[รีวิว] J’AIME by Jean-Michel-Lorain อาหารฝรั่งเศสหนึ่งดาวมิชลินฝีมือดีในราคาที่จับต้องได้

นี่เป็นหนึ่งในร้านอาหารฝรั่งเศสที่เราไปทานค่อนข้างบ่อย และเป็นที่ที่ไปทั้งมื้อเที่ยง บรันช์ และ ดินเนอร์ โดยวันนี้ เราจะมารีวิว Lunch Set กับ เมนูที่เสิร์ฟช่วงต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ที่ร้าน J’AIME By Jean-Michel-Lorain

ชื่อ Jean-Michel Lorain เป็นชื่อของเชฟเจ้าของร้าน Cote Saint Jacques ที่ได้ 2 ดาวมิชลิน ในแคว้น Burgundy ประเทศฝรั่งเศส ลูกสาวของคุณ Jean-Michel ได้เลือกที่จะมาเปิดร้านที่ไทยกับเชฟ Amerigo Sesti ซึ่งเรียกได้ว่าฝึกสกิลมาไม่แพ้ต้นฉบับเลยค่ะ

สำหรับร้าน J’AIME ที่กรุงเทพตอนนี้ได้รับ Michelin Star 1 ดาวนะคะ

เหตุผลที่ชอบร้านนี้ นอกจากเรื่องของเทคนิคการทำอาหารและการจัดจานที่น่าชื่นชมแล้ว ที่สำคัญคือความคุ้มค่าค่ะ ตั้งราคาได้สมเหตุสมผลมากๆ แล้ววัตถุดิบกับฝีมือดีมากเลย

ที่สำคัญ ที่นี่มี Sunday Brunch ทุกวันอาทิตย์สุดท้ายของเดือน ซึ่งเป็นแบบ All you can eat ทานเท่าไหร่ก็ได้ แต่เราไม่อยากใช้คำว่าบุฟเฟ่ต์ เพราะเค้าจัดจานมาแบบอลังการและพิถีพิถันทุกจาน เสิร์ฟมาทีละจาน แต่เราจะซ้ำจานที่เราชอบกี่รอบก็ได้ค่ะ


Update* มื้อล่าสุดที่ไปทานมาช่วง กพ. 2022 ค่ะ เป็น ดินเนอร์ 8 คอร์ส ราคา 2900 บาท++ เป็นมื้อแรกหลังจากที่ร้านปิดช่วงโควิดไปนานแล้วกลับมาเปิดใหม่ ทีมยังเหมือนเดิมค่ะ อาหารทำได้ดีเหมือนเดิม หลายจานดีมากๆ รสชาติเข้มข้นขึ้นด้วยนะคะ เหมาะกับไวน์มากเลย


กลับมาต่อที่รีวิวออริจินัลที่เคยเขียนไว้ค่า >>>

สำหรับเมนูมื้อเที่ยง ในร้าน Fine dining หลายๆร้านทั้งในไทยและต่างประเทศ มักจะมีราคาถูกกว่ามื้อเย็นเยอะมากเหมือนกันค่ะ ที่นี่ก็เช่นกันค่ะ Lunch Set มาในราคา 1100 บาทเน็ต สำหรับอาหาร 5 Course

เริ่มด้วยคอร์สแรกเป็นครีมซุปต้นหอมเย็น เสิร์ฟกับไข่ปลาแฮร์ริ่ง ซุปเย็นทำให้รู้สึกสดชื่น เราเป็นคนไม่ชอบอะไรเหม็นเขียว แต่ที่นี่ทำต้นหอมออกมาได้กลมกล่อมดีค่ะ (ร้านนี้บางคนจะบอกว่า รสชาติค่อนข้าง plain ซึ่งอาจจะไม่ถูกปากคนชอบรสชาติจัดจ้านนะคะ)

Condiments ก่อนเทซุปค่ะ
จานแรกค่ะ Chilled spring onion soup and herring caviar

ถัดมาก็เสิร์ฟขนมปังมีให้เลือก 3 แบบคือ Ciabatta, Rye Bread และ ขนมปังแครนเบอร์รี่ มาพร้อมเนย Isingny (หนึ่งในข้อติของที่นี่คือการเสิร์ฟเนยเย็นไม่ใช่อุณหภูมิห้องค่ะ)

จานที่ 2 และ จานที่ 3 เสิร์ฟมาให้ทานคู่กันนะคะ

สำหรับจานที่อยู่ในเซ็ทเมนูปกติ คือ ฟักทองบดบนแป้งแบบมิลล์เฟย ซึ่งแฟนเราไม่ทานฟักทอง ทางร้านจึงเสิร์ฟ หอย Razor Clam มาทานค่ะ (จานนี้เคยทานในเซ็ท dinner และ brunch ด้วยค่ะ)

ซึ่งทั้งสองจานนี้ จะเสิร์ฟคู่กับสลัดเห็ด ครัมเบิลกาแฟและ โฟมหัวไชเท้าแดง

ฟักทองบดรสชาติดีค่ะ ทานกับแป้งมิลเฟยที่ที่นี่ทำได้ดีอยู่แล้ว เมื่อทานคู่กับตัวสลัดเห็ดที่มีโฟมแดงอยู่ กลมกล่อมเข้ากันมาก

จานนี้เรียนตรงๆว่า อาจจะใช้วัตถุดิบที่ดูธรรมดาซักนิดนึง (เราเข้าใจว่าอยู่ที่ราคาของเซ็ทด้วยค่ะ) แต่เทคนิคเค้าก็จัดให้โชว์สกิลอยู่นะคะ

จาน Razor Clam ของแฟนค่ะ
Crunchy pumpkin napoleon, with parsley, garlic and paprika powder
Mushroom salad, coffee crumble, and pink radish foam

มาถึงไฮไลท์ของวันนี้ ที่เรารู้สึกว่าคุ้มและดีเหนือความคาดหมายมาก คือ Main dish ค่ะ เราเลือกเป็น จานเนื้อ ส่วนแฟน เลือกจานปลาค่ะ

จานเนื้อเสิร์ฟเป็น เนื้อสตริปลอยน์ และ ลิ้นวัวสไลด์ ซึ่งเราไม่ทานลิ้นวัว แต่พอมาในรูปแบบนี้น่ารับประทานมากค่ะ ตัวซอส Jus ก็ทำได้กลมกล่อมดี ส่วนพูเร เป็นรสชาติประมาณ ratatouille แบบมะเขือเทศๆพริกๆ จริงๆ ทั้งเนื้อ และ ลิ้นวัวสไลด์ที่คุ้กมากับซุคคินี่ตรงกลาง แตะเกลือนิดๆ ก็รู้สึกว่าเป็นมื้อกลางวันวันสบายๆที่อร่อยมากแล้วค่ะ

Striploin and beef tongue duo, served with Mediterranean vegetable purée, escalivada and basil jus

ส่วนจานของคุณแฟน คือปลาเก๋าแบบเมืองเกรอโนบล์ (Grenoble เมืองที่อยู่ทางเทือกเขาแอลป์ในฝรั่งเศส) ซึ่งมี brown butter กับ caper เป็นส่วนประกอบค่ะ ซึ่งทำตัวเนื้อปลาออกมารสชาติดีมาก ทานกับตัวอีมัลชั่นข้างๆ และ คอนดิเมนท์ที่มีตัวพลัมนิดๆด้านล่าง เข้ากันได้ดี จานนี้เหนือความคาดหมายและคุ้มค่ามากค่ะ (เดือนนี้ทานจานปลาในร้านติดดาวมิชลินมา 3 ร้าน ประทับใจจานนี้สุด)

Pan-seared grouper « à la Grenobloise », with brown butter emulsion and dehydrated capers

พอจบเมนคอร์สที่ทำให้อารมณ์ดีแล้วอะไรก็ดีแล้วค่ะ 😀

จบคอร์สมื้อเที่ยงวันนี้ด้วยเมนูของหวาน เป็น พลัมซอร์เบ ทานกับมูสอัลมอนด์ เราชอบทานบ๊วยมากกกกเลยชอบจานนี้ค่ะ ทั้งส่วนซอร์เบและส่วน compote เลย ส่วนแฟนชอบส่วนที่เป็นมูส จานนี้ทานแล้วชอบมากกว่าจานของหวานจานอื่นของที่นี่ เช่น Banana Blue Cheese (เสิร์ฟในดินเนอร์ และน่าจะทำยากกว่า วัตถุดิบพรีเมี่ยมกว่า)

Wild almond mousse and plum sorbet
จบด้วย Petit Four คนละ 2 ชิ้นค่ะ

จบแล้วนะคะสำหรับรีวิว Lunch Set มื้อเที่ยงที่ J’aime by Jean-Michel-Lorain ในราคาเซ็ทละ 1100 บาทเน็ต + เครื่องดื่ม

ข้อดีของที่นี่(สำหรับมื้อเที่ยง)คือ มีการใช้สกิลเทคนิคต่างๆ ทำให้วัตถุดิบทุกอันดูพิเศษ (ทั้งการแร่ การคาแนล การบรูนัวซึ่งวันนี้ไม่มี ทำมูส ทำJus) จัดจานสวย ที่นี่เป็นครัวเปิด เห็นทุกอย่าง เห็นว่าเชฟ Amerigo เข้าร้านแทบทุกครั้งที่เรามาไม่ว่าจะมื้อไหน และลงจานเอง มาในราคาที่คุ้มสุดๆ บรรยากาศดี มีที่จอดรถ ร้านมีบริเวณกว้างซึ่งทำให้จัดโต๊ะให้มีสเปซซึ่งเราคิดว่ากำลังดี ไม่ใกล้โต๊ะอื่นมากเกินไป

ข้อเสียคือ วัตถุดิบสำหรับมื้อเที่ยงอาจจะไม่พรีเมี่ยมมาก และสไตล์ของร้านนี้คือรสชาติจะไม่จัดจ้านหรือแอดเวนเจอร์มากเท่าไหร่ ค่อนข้าง simple บริการอยู่ในระดับดี ทีมน่ารัก


พิกัด ร้าน J’aime by Jean-Michel-Lorain โรงแรม ยู สาทร กรุงเทพฯ ซอยงามดูพลี (เข้าจากทางพระรามสี่ ซอยจะเลยลุมพินีทาวเวอร์มานิดนึงค่ะ ตรงไปเรื่อยๆ เลยเซเว่นไปอีก จะมีป้าย ซอยอยู่ซ้ายมือ แนะนำให้ใช้กูเกิ้ลแมพนำทางไปค่า)

เปิดทุกวันยกเว้นวันอังคาร ตั้งแต่เวลา 12:00 – 14:30 น., 18:00 – 22:00 น. และซันเดย์บรันซ์ 12:00 – 15:00 น. ในวันอาทิตย์สุดท้ายของเดือน

โทร. :02-119-4899
Email : reserve@jaime-bangkok.com



error: