เที่ยวยุโรปอย่างปลอดภัย! รีวิว การไป ปารีส มิลาน และเมืองต่างๆ แบบไม่โดนล้วงกระเป๋า

เราคือคนที่ไปปารีสเกิน 20 ครั้ง ใช้ชีวิตอยู่อิตาลี 1 ปีและกลับไปเที่ยวทุกปี ไปลอนดอน อัมสเตอดัม โรม เวนิส มิลาน บาเซโลน่า นับครั้งไม่ถ้วน เที่ยวกลางคืนกลับดึกๆ คนเดียวมาแล้วทุกที่ แต่ยังไม่เคยโดนล้วงกระเป๋าค่ะ…. เราเห็นว่ามีคนแชร์เรื่องการถูกขโมยหรือล้วงกระเป๋าในเมืองใหญ่ๆ ในยุโรปกันค่อนข้างเยอะ วันนี้ เลยอยากจะแชร์ประสบการณ์จากคนที่ไม่เคยโดนอะไรบ้าง จึงกลายเป็นที่มาของ “รีวิว ปารีส มิลาน และยุโรป แบบสู้โจร ไม่โดนล้วงกระเป๋า”

รีวิวนี้เกิดจากการตั้งข้อสังเกตว่า ทำไมเราจึงยังไม่เคยโดนอะไรเลย แต่บอกตรงๆ ว่า เราก็ไม่แน่ใจว่าสิ่งที่เราทำมันได้ผลจริงๆ หรือ เราแค่ดวงดีนะคะ ซึ่งถ้านับปริมาณวันนี้ที่เราอยู่หรือเที่ยวที่โน่น + เมืองที่เคยไป เราคิดว่าเรามันเยอะพอสมควรนะคะ

ที่สำคัญ เราไม่อยากให้ใครที่จะไปเที่ยวเสียกำลังใจค่ะ คำว่าอิตาลีมีแต่โจร ปารีสน่ากลัว มันไม่เคยเกิดขึ้นกับเรา เลยอยากให้ทุกคนรู้ทันและป้องกันไว้มากกว่าค่ะ

1. คำว่า “ไม่สนใจ” สำหรับเราคือ “ไม่สนใจจริงๆ” นะคะ เวลามีคนจะเรียกให้เซ็นต์ลงนามโน่นนี่ เก็บของตก ขายของ ผูกข้อมือ ให้ทำเหมือนเค้าเป็นธาตุอากาศ ไม่มีตัวตน เหมือนเรากับเค้าอยู่คนละมิติอ่ะค่ะ

ซึ่งเคสนี้ เวลาพาเพื่อนเที่ยวส่วนใหญ่ แม้จะบรี๊ฟแบบนี้ไว้แล้ว แต่เพื่อนๆ ทุกคนก็จะหันไปส่ายหน้า ยกมือขึ้นว่าไม่เอานะ หรือ ตอบว่าโน แต็งกิ้ว อยู่ดี (ทุกคนมีมารยาทมากค่ะ 5555) เราสังเกตว่าถ้าเรามีการ interact นิดนึงปุ๊ป เค้าจะตื๊อค่ะ แล้วก็อาจจะส่งไม้สอง ไม้สาม มารุมตื๊ออีก แต่ตัวนัทคือ เดินผ่านแบบเหมือนมันไม่มีตัวตนแบบเวลาเดินหนีคอร์สลดความอ้วนในห้าง ถ้าทำแบบนี้ ส่วนใหญ่เค้าจะแหวกทางให้ แล้วจะไม่มีใครยุ่งกับเราเลย

ระหว่างเดินที่แบบมั่นใจก็จับของมีค่าไว้หน่อยนะคะ จับกระเป๋าไว้ ถ้าใส่ไว้ในโค้ท ก็เดินท่าล้วงกระเป๋าแล้วใช้มือจับของไว้ ทำตัวดูคูลๆ ค่ะ

2. เราไม่ได้แต่งตัวน้อยอ่ะ เลยไม่มีหน้าจะไปแนะนำใครได้เรื่องห้ามแต่งตัวเยอะๆ เราก็พร๊อพแน่นอยู่ ใช้แบรนด์เนมเป็นปกติ เลยคิดว่า แต่งแบบที่เดินแล้วมั่นใจ เอาแอตติจูดพร้อมทำหน้านิ่งใส่โจร — แต่ยอมรับค่ะว่า เวลาเห็นคนแต่งตัวเยอะๆ ไม่ว่าจะเป็นชนชาติไหนก็ตาม เราเองยังดูออกเลยค่ะว่าเป็นนักท่องเที่ยว ทำไมโจรจะดูไม่ออก

3. คิดว่าจุดหลัก คือการเดินทำหน้าแบบมั่นใจและรู้ทาง (ถึงจริงๆ ในใจ จะไม่รู้ก็เถอะ) ยิ่งเวลาเดินลงใต้ดินทั้งยุโรปและนิวยอร์ก เราเดินให้เป็นจังหวะเดียวกับผู้คนเลย แล้วถ้าจังหวะมันแปลกไปอ่ะ เราจะรู้สึกตัวง่าย เช่น มีใครมาทำให้หยุด หรือ มีใครมาเดินใกล้เราเกินไป

ส่วนทริคง่ายๆ ในการลงรถไฟใต้ดิน คือ เวลาดูในกูเกิ้ลแมพ นอกจากชื่อสถานีที่เราจะลง มันจะมีบอกสถานีปลายทางด้วย ให้เราโฟกัสที่สถานีปลายทาง เพราะป้ายในสถานีรถไฟ จะบอกสถานีปลายทาง (ยกตัวอย่าง สมมติเราขึ้นรถไฟฟ้าอยู่สยาม จะไปอนุสาวรีย์ชัย ตรงป้ายสถานี จะไม่มีเขียนว่าไปอนุสาวรีย์ชัย จะมีแต่เขียนว่า หมอชิต ซึ่งเป็นสถานีปลายทางแทน นัทจึงเลือกที่จะจำ หมอชิต แล้วเดินตามป้ายหมอชิตไปก่อน เพื่อจะได้ขึ้นรถไฟถูกฝั่งค่ะ) แล้วค่อยดูชื่อสถานีเอาค่ะ จะไม่ต้องเอามือถือขึ้นมาเช็คเลย และไม่ต้องมีจังหวะหยุดค่ะ

เราจะสังเกตตั้งแต่ครั้งแรกที่จะขึ้นรถไฟในเมืองนั้นๆ ว่าเมืองนี้ validate ตั๋วยังไง (คือต้องตั๋วเสียบที่ตู้ก่อนขึ้นรถมั้ย หรือ เสียบตรงทางเข้า หรือ ขึ้นไปเสียบบนรถ)

4. เวลามีใครเข้ามาใกล้ตัว หรือต้องผ่านฝูงชน เราจับกระเป๋าไว้ข้างหน้าทุกครั้งเลยค่ะ ขึ้นลงรถ ดูภาพดังๆ ในพิพิธภัณฑ์ แต่ถ้ามีโอกาสมอง เราสังเกตหลายครั้ง เดี๋ยวนี้โจรแต่งตัวดีและเนียนมากค่ะ บางทีแต่งตัวเยอะกว่านักท่องเที่ยวอีก อีกอย่างเราไม่วางกล้องกับมือถือไว้บนโต๊ะนะคะ เคยได้ยินเคสที่ทำเนียนมากางแผนที่ถามทางแล้วแอบหยิบของไป

5. นอกจากโจรจะแต่งตัวดีขึ้นมากๆ แล้ว สังเกตว่าหลังๆ จะเป็นวัยรุ่นค่ะ เพราะที่นี่มีกม.คุ้มครองเยาวชน ทำให้เมื่อเค้าก่ออาชญากรรมแล้ว ตำรวจจับไม่ได้ค่ะ ทำได้แค่กักตัว ตักเตือน …เอาจริงๆ ว่ากันว่า ตำรวจจำหน้าโจรได้แล้วด้วยซ้ำ แต่ทำอะไรไม่ได้ค่ะ

อ้อ พีคกว่าคือ แต่งตัวเป็นตำรวจ ไม่ได้แปลว่าเป็นตำรวจนะคะ อาจจะเป็นโจรนั่นแหล่ะค่ะ แต่เค้าจะไม่มาเวย์ล้วงกระเป๋า เค้าจะหลอกเราไปจ่ายตังค์ด้วยมุกอื่นๆ

6. ดังนั้น ก่อนไปเมืองไหนก็ตาม ให้เสิร์ชชื่อเมือง ตามด้วยคำว่า Scam ค่ะ เช่น ถ้าเสิร์ชว่า Bangkok Scam อันที่ดังที่สุดคือ สแกมร้านเพชรค่ะ นักท่องเที่ยวโดนหลอกไปเป็นประจำ หมดตัวไปหลายรายละค่ะ ทุกเมืองจะมีมุกของตัวเอง ไม่ว่าจะแบบ พูดว่า ฟิฟทีน 15 ตอนจ่ายจริงบอก ฟิฟตี้ 50… หรือ เป็นตำรวจเข้ามาขอตรวจเงินเพราะบอกว่าแบงค์ปลอมระบาด มุกเยอะค่ะ

7. จะมีโจรประเภทหน้าด้านเลย เราก็อย่าหน้าบางค่ะ เช่น เคสที่เอามือมารอรับเงินทอนจากตู้กดตั๋ว นี่เราเดินหนีไปตู้อื่น หรือ ใช้บัตรเครดิต หรือ ไม่ก็เอามือเราปิดรูเงินทอนไว้เลยค่ะ (อย่าลืมจับกระเป๋าไว้ด้านหน้ากับตัวด้วยนะคะ) และ ถ้าโจรจะตะโกนด่าหรือกวนตีน คือเรื่องของมัน เจอกันครั้งเดียวค่ะ อย่าไปแคร์

8. ข้อนี้ ไม่ได้ตั้งใจทำเพื่อหนีโจร แต่ทำเพราะสะดวก คือเราชอบเอาบัตรกับเงินใส่ไว้ในซองยาค่ะ (ซองซิปล๊อค) เหตุผล 1. เพราะขี้เกียจให้เงินไทยมันปนกับเงินที่โน่นโดยเฉพาะเหรียญ 2. คุมบัทเจ็ทต่อวันง่าย 3. เวลาเดินทั้งวันขี้เกียจแบกอะไรหนักๆ ชอบกระเป๋าเบาๆ ใช้แบบนี้รู้สึกเบาดีค่ะ // ในซองเราปกติจะมีบัตรเครดิต 2 ใบ วีซ่าหนึ่ง มาสเตอร์การ์ดหนึ่ง เงินนิดเดียว แล้วก็บัตรที่เป็น ID (ส่วนใหญ่เราพกใบขับขี่) แต่สมัยอยู่โน่นเราพก permit of stay กับบัตรนักศึกษาไว้ใช้ส่วนลด

9. แม้เราจะสื่อสารภาษาอังกฤษและภาษาอื่นๆ ได้ แต่ถ้ามีใครเข้ามาหาแบบเลี่ยงไม่ได้ อย่าเพิ่งพูดอะไร ทำหน้าตายแบบฟังไม่รู้เรื่องไปก่อน ลองฟังว่าเค้าต้องการอะไร แต่ถ้าเป็นอะไรที่ทำให้เราเสี่ยง ก็ตีมึนว่า ไม่รู้เรื่อง ทำหน้างงที่สุด แล้วเดินไปเลยค่ะ ยิ่งถ้าเข้าตามมุกที่เขียนไว้ด้านล่างถัดจากนี้ ให้หนีเลยนะคะ // ข้อนี้ถ้าไปคนเดียว หูฟังช่วยได้ค่ะ

10. อันนี้ไม่เข้าใจว่าทำไม แต่ย่านใกล้สถานีรถไฟเมืองใหญ่ๆ มักจะเป็นย่านที่ไม่น่าไว้ใจที่สุดในเมือง ไล่มาเลยค่ะ Paris Gare Du Nord, Milano Centrale, Rome Termini, Munich Hbf ปกติเรามักจะเดินออกจากย่านนี้ให้เร็วที่สุด

11. เรื่องขับรถนี่อาจจะต้องแยกเป็นอีกตอน แต่จากใจเลยค่ะ อย่าทิ้งของไว้บนรถแม้แต่หมวกหรือแว่นกันแดดชิ้นเดียว ทำให้รถโล่งที่สุดแบบไม่มีอะไรจะขโมย เรายังไม่เคยโดนอะไรเหมือนกัน แต่อันนี้ เพื่อนหลายประเทศในยุโรปเตือนมาค่ะ พยายามอย่าเอากระเป๋าไว้บนตัก เพราะทุบแล้วหยิบไปได้เลย นาฬิกาข้อมือก็เช่นกันค่ะ

12. ขโมยทั้งกระเป๋าเดินทางมีจริงค่ะ เวลาเดินทางเราเลยจะมีแค่กระเป๋าเดินลาก 1 ใบ กระเป๋าสะพายเล็กๆ 1 ใบ และ สามารถถือทั้งสองใบโดยไม่ปล่อยได้เกือบตลอดที่ยังไปไม่ถึงที่พักหรือที่เก็บกระเป๋า จริงๆ อันนี้ มันไม่ได้ต้องถึงขั้น จงอางหวงไข่ อะไรขนาดนั้นนะคะ แต่เราเห็นบ่อยมาก ที่นักท่องเที่ยว ไม่สนใจกระเป๋าเดินทางตัวเอง แบบ วางๆ ไว้ มันก็น่าขโมยจริงๆ อ่ะ

13. ถ้าจะไปดินเนอร์ กลับดึกๆ แล้วใส่เครื่องประดับ/ถือกระเป๋ามูลค่าค่อนข้างสูง ให้ใช้อูเบอร์เอานะคะ — แต่นัทเป็นคนถือกระเป๋าแบรนด์เนม ลงใต้ดินเที่ยวสุดท้ายมาตลอด ก็ยังโอเคอยู่นะคะ


เจอแบบนี้ต้องระวัง!!!

ต่อไปคือ มุกที่เห็นบ่อยๆ และเชื่อว่าทุกคนเคยอ่านมาแล้วแหล่ะ แต่ขอย้ำอีกที

– ให้ช่วยเซ็นต์ลงนามรณรงค์ต่างๆ ต่อต้านค้ามนุษย์ โรคเอดส์ มะเร็งเต้านมฯลฯ

– ใส่ชุดตำรวจ บอกว่าช่วงนี้เงินปลอมระบาด จะต้องขอเช็คเงินว่าเราโดนแบงค์ปลอมรึป่าว

– เหยียบเท้า

– ทำเป้ตกของกระจาย อันนี้เราอย่าเพิ่งช่วยทันทีค่ะ ห่วงกระเป๋าตัวเองก่อน

– จังหวะที่ต้องเบียดฝูงชนทุกที่

– อะไรก็ตามที่ขึ้นต้นด้วย “ฮัลโหล๊ว มายเฟรนด์” (มักจะมาในรูปแบบ สายรัดข้อมือ อาหารนกพิราบ ฯลฯ) ให้หูดับไปเลยค่ะ

– อะไรก็ตามที่หยุดเรา จับกระเป๋ามาข้างหน้าทันทีค่ะ

– ล่าสุด มีมุขขอให้ช่วยถ่ายรูปให้หน่อย แล้วโวยวายว่า เราทำกล้องเค้าพังละนะคะ << อันนี้ขอด่าโจรเลย ทำคนเที่ยวคนเดียวอย่างเราลำบาก เนี่ย ตอนไปเที่ยวคนเดียวรอบล่าสุด ไม่มีใครยอมถ่ายรูปให้จริงๆ

ทั้งนี้ทั้งนั้น ทั้งหมดนี้เราเดาว่าเราทำจนเป็นนิสัย ไม่ได้รู้สึกฝืนหรือทำให้เที่ยวไม่สนุกเลยนะคะ ติดขนาดที่กลับมาไทยแล้วรู้สึกแปลกเวลาขึ้นบีทีเอส เพราะรู้สึกว่า ถ้ากระเป๋าเปิดขนาดนี้ หรือ ไม่สนใจกระเป๋าแบบนี้ที่ยุโรปต้องโดนล้วงแน่เลย

ทุกที่มีคนดีคนไม่ดีค่ะ มันเหมือนเวลาเราอ่านไกด์บุ๊คที่ฝรั่งเตือนกันเรื่องมาเที่ยวเมืองไทย เวลาอ่านนี่รู้สึกเมืองไทยน่ากลัวมาก แต่เราอยู่ก็ชิวๆ ใช่มั้ยคะ เมืองยุโรปพวกนี้ก็เหมือนกัน บางทีเราอ่านหรือได้ยินก็แพนิคนิดนึง แต่เวลาไปถึงแล้วก็ชิวและมีความสุขดีนะคะ

ใครที่เคยเจอประสบการณ์ไม่ดีก็อย่าเพิ่งเฟลไปนะคะ เราจะบอกว่า ในคลาสเรา เวลาใครมีครอบครัวมาเยี่ยม แล้วโดนขโมยของ เพื่อนในห้องก็จะเล่นมุก เวลคัมทูอิตาลี กันเป็นปกติเลยค่ะ คลาสเราไม่ค่อยมีคนเอเชียค่ะ พวกอเมริกันก็โดนกันบ่อยเลย


ฝากรีวิวอิตาลีไว้หน่อยละกันค่า


หากชอบรีวิว ช่วยกดไลค์เพจเป็นกำลังใจให้หน่อยนะคะ หรือไปตามไอจี @eatchillwander อัพเดทกันแบบเรียลไทม์ขอบคุณมากๆ ค่า



error: