[รีวิว] โรงแรม Capella Shanghai วิลล่าหรูในบรรยากาศแสนสงบใจกลางเมืองเซี่ยงไฮ้

เมื่อนึกถึง “เซี่ยงไฮ้” มหานครระดับโลก หลายๆ คนอาจจะนึกถึงตึกสูงระฟ้า ผู้คนขวักไขว่ แต่ทริปล่าสุดนัทมีโอกาสไปเที่ยวย่าน Hengfu Historical Area ซึ่งเป็นย่านแฮงก์เอาท์ที่ฮิปที่สุดในเซี่ยงไฮ้ ณ ขณะนี้ ย่านนี้เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมแบบ Shanghainese ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ที่ทางการพยายามจะอนุรักษ์ไว้ และหนึ่งในหมู่อาคารนั้น ได้ถูกนำมาออกแบบใหม่ให้กลายเป็นโรงแรมหรูแสนสงบใจกลางเมืองอย่าง โรงแรม Capella Shanghai, Jian Ye Li ที่นอกจากความเก๋ในด้านการดีไซน์แล้ว ยังให้บรรยากาศผ่อนคลายที่เหมือนหลุดเข้าไปอีกโลก และ ด้วยการบริการอันเป็นเลิศ ทำให้นัทอยากจะแนะนำให้ทุกคนมาพักผ่อนที่นี่ซักครั้งค่ะ


Jian Ye Li

ในช่วงปี คศ. 1920s – 1930s เป็นช่วงที่เซี่ยงไฮ้มีการเติบโตทั้งทางประชากร เศรษฐกิจ และ สิ่งปลูกสร้าง เป็นช่วงที่ชาวไทยเราอาจจะคุ้นเคยจากซีรีส์ชื่อดังเรื่อง เจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ ซึ่งในช่วงนั้นเอง เป็นช่วงที่มีการลงทุนและเข้ามาอยู่อาศัยโดยชาวยุโรปเยอะ และเป็นเหตุผลที่ทำให้หลายมุมของเซี่ยงไฮ้มีกลิ่นอายของยุโรปนิดๆ

ซึ่งเหล่าอาคารที่มีกลิ่นอายตะวันตกนี้ มีทั้งสไตล์ Classical และ Art Deco รวมไปถึง แบบสถาปัตยกรรมที่เรียกว่า Shikumen ที่เป็นเอกลักษณ์ของเซี่ยงไฮ้อีกด้วยค่ะ Shikumen เป็นการสร้างทาวน์เฮ้าส์ติดกันแล้วเรียงเป็น Lane หรือ ตรอกโดยมักจะมีซุ้มประตูหินหรืออิฐ​อยู่ตรงปลาย และตัวบ้านจะหน้าแคบแล้วสูงขึ้นไป 4-5 ชั้น

หนึ่งในกลุ่ม Lane หรือ ตรอก ที่ยังสมบูรณ์มากคือ “Jian Ye Li” ซึ่งตอนนี้โรงแรม Capella Shanghai เค้านำมาพัฒนาเป็นรีสอร์ทใจกลางเมืองที่บรรยากาศดีมาก และทำให้นัทได้เรียนรู้เรื่องราวของเมืองเซี่ยงไฮ้ ผ่านอาคารที่เป็นมรดกทางวัฒนธรรมจริงๆ

โรงแรม Capella Shanghai นั้นคือเครือเดียวกับโรงแรมคาเพลลา กรุงเทพฯ ที่อยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา และ คาเพลลาที่โด่งดังที่สิงคโปร์ ทุกคาเพลลาที่นัทไปจะมีความรู้สึกสงบ หรูหรา และ พบกับการต้อนรับอย่างดี ได้รับบริการอันเป็นเลิศเสมอ


Shikumen Villa

จากอาคารสไตล์ Shikumen ทางคาเพลลาได้นำมาดีไซน์ใหม่ให้เป็นวิลล่าทุกหลัง กลายเป็นวิลล่า 55 หลังภายในโรงแรมบรรยากาศรีสอร์ทแห่งนี้ นัทชอบการออกแบบตกแต่ง ที่มีกลิ่นอายความเป็นจีน มีความดั้งเดิมผสมผสานกับความโมเดิร์น และเป็นการใช้พื้นที่ที่ต้องเรียกว่า เข้าไปตอนแรกอาจจะรู้สึกไม่ชินเพราะไม่เหมือนโรงแรมทั่วไป แต่อยู่ไปแล้ว ชอบมากๆ เลยค่ะ

ด้วยความที่อาคาร Shikumen นั้นมี 4-5 ชั้น แต่จะเป็นชั้นแบบไม่ได้เต็มชั้นนะคะ เหมือนเป็นชั้นลอยสลับไล่ขึ้นไปทีละครึ่งชั้น ทำให้ไม่ได้มีปัญหากับการขึ้นลงบันได พื้นที่ส่วนตัวอยู่ด้านบนหมด ซึ่งถือเป็นการจัดสรรที่ดีมากค่ะ

เข้ามาจะเจอกับ คอร์ทยาร์ดส่วนตัว และ ประตูบานใหญ่ ปลดล็อคโดยใช้คีย์การ์ดค่ะ

เข้ามาชั้นล่าง จะเจอกับห้องรับแขกที่มีโต๊ะทานอาหาร และ ห้องน้ำเล็กแยกอยู่ด้านหลังค่ะ

สิ่งที่ทำให้ Capella โดดเด่น น่าจะเป็นเรื่องของดีเทลเล็กๆ น้อยๆ เนี่ยแหล่ะค่ะ อย่างห้องที่อยู่หลายชั้น แต่มีโทรศัพท์ให้ทุกชั้นเลย เผื่อจะโทรขออะไรก็สะดวก สวิชไฟครบ มีดอกไม้สดตกแต่งตลอด ส่วน Welcome Snack and Fruit นี่ร้องว้าวเลยค่ะ มีผลไม้ที่ไม่เคยทานด้วย ชื่อว่า Pepino ผลสีขาวๆ หวานอร่อยมากๆ

ขึ้นมาครึ่งชั้น อีกฝั่งของบันไดจะเป็นห้องนั่งเล่นค่ะ ตรงนี้ก็จะมีทีวีจอใหญ่ มีชุดชงชาจีน มินิบาร์ซึ่ง complimentary นะคะ ทานได้ทั้งหมดยกเว้นเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ อย่างตรงนี้ก็คือเลือกของมาได้ดีมากเลย มีคราฟท์โซดาของท้องถิ่น มีของทานเล่น สาหร่ายแบบที่เราทานตอนเด็กๆ มีลูกอมจีนแนวย้อนวัย

ขึ้นมาอีกครึ่งชั้น นี่คือชั้นสามค่ะ เป็นห้องนอน เตียงคิงเบด นอนสบายมากๆ ภายในห้องนอนจะมี Walk-in Closet อยู่ค่ะ กางกระเป๋าใหญ่ได้ มีโต๊ะเครื่องแป้ง ทุกอย่างสะดวกสบาย มีลำโพงไร้สายของ Bose อยู่ค่ะ

ขึ้นมาที่ชั้นสี่ จะเป็นห้องน้ำที่มีอ่างใหญ่ มีโซนชาวเวอร์ ห้องสุขา ส่วนของใช้ในห้องน้ำเป็นแบรนด์ Frederic Malle

จากที่กล่าวถึงไปแล้วเรื่องรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ คือเค้าจัดเต็มจริงๆ ในห้องน้ำมีสำลีเช็ดหน้าแบบพูนๆ มี bath salt มีแปรงผม สลิปเปอร์แบบนุ่มๆ จัดไว้ให้ทุกชั้น ชุดคลุมอาบน้ำที่ใส่สบายมาก มีชุดกรรไกรตัดเล็บไว้ให้ด้วยค่ะ

นอกจากของจำเป็นแล้ว ยังมีเทียนหอมให้จุด ซึ่งกลิ่นผ่อนคลายเหมือนสปาเลยค่ะ ดอกไม้สดสวยงาม มีแมกกาซีนหลากหลาย เค้ามีลูกเล่นเล็กๆ เป็นหนังสือนิทานจีนแบบย้อนวัย ซึ่งอย่าคิดว่าเราจะไม่อินนะคะ มีเรื่องไซอิ๋วกับเปาบุ้นจิ้น ดูแค่ภาพก็รู้เรื่องค่ะ


Breakfast

อาหารเช้าจะเสิร์ฟที่ ห้องอาหาร Le Comptoir de Pierre Gagnaire ซึ่งเป็นห้องอาหารมิชลินหนึ่งดาวค่ะ เมนูอาหารเช้านั้น จะเลือกทานที่วิลล่า หรือ ทานที่ห้องอาหารก็ได้นะคะ กาแฟจะเป็นของ Lavazza ส่วนชาเป็น TWG และก็มีน้ำผักผลไม้สด Detox Juice เวียนไปในแต่ละวันค่ะ เมนูจะเป็น A La Carte นะคะ สั่งเอา มีค่อนข้างหลากหลาย หากใครติดเมนูอาหารเช้าสไตล์เอเชีย ที่นี่ตอบโจทย์มากค่ะ เพราะมีหมดทั้ง โจ๊ก ก๋วยเตี๋ยว เกี๊ยว ติ่มซำ ส่วนเมนูสากล ก็มีครบทั้งไข่ต่างๆ โคลด์คัท ชีส โยเกิร์ต

อ้อ ที่นี่มีเบเกอรี่ทำเองด้วย เพราะมีร้านเบเกอรี่ฮิตอย่าง La Boulangerie ที่เข้าไปแล้วหอมเบเกอรี่อบใหม่มากๆ เลยค่ะ

ร้าน La Boulangerie ที่นัทพูดถึง อยู่ด้านหน้าของโรงแรมเลยค่ะ เป็นอีกหนึ่งคาเฟ่ที่คึกคักและฮิตมากๆ ในเซี่ยงไฮ้เลย


Le Comptoir de Pierre Gagnaire

ที่ Capella Shanghai ยังเป็นที่ตั้งของห้องอาหารที่ได้รับรางวัลมิชลินสตาร์ 1 ดาว ซึ่งเป็นห้องอาหารภายใต้ชื่อเชฟระดับตำนานของฝรั่งเศสอย่างเชฟ Pierre Gagnaire ค่ะ

โดยทั่วไป ทิศทางของอาหารที่นี่จะมีความคอมฟอร์ตมากกว่าร้านหลัก แต่ไม่ได้ลดมิติของความซับซ้อนในจานเลยนะคะ ยังมีคอมบิเนชั่นที่เดาไม่ได้ตามสไตล์ Gagnaire มีการใช้วัตถุดิบท้องถิ่นเยอะ จานที่นัทชอบมากคือ Cocotte of frog Poulette, Beef Tartare, Morel Tagliatelle สามารถไปอ่านรีวิวฉบับเต็มได้ >> [รีวิว] Le Comptoir de Pierre Gagnaire เซี่ยงไฮ้ ร้านอาหารมิชลินหนึ่งดาวจากเชฟฝรั่งเศสในตำนาน


Daily Ritual at Le Bar

ก่อนเราจะเข้าไปถึงห้องอาหาร จะมีบาร์ที่เต็มไปด้วยเครื่องดื่มจากทั่วโลกอยู่ค่ะ ที่สำคัญ ตอนเช็คอิน ทางโรงแรมจะให้บัตรเชิญคุณมาทานค็อกเทลหนึ่งแก้วทุกๆ เย็นอีกด้วย บรรยากาศตรงนี้ก็จะสบายๆ เหมาะกับการมานั่งคุย นั่งดื่มก่อนทานอาหารก็ดีมากๆ เลยค่ะ


Auriga Spa

ซ่อนตัวอยู่ในหนึ่งในอาคาร Shikumen สปาที่นี่พอก้าวเข้าไปแล้ว รู้สึกได้ถึงความสดชื่น ความตัดขาดจากโลกภายนอก เลยค่ะ สปาที่นี่ได้รับรางวัลด้วยนะคะ ซิกเนเจอร์ของสปาที่นี่คือ ทรีทเม้นท์ที่หมุนไปตามพระจันทร์ หรือ ที่เราเรียกกันว่า ข้างขึ้น ข้างแรม ค่ะ อย่าง New Moon อาจจะเป็นช่วงของการ Renewal ส่วน Full Moon เป็นการปรับสมดุล อะไรแบบนี้ค่ะ

นัทมีโอกาสได้นวดน้ำมัน ซึ่งเทราพิสท์ที่นี่มืออาชีพ สุภาพ และ ทำให้การนวดของเราผ่อนคลายมากเลยค่ะ

นอกจากทรีทเม้นท์ต่างๆ แล้ว ใน Auriga Spa ยังเป็นที่อยู่ของ สระ Vitality Pool, ยิมที่มีอุปกรณ์ครบครัน, สตูดิโอโยคะ, ห้องเกลือ, ห้องสตีมซาวน่า อีกด้วยนะคะ


The Living Room

ตรงล็อบบี้ ที่เราสามารถ Valet Parking และ ทำการเช็คอินเช็คเอาท์นั้น จะมีพื้นที่อย่าง The Living Room ที่เป็นสเปซให้เราได้มานั่งเล่น อ่านหนังสือ โดยที่นี่ จะเสิร์ฟเครื่องดื่ม ชา กาแฟ ซอฟท์ดริงค์ รวมไปถึงขนมเพสตรี้สดใหม่ อย่างวันที่เราไป เสิร์ฟเลม่อนทาร์ทกับพาย อร่อยมากๆ เลยค่ะ เป็นอีกมุมที่แสดงให้เห็นถึงความใส่ใจของโรงแรมจริงๆ

โรงแรมคาเพลลา ยังมีบริการบัทเลอร์ของตัวเองที่เรียกว่า Capella Culturist ผู้ช่วยที่คอยดูแลทุกอย่าง ช่วยเหลือนัทตลอดทั้งแนะนำสถานที่ จองร้านอาหาร เรียกแท็กซี่ ทำให้ประสบการณ์ที่นี่สมบูรณ์มากขึ้นไปอีกค่ะ


Neighborhood

สุดท้ายแล้ว อีกสิ่งที่ทำให้ Capella Shanghai เหมาะกับการมาพักผ่อนมากๆ คือย่าน Hengfu Historical Area รวมไปถึง Xuhui District รอบๆ เลยค่ะ เป็นย่านที่แนะนำให้มาเปลี่ยนบรรยากาศดู เพราะไม่วุ่นวาย เดินสะดวก เต็มไปด้วย ร้านอาหาร ร้านค้า และ คาเฟ่ ซึ่งร้านค้านี่ต้องบอกว่า ไม่ใช่แบรนด์ใหญ่ๆ นะคะ คือเต็มไปด้วยร้านอิสระ มัลติแบรนด์บ้าง ของท้องถิ่นบ้าง ซี่งมีตั้งแต่ร้านเทียนหอม แผ่นเสียง ไวน์บาร์ ของแต่งบ้าน อาร์ตแกลเลอรี่ ร้านเสื้อผ้าดีไซเนอร์ท้องถิ่น เดินสนุกมากค่ะ

นัทเขียนรีวิวย่านนี้ไว้หนึ่งบทความเลย อ่านได้ที่ >> Hengfu Historical Area – ย่านแฮงก์เอาท์ที่ฮิปที่สุดใน เซี่ยงไฮ้ [Former French Concession Area Guide]


Capella Shanghai

480 West Jianguo Road, Xuhui District, Shanghai 200031

Website : https://capellahotels.com/en/capella-shanghai
Tel. : +86 21 5466 6688
Email : info.shanghai@capellahotels.com

error: