[รีวิว] ‘Book of Love’ ชุดอาฟเตอร์นูนที รับวันวาเลนไทน์ 2021 จากโรงแรม แมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ
หลายๆ ท่าน คงคุ้นเคยกับห้องจิบชาระดับตำนานของกรุงเทพฯ อย่าง The Author’s Lounge ที่รับแขกสำคัญระดับโลกมากว่า 140 ปี ด้วยการตกแต่งที่หรูหรา แต่สบายตา ในอาคารสถาปัตยกรรมแบบโคโลเนียล พร้อมการบริการอันเป็นเลิศ จึงทำให้ที่นี่กลายเป็นที่รักของทั้งชาวกรุงเทพฯ และ ผู้มาเยือนเสมอมา
ในช่วงปกติ ทางห้อง The Author’s Lounge จะเสิร์ฟ ชุดน้ำชายามบ่ายแบบไทย, แบบตะวันตก และ แบบมังสวิรัติ แต่สำหรับเดือนแห่งความรักนี้ ตลอดทั้งเดือน ทางโรงแรมจะเสิร์ฟชุด “Book of Love” ซึ่งเป็นหนังสือเรื่องราวความรัก ที่ขนมหวานและของว่างทั้ง 13 ชิ้น ผ่านการคิด สร้างสรรค์ และ มีเรื่องราวอยู่ในทุกคำเลยค่ะ
เริ่มชุดด้วยความสดชื่นด้วย Rose Champagne Sorbet เย็นชื่นใจกันก่อนค่ะ
สำหรับห้อง The Author’s Lounge จะใช้ชาของ TWG มีทั้งเมนูร้อนเย็นค่ะ และ สำหรับเซ็ทนี้ ทางเชฟแนะนำเป็นชา Pink Garden Tea ซึ่งเป็นชาเขียวที่มีส่วนผสมของกุหลาบและกลิ่นฟลอรัลอ่อนๆ ค่ะ
เข้าสู่ขนมภายในเซ็ทกันบ้างค่ะ เห็นเหมือนจะคำเล็กๆ แต่ทานเสร็จแล้วอิ่มมากๆ เลยค่ะ เซ็ทนี้ เสิร์ฟมาในกล่องรูปหนังสือ ตามคอนเซปท์ Book of Love เชฟต้องการจะสื่อถึง เรื่องราวของความรักที่มีอยู่ทุกอารมณ์ อย่างของคาวก็จะมีทุกรสชาติ ทั้งเผ็ด เปรี้ยว ครีมมี่ ซึ่งบางทีจะไม่ค่อยเจออาฟเตอร์นูนทีที่อื่นทำแบบนี้ ส่วนของหวานแต่ละชิ้น ก็สื่อถึงเรื่องราวในแง่มุมต่างๆ ที่เกี่ยวกับความรักค่ะ
เริ่มจากแถวบน ที่เห็นสวยงามทั้งหมดนี้ เป็นของคาว (Savories) ค่ะ!! เรียงจากซ้ายไปขวานะคะ
1. Foie Gras and Strawberry Mille Feuille รูปหัวใจ ประกอบไปด้วยเลเยอร์ของ ฟัวกราส์ และ สตรอเบอร์รี่ ซึ่งทำให้ฟัวกราส์ไม่เลี่ยนดีค่ะ
2. Avocado and Mole Tart ทาร์ทรสจัดจ้าน ด้วยซอส Mole (ซอสเผ็ดของเม็กซิกัน) ท็อปด้วยอะโวคาโด จัดจ้าน เข้ากันอย่างลงตัว
3. Chicken Liver with Rhubarb and Rose Petal ปาเต้ตับไก่ เคลือบด้วยรูบาร์บ ที่ทำให้เกิด acidity เข้าไปตัดกับความข้นเนียนของตับไก่ ประดับด้วยกุหลาบ หน้าตาสวยงามมากๆ คำนี้ แนะนำ ทานทีละครึ่งนะคะ เพราะทั้งคำ จะครีมมี่ไปนิดนึง
4. Rose-Shaped Beetroot marinated Cured Salmon แซลมอนหมักบีทรูทดอง คอมบิเนชั่นนี้ดีเลยค่ะ พรีเซนเทชั่นก็สวย ออกมาเป็นรูปดอกไม้เลย ชิ้นนี้เราชอบที่สุดค่ะ
5. “You melt my heart” cream cheese and Avruga Caviar ชิ้นนี้ เป็นครีมชีสบนขนมปัง และ โปะคาเวียร์มาครึ่งนึงเลยค่ะ เห็นสีแบบนี้ ไม่ใช่ Lumpfish Caviar (ที่ส่วนตัวเราไม่ทาน) นะคะ แต่เป็น Avruga Caviar ที่ทำมาจาก Herrings จะไม่ใช่ไข่ปลา ซึ่งในแง่ดีคือ สามารถใช้แทนคาเวียร์ได้โดยไม่มีความคาว และ ยังเป็นการอนุรักษ์สเตอเจี้ยนอีกด้วยค่ะ
ก่อนจะไปถึงของหวาน ขอขั้นด้วย Scone และ ขนมชิ้นพิเศษ Rose Praline Brioche ค่ะ
ตัว Rose Praline Brioche นี่พิเศษจริงๆ เชฟทำเป็นลูกครึ่ง Brioche + Croissant ท็อปด้วย Rose Praline ตามธรรมเนียมการฉลองวันวาเลนไทน์ที่เมืองลียง ความดีงามของชิ้นนี้คือ ส่วน Puff pastry ด้านล่างที่ประกอบกับ Crumble และ Praline ด้านบนได้อย่างลงตัว
ส่วน Scone มา 2 รส คือรสดั้งเดิมและรสส้มโอค่ะ เสิร์ฟพร้อม Clotted Cream และทีเด็ดในครั้งนี้ คือแยมกุหลาบ ที่เนื้อดี ไม่หวานเกินไป และ ไม่มีกลิ่นกุหลาบสังเคราะห์ที่ฉุนเกินไป ถือว่าเป็นแยมกุหลาบที่ลงตัวมาก ไม่มีความปะแล่มๆ เลยค่ะ
มาต่อกันที่ของหวานบ้างนะคะ คราวนี้ ขอเรียงจากบนลงล่างค่ะ
1. Milk Chocolate and Passion Fruit Pearl Tart เชฟบอกว่า ยังไงก็จะต้องมี Passion Fruit เพราะมันมีคำว่า “Passion” อยู่ค่ะ! เสาวรสด้านบน เข้ากับช๊อคโกแลตทาร์ทด้านล่างเป็นอย่างดี มาพร้อมผีเสื้อโบยบิน เหมือนเวลามีความรัก แล้วมี butterflies in my stomach เลยค่า
2. Blueberry Cheese Cake รูปหลอดด้าย ที่คนฝรั่งเศสเชื่อว่าหมายถึงการดูแลกันและกัน
3. Vanilla Bite วานิลลามูส เนื้อเนียน หวานพอดี รูปหัวใจที่แอบมีรอยแยก เพราะ เรื่องราวของความรักนั้นมีทุกอารมณ์และเหตุการณ์
4. Cherry on the tartlet ทาร์ทเชอร์รี่ช๊อตโกแลต ตามคำว่า Mon Cherie หรือ ที่รัก ในภาษาฝรั่งเศส
5. Strawberry heart and Rose mousse มูสกุหลาบสตรอเบอร์รี่ เนื้อเนียนละมุน สัมผัสดีมาก เรากินเป็นชิ้นสุดท้าย และเป็นการยืนยันว่า เชฟทำทุกอย่างที่เป็นรสกุหลาบ อร่อยจริงๆ ค่ะ
ซูมให้ดูความปราณีต
ทานเสร็จมีเซอร์ไพรส์ด้วยนะคะ กล่องรูปหนังสือ จะมีการใส่รูปเราบนปก มีกระดาษ Story of Us ไว้เผื่อเขียนความในใจ และ ใส่ดอกกุหลาบ แพ๊คพร้อมให้เป็นของขวัญแห่งความทรงจำแสนพิเศษ กลับบ้านมาด้วยค่ะ
ทั้งหมดนี้ เสิร์ฟถึงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2564 ค่ะ สนนราคาท่านละ 1,900 บาท++ สามารถเติมขนมได้เรื่อยๆ ไม่จำกัด (แต่หากสั่งมาแชร์กัน 2 ท่านต่อ 1 ชุด จะไม่สามารถเติมขนมได้นะคะ)
The Author’s Lounge โรงแรม แมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ (Mandarin Oriental Bangkok)
เปิดให้บริการทุกวัน เวลา 11.00 น. – 19.00 น.
อาฟเตอร์นูนที เวลา 12.00 น. – 18.00 น.
แนะนำให้สำรองที่นั่งล่วงหน้า
โทร : 02-659-9000
อีเมล์ : mobkk-restaurants@mohg.com