสท์ฟู้ดและร้านอาหารเชนดังๆ หลายร้านเลยค่ะ สรุปว่า มาพักที่นี่ก็ไม่ต้องออกไปไหนจริงๆ แหล่ะ


Dining by Design

มากันที่มื้อพิเศษที่โรแมนติกแบบสุดๆ เป็น Dining by Design ซึ่งปกติทางโรงแรมจะจัดให้ริมทะเลค่ะ เราขอชื่นชมสปิริตของทีมพี่ๆ พนักงานที่ช่วยกันจัดเซ็ตติ้งตรงนี้เลย คือช่วงที่เราไปเป็นหน้าฝน ฝนตกๆ หยุดๆ บทจะหยุดยาวก็หยุดไปเลย ตอนประมาณ 6 โมง ฝนยังไม่มา แต่ครื้มๆ ทางทีมก็จัดเซ็ตติ้งไว้ริมทะเลอย่างสวยงามเลยค่ะ สวยจริงๆ มีตะเกียงจุดเทียน ตามทางเดิน แล้วเป็นตำแหน่งที่ไพรเวท คนอื่นเดินเข้ามาไม่ได้

แต่ประมาณ 6 โมงครึ่งฝนก็เทค่ะ ทางทีมเลยใช้แพลนบี เปลี่ยนมาจัดในห้องเก็บไวน์ Wine Cellar ส่วนตัว ซึ่งมีโต๊ะเราโต๊ะเดียว สวยงามมากๆ ไม่แพ้กันเลย บรรยากาศดี ตรงไฟห้อยๆ สวยอลังการมาก กลายเป็นว่า จริงๆ ห้องนี้ก็ดีนะคะ แอร์เย็นฉ่ำ ผมหน้าม้าไม่ปลิว 😂😂😂

อันนี้บรรยากาศที่ทีมเซ็ทเตรียมไว้ สวยงามมาก นำซีฟู้ดมากริลล์กันตรงนั้นเลย แต่จุดนั้น แก้วไวน์ปลิวไปต่อหน้าต่อตา เลยยอมไปในห้องค่ะ 😂

เมนูเลือกได้นะคะ แต่ละเมนูจะมีราคาแตกต่างกันไป มีโอกาสพิเศษอะไร คุยกับทางโรงแรมได้เลยค่ะ เนรมิตให้ได้หมด เราทานคอร์สซีฟู้ด เป็นซุปแมคคาเรลเย็น กุ้งซอสโยเกิร์ต และ ภูเก็ตล็อบสเตอร์ค่ะ ของหวานเป็น ครัมเบิลสัปปะรด


Spice Spoons Cooking Class

อีกหนึ่งกิจกรรมที่เราสามารถทำได้ (มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม) คือ Cooking Class ค่ะ โดยคลาสเรียนทำอาหารของอนันตราจะใช้ชื่อว่า Spice Spoons ซึ่งเป็นกิจกรรมยอดฮิตสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเลย ส่วนเราเอง ก็รีเควสท์เป็นเมนูอาหารใต้ซะหน่อย มาถึงภูเก็ตทั้งที เชฟเลยสอนทำ สะเต๊ะไก่ และ แกงปูใบชะพลูค่ะ

สะเต๊ะนี่พีคอยู่นะคะ ไม่เคยทำตั้งแต่ศูนย์ เพิ่งรู้ว่าต้องใช้สมุนไพรเยอะขนาดนี้ จึงทำให้ออกมาหอมและอร่อย เราได้ทำน้ำจิ้มกับอาจาดเองด้วยนะคะ คั่วและโขลกสมุนไพรเองเลย สนุกดีค่ะ แกงปูเค้าให้ปูมาใส่เยอะมากเลยค่ะ ทำไปปรุงไป พี่เชฟค่อยๆ ช่วยดูไป ทำไปทำมา รสชาติไม่เหมือนแกงปูของเชฟที่ทานวันก่อน แต่สะเต๊ะนี่มั่นใจมาก อร่อยนะคะ 😂

บอกเลยว่า เวลา 4 วัน 3 คืนผ่านไปอย่างรวดเร็วมากๆ กินๆ นอนๆ ทำกิจกรรม แค่นี้ก็มีความสุขแล้วค่ะ

จองห้องพักราคาพิเศษสำหรับคนไทยและผู้อาศัยในประเทศไทย คลิ๊กที่นี่
//หารถเช่าภูเก็ตราคาถูก >> คลิ๊กที่นี่


โรงแรม อนันตรา ไม้ขาว ภูเก็ต วิลล่าส์ (Anantara Mai Khao Phuket Villas)

อยู่บนหาดไม้ขาว ใช้เวลาประมาณ 15-20 นาทีจากสนามบินภูเก็ต

เว็ปไซต์ : https://www.anantara.com/en/mai-khao-phuket/
โทร. : 076-336-100
อีเมล์ : reserveanantara@anantara.com

error: