17 ที่เที่ยว สกลนคร สุดประทับใจ ชมโบถส์ เที่ยววัด ช้อปผ้าคราม ทานปากหม้อ ออริจินอลโคขุนโพนยางคำ

หน้าหนาวนี้ ใครกำลังมองหาที่เที่ยวใหม่ๆ ที่คนไม่เยอะ หลีกหนีความวุ่นวาย Eat Chill Wander ขอแนะนำ “จังหวัด สกลนคร” เลยค่ะ เพราะที่นี่มีทั้งชุมชนคริสต์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ทำให้บรรยากาศคริสต์มาสมากๆ, มีอาหารอร่อยๆ อย่างข้าวเกรียบปากหม้อญวน, เป็นแหล่งโคขุนโพนยางคำแบบออริจินอล, มีวัดที่สวยงามใกล้ชิดธรรมชาติ และ มีภูมิปัญญาผ้าครามสุดยอดงานฝีมือ

สารภาพตรงๆ ว่า มาสกลฯ เนี่ย โดนเพื่อนเอาเรื่องโคขุนโพนยางคำแบบออริจินอล มาล่อซื้อ สายเนื้ออย่างเราๆ ก็โดนซื้อด้วยเนื้อย่างมาแบบไม่ได้คิดอะไร แต่กลับไปแบบประทับใจมากๆ เพราะนอกจากความประทับใจแล้ว ที่สกลนคร มีมุมถ่ายรูปสวย ๆ เยอะมาก มาทีลงรูปได้ยาว ๆ นี่ขนาดเรายังเที่ยวไม่ครบนะคะ ได้กลับมาใหม่แน่ๆ อาหารก็ดี อยากให้มาทานปากหม้อปารีส ที่ปารีสไม่มีให้ทานกัน มาถ่ายรูปกับน้องหมาไซบีเรียนฮัสกี้ที่เรียงให้ถ่ายเป็นฝูงเลย น่ารักมากกกก
วันนี้ จะพาไปพบกัน 17 ที่เที่ยว จุดเช็คอิน สกลนคร ที่ไม่อยากให้พลาดค่ะ! เราชอบทริปนี้มากๆ ด้วยความสงบ ความอากาศดี ความหนาว ความคริสต์มาส แถมถนนดี ขับรถง่าย ทั้งทริปเราเติมน้ำมัน 300 บาทถ้วน ที่นี่ค่าครองชีพยังไม่สูงเท่าเมืองใหญ่ ทั้งที่พัก อาหารการกิน และที่สำคัญ ไม่ต้องแย่งถ่ายรูปกับใครเลย!!!

การเดินทาง

ทริปนี้เราไปกันช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ 2 วัน 1 คืนค่ะ บินไปถึงเช้าวันเสาร์ กลับเย็นวันอาทิตย์ ที่เที่ยวทั้งหมดเช่ารถขับค่ะ

สำหรับการเดินทางจาก กรุงเทพ สู่ สกลนคร ใช้เวลาบินประมาณ 1 ชั่วโมง ตอนนี้ มีให้บริการ 2 สายการบิน คือนกแอร์ และ แอร์เอเชีย ซึ่งเราขอแนะนำว่า ในสนามบินที่เที่ยวบินและสายการบินให้บริการไม่เยอะมาก การหาไฟลท์ผ่านเอเจนซี่อย่าง Traveloka คือสะดวกที่สุดค่ะ

เพราะ Traveloka จะสามารถจับคู่เที่ยวบินที่ราคาถูกที่สุดและเป็นเวลาที่ตรงกับความต้องการของคุณได้เลย แม้ว่าไฟลท์ไปกลับจะเป็นคนละสายการบินค่ะ (บางที ไปกลับคนละสายการบิน ก็ถูกกว่าสายการบินเดียวกันค่ะ เช็คใน Traveloka ได้เลยกดจองครั้งเดียว ไม่ต้องเปิดหลายเว็ป) ที่สำคัญ สามารถเช็คอินออนไลน์ผ่านแอพได้ด้วยค่ะ สะดวกมากๆ

จองตั๋วเครื่องบินไปสกลนครกับ Traveloka จองได้เลย > https://www.traveloka.com/th-th/flight/to/Sakon-Nakhon.SNO

หรือจะนั่งบัสกลางคืน ไปเช้าที่สกลก็ได้นะคะ ขากลับก็นั่งรอบสองทุ่ม มาเช้าที่กทม. ก็ได้นะคะ แต่แบบนี้กลัวจะเหนื่อยกันซะก่อนค่า

ร้านเช่ารถในสกลนครจะไม่มีแบรนด์ใหญ่นะคะ เป็นร้านท้องถิ่น ที่นัทได้ติดต่อด้วยจะมี
1. กิตติพงศ์รถเช่า มีเคาเตอร์ในสนามบิน ติดต่อ แอดไลน์ @skncarrent // แต่วันที่นัทไปรถหมดค่ะ เลยไม่ได้ใช้บริการ
2. กรุ๊ปคาร์เร้นท์รถเช่าสกลนคร ติดต่อ แอดไลน์   @car711 // รถหมดเช่นกันค่า
3. ร้านรถเช่าสกลนคร ติดต่อ 065 863 6698 ร้านจะอยู่ฝั่งตรงข้ามสนามบิน แต่พี่เค้าจะมารับส่งรถที่สนามบินค่ะ นัทได้ใช้บริการที่นี่ เป็นร้านเล็กๆ ทำกันเอง เค้าให้แอดไลน์ไป โอนจอง รถสภาพโอเคค่ะ สะอาดใช้ได้ เค้าจะส่งรูปรถมาก็เป็นตามที่ตกลงเลยค่ะ


หมู่บ้านท่าแร่ – ชุมชนคาทอลิคที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย

มาเริ่มต้นทริปกันค่ะ หลังจากที่เราบินมาถึงสนามบินสกลนครในไฟลท์เช้า เราก็จัดแจงเช่ารถให้เรียบร้อย ขอแนะนำว่า หากมาวันเสาร์อาทิตย์หรือวันหยุดเทศกาล แนะนำให้จองรถเช่าไว้ก่อนนะคะ เพราะรถเช่าในสกลนครมีจำนวนไม่เยอะค่ะ

เรามุ่งหน้ามาสู่หมู่บ้านท่าแร่ ซึ่งที่พักเราก็จะอยู่แถวนี้เช่นกันค่ะ หมู่บ้านท่าแร่จะใช้เวลาขับรถประมาณ 10-15 นาทีจากสนามบินและประมาณ 20 นาทีจากตัวเมืองสกลนครค่ะ มาชมที่เที่ยวแถวนี้กันเลยนะคะ

1. คฤหาสน์อุดมเดชวัฒน์

คฤหาสน์สไตล์ French Colonial ที่สวยงาม มีเสน่ห์มากๆ มี 2 อาคารถัดกันค่ะ สามารถเดินถึงกันได้เลย ช่วงที่นัทมาอากาศดีมากๆ

ประวัติคร่าวๆ ของอาคารแห่งนี้ คือ คฤหาสน์หลังนี้ เป็นของนายคำสิงห์ อุดมเดช หรือเป็นที่รู้จักกันในชื่อ องเด สร้างขึ้นตามรูปแบบสถาปัตยกรรมฝรั่งเศส ในปี ค.ศ. 1933 โดยช่างชาวเวียดนาม ที่อพยพมาอยู่บ้านท่าแร่ สภาพของอาคารในปัจจุบัน อยู่ในการดูแลของผู้รับมรดก แต่ขาดการบูรณะซ่อมแซม เพราะไม่มีผู้อาศัยอยู่อย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม โครงสร้างของอาคารหลังนี้ ได้ใช้เทคนิคแบบโบราณในการก่อสร้าง โดยใช้ปูน ทราย อิฐ ผสมผสานยึดติดกันกับเสาไม้ ทำให้ผนังและหลังคามีความมั่นคงแข็งแรงและปลอดภัย ประกอบกับการตกแต่งแบบฝรั่งเศสในยุคอาณานิคมโดยชาวเวียดนาม ทำให้ที่นี่เป็นสถาปัตยกรรมที่ล้ำค่าแห่งหนึ่งในจังหวัดสกลนคร

สีของอาคาร กับร่องรอยตามกาลเวลา ทำให้อาคารแห่งนี้ดูมีเสน่ห์มากๆ ค่ะ

ตอนนัทไปอากาศประมาณ 18-25 องศา ตอนเช้ากับกลางคืนคือหนาวเลย อย่าลืมติดเสื้อกันหนาวไปด้วยนะคะ

คฤหาสน์อุดมเดชวัฒน์และคฤหาสน์ข้างๆ สามารถมาถ่ายรูปได้เลย ไม่มีค่าใช้จ่ายค่ะ มีที่จอดรถริมถนนเลย หรือจะไปจอดที่โบถส์แล้วเดินมาก็ได้นะคะ เพราะแถวนี้ เดินถึงกันหมดค่ะ นัทเดินถ่ายรูปเพลินทั้งวัน

บรรยากาศคริสต์มาสมาแล้วนะคะ สังเกตดาวที่แขวนอยู่ตามอาร์คโค้งของอาคาร ในวันคริสต์มาสของทุกๆ ปี ที่หมู่บ้านท่าแร่ จะมีพิธีแห่ดาว ซึ่งเป็นขบวนดาวใหญ่มากเลยค่ะ เป็นหน้าตาเหมือนกันดาวที่แขวนอยู่


2. ข้าวเปียกโบราณฟรานซิสโก

เดินมาใกล้ๆ กันเลยค่ะ จะเป็นที่ตั้งของร้านข้าวเปียก ในอาคารแสนสวย มีเสิร์ฟทั้งข้าวเปียก ไข่กระทะ ข้าวต้ม สุกี้ กาแฟเวียดนาม ค่ะ มาทานเป็นอาหารเช้าได้เลย

รูปซ้ายมาจากคฤหาสน์นะคะ รูปขวาคือตรงหน้าร้านข้าวเปียกค่า


3. Wara’s Cafe

คาเฟ่ที่อยู่ติดกับคฤหาสน์ ภายในตกแต่งน่ารัก มีเครื่องดื่ม ขนม ให้บริการ นัททานไปแค่พวกน้ำโซดา ก็ใช้ได้เลยค่ะ

ภาพขวาล่าง ตรงซอยข้างๆ กำแพงสีเหลืองให้ความรู้สึกเหมือนอิตาลีมากๆ นัทชอบมุมนี้มากเลยค่ะ

Facebook : https://www.facebook.com/warascafe2017

ฝั่งตรงข้ามคฤหาสน์อุดมเดชวัฒน์จะมีร้านชื่อระเบียงดาว ที่เราไปทานเสือร้องไห้ แล้วเนื้อกับแจ่วอร่อยมาก ชอบมากค่ะ


4. อาสนวิหารอัครเทวดามีคาแอลท่าแร่ (St. Michael Cathedral)

อยู่เยื้องกับ ข้าวเปียกโบราณฟรานซิสโกเลยค่ะ จริงๆ สถานที่ทั้งหมดที่กล่าวมาตั้งแต่ต้น เดินถึงกันได้ภายใน 3 นาที

อาสนวิหารอัครเทวดามีคาแอลเป็นโบสถ์รูปทรงเรือ เพื่อเป็นการระลึกถึงการอพยพมาตั้งถิ่นฐานของคริสตชนในหมู่บ้านนี้ค่ะ

ความพิเศษของ St. Michael Cathedral ที่ท่าแร่นั้น คือในช่วงวันคริสต์มาส 23-24 ธค. ทุกปี เค้าจะมีพิธีแห่ดาวค่ะ ส่วน 25 ธค. จะเป็นพิธีมิซซาค่ะ ซึ่งการแห่ดาวนั้น มีแค่ที่นี่เลยนะคะ เป็นการระลึกถึงเหตุการณ์ที่บรรดาโหราจารย์ได้ติดตาม
ดาวประหลาดดวงหนึ่ง เพื่อไปพบสถานที่ประสูติของพระเยซูเจ้าที่เบธเลเฮม และถือกันว่าดวงดาวคือสัญลักษณ์แห่งการประสูติของพระเยซูค่ะ


5. ตึกหินโบราณ ท่าแร่

บ้านโบราณหลังนี้ มีอายุประมาณ 90-100 ปี เนื่องจากถูกไฟไหม้และไม่ได้มีการบูรณะ จึงถูกทิ้งร้างไว้ บริเวณตัวอาคารจะมีป้ายอธิบายประวัติของบ้านอยู่ค่ะ

ภายในมีต้นโพธิ์ต้นใหญ่ขึ้นมา ทำให้ที่นี่กลายเป็นโลเคชั่นที่ดูเซอร์เรียล และ ถ่ายรูปออกมาได้แฟนตาซีมากๆ ค่ะ

รูปที่ออกมาคือประมาณนี้เลยนะคะ! เป็นโลเคชั่นถ่ายรูปที่น่าสนใจมาก


6. อุทยานบัวเฉลิมพระเกียรติ

สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2553 เพื่อเป็นแหล่งรวบรวมบัวพันธุ์ต่างๆ ไว้กว่า 30 สายพันธุ์

ถ้าให้รีวิวตรงๆ มันไม่ค่อยเห็นบัวเยอะเท่าไหร่ค่ะ มีบ้าง แบบที่เห็นในภาพ คิดว่าถ้ามีเวลาและผ่านอยู่แล้ว ก็มาแวะเที่ยวได้ เป็นฟีลสวนสาธารณะ มาเดินเล่น อากาศดีๆ พักผ่อน แต่หากไม่ได้มีเวลา ก็ข้ามได้ค่ะ

ภายในอุทยานบัวนี้ จะมีองค์พญานาคเผือก สีขาวสวยงามอยู่ด้วยค่ะ มีแท่นให้กราบไหว้บูชาได้ค่ะ


7. Buckstawk Coffee House

ร้านนี้ ตกแต่งบรรยากาศได้แบบคริสต์มาสสุดๆ ไปเลยค่ะ มีต้นคริสต์มาสอยู่ด้านหน้า มีตุ๊กตาตกแต่งเต็มไปหมดเลย นัทได้ลองชิมพิซซ่าอร่อยดีค่ะ แวะมาทานอาหารเที่ยงกันได้นะคะ มีขนม กาแฟ และ เครื่องดื่มต่างๆ ด้วย

ด้านในเป็นยิมกับที่พักค่ะ เพื่อนนัทพักที่นี่ เป็นสไตล์เกสท์เฮ้าส์นะคะ มีมุมสระว่ายน้ำเล็กๆ แต่น่ารักด้วย

Facebook : https://www.facebook.com/buckstawk

ดาวทางรูปซ้ายนี่นัทซื้อมาเป็นของที่ระลึกค่ะ ซื้อจากร้านในท่าแร่นี่แหล่ะค่ะ

รูปขวาคือต้นคริสต์มาสของที่ร้าน น่ารักกกกกก

ภายในบ้านพักด้านใน

8. Pimulano

สำหรับโรงแรมที่เราพักในทริปนี้คือ Pimulano ค่ะ ห้องกว้างดี มีที่จอดรถเยอะ อยู่บนถนนใหญ่เลยค่ะ เดินทางจากสถานบินสะดวกมาก แต่ถ้าใครเน้นโปรแกรมในเมือง ก็ไปพักในเมืองนะคะ เพราะที่นี่จะไกลจากเมืองประมาณ 15-20 นาที แต่ใกล้แหล่งท่องเที่ยวในหมู่บ้านท่าแร่ แบบขับรถ 5 นาทีถึง วันอาทิตย์ข้างๆ จะมีตลาดนัดอีกด้วยค่ะ

โรงแรมนี้ไม่ได้อยู่ในเว็ปจองโรงแรมนะคะ แต่ติดต่อทางเพจหรือไลน์ไปได้เลยค่ะ คืนละ 690 บาท
Facebook : https://www.facebook.com/pimulanohotel/


เมืองสกลนคร

ในวันแรก นัทเที่ยวในท่าแร่เป็นหลักค่ะ ส่วนวันที่สอง ก็มาเที่ยวในเมืองเป็นหลักค่ะ ตัวเมืองสกลนครตั้งอยู่ไม่ไกลจากสนามบิน จากประตูเมืองถึงสนามบินประมาณ 10-15 นาที ขับรถง่าย และตามสถานที่ท่องเที่ยวมีที่จอดรถค่ะ ที่สกลนครยังขึ้นชื่อเรื่อง พระธาตุห้าแห่ง ซึ่ง 3 ใน 5 เป็นพระธาตุที่สร้างโดยอิทธิพลศิลปะขอมค่ะ น่าสนใจมากๆ ตามมาเที่ยวในเมืองสกลกันเลย

9. พระธาตุนารายณ์เจงเวง

เราขับรถมาจากท่าแร่ ที่ที่ใกล้ที่สุดจะเป็น พระธาตุนารายณ์เจงเวงค่ะ เป็นพระธาตุแบบศิลปะขอม ขนาดไม่ใหญ่มาก แต่มีความเป็นมาที่น่าสนใจ มีเรื่องเล่าว่า พระธาตุนารายณ์เจงเวงนั้น เป็นพระธาตุที่กลุ่มสตรีเมืองหนองหาน สร้างเพื่อแข่งกับกลุ่มผู้ชายที่สร้างพระธาตุภูเพ็ก โดยในตำนานพระอุรังคธาตุ ได้กล่าวไว้ว่า หากกลุ่มใดสร้างพระธาตุสำเร็จก่อน จะได้บรรจุพระอุรังคธาตุของพระพุทธเจ้า แต่กลุ่มผู้ชายได้ยุติการสร้างเมื่อเห็นดาวเพ็กบนท้องฟ้า ซึ่งเป็นกลลวงของกลุ่มผู้หญิงผู้สร้างพระธาตุนารายณ์เจงเวง ปราสาทอีกหลังที่ยังสร้างไม่เสร็จนี้จึงได้ชื่อว่า ปราสาทพระธาตุภูเพ็ก ตามชื่อดาว “เพ็ก”

ซึ่ง พระธาตุนารายณ์เจงเวงนั้น เดินทางง่าย จอดรถแล้วชมพระธาตุได้เลย ในขณะที่พระธาตุภูเพ็ก เราต้องเดินขึ้นบันได้ 491 ขั้นไปเพื่อสักการะ แต่ก็มีลักษณะเป็นปราสาทขอม น่าสนใจเช่นกันค่ะ

ที่พระธาตุนารายณ์เจงเวงเราจะยังเห็นซุ้มข้างบนสลักรูปนารายณ์บรรทมสินธุ์ และมีรายละเอียดงดงามหลายจุดค่ะ


10. ปากหม้อปารีส

มาถึงสกล ต้องทานข้าวเกรียบปากหม้อนะคะ! ร้านที่ดังที่สุดในสกลจะเป็นร้านปากหม้อปารีส (แต่ก็ยังมีร้านขึ้นชื่ออีกหลายร้าน ที่เรายังไม่มีโอกาสได้ไปลอง และจะกลับไปลองให้ได้) แป้งเหนียวนุ่ม ไส้ทะลัก ทานกับน้ำจิ้มและหอมเจียว กลมกล่อม ดีมากๆๆๆ นัททานเป็นมื้อเลย มีหลายแบบให้เลือกนะคะ ทั้งแบบข้าวเกรียบกรอบๆ แบบห่อไข่ แบบไข่ดาว อร่อยกันคนละแบบ ติดใจมาก

อ้อ เค้าชื่อปากหม้อปารีส เพราะอยู่หน้าโรงหนังปารีสนะ สตอรี่คล้ายๆ ลอดช่องสิงคโปร์ ถ้าไปถึงปารีสก็ไม่มีให้ทานน๊าาาา


11. พระธาตุเชิงชุม วรวิหาร

เป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองของชาวสกลนครค่ะ เป็นที่ประดิษฐานหลวงพ่อองค์แสน และ มีบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ตามความเชื่อของคนท้องถิ่นอยู่ที่นี่อีกด้วยค่ะ


12. ถนนคนเดิน ผ้าคราม

ถนนด้านหน้าวัดพระธาตุเชิงชุม จะเต็มได้ด้วยร้านค้าและแผงขายผ้าครามค่ะ

สำหรับคนยังไม่รู้ว่าผ้าครามคืออะไร : ผ้าคราม คือผ้าที่ย้อมด้วย “คราม” ซึ่งเป็นพืชชนิดหนึ่ง ใบก็ดูเป็นสีเขียวปกติเนี่ยแหล่ะค่ะ มีดอกด้วย แต่เมื่อนำมาย้อมผ้าจะกลายเป็นสีฟ้า (เรียกตามชื่อครามว่า Indigo Blue)

ต้นครามให้สีฟ้า Indigo Blue อันสวยงามกับเรา ส่วนผ้านั้น จะทำเทคนิคไหนก็สุดจะแล้วแต่เทคนิคและการสร้างสรรค์ของคนทำค่ะ ไม่ว่าจะย้อมเส้นด้ายแล้วนำมาทอให้เกิดลาย หรือ นำมาปัก หรือจะเอาผ้าขาวไปมัดย้อมเป็นลายสวยๆ ก็สร้างสรรค์ได้หลากหลาย ไปจนถึงการทำผ้ามัดหมี่ ซึ่งเป็นงานฝีมือขึ้นชื่อในภาคอีสานค่ะ

ผ้าคราม ที่ขายอยู่บนถนนเส้นนี้ ก็มีหลากหลาย เทคนิคและราคาค่ะ ตามความละเอียด ปราณีต และ ความสร้างสรรค์เลยค่ะ ของฝากจุกจิกๆ เล็กๆ น้อยๆ ก็มี เสื้อผ้าสวยๆ จากผ้าครามก็เยอะ มาช้อปกันได้สนุกเลยค่ะ

เดินๆ ไป แอบเจอมะพร้าวไฟ ลูกละ 20 บาท ชื่นใจมาก จริงๆ บนถนนเส้นนี้ มีคาเฟ่ดูเก๋ๆ ด้วยนะคะ ลองมาเดินกัน


13. Mann Craft

ร้าน แมน คราฟท์ ตั้งอยู่ที่อาคารครามทอง แยกศรีนคร ถ.สุขเกษม ค่ะ จากเรื่องราวของผ้าครามที่เราเล่าไปข้างต้น ที่ร้านนี้จะค่อนข้างร่วมสมัย นำภูมิปัญญาเรื่องผ้าคราม มาสร้างสรรค์เป็นงานศิลปะบนผืนผ้าหลากหลาย หนึ่งในซิกเนเจอร์ที่เราเห็นจะเป็นตัว อีโค่ปริ้นท์  ซึ่งเป็นการย้อมและพิมพ์ลายด้วยวัสดุธรรมชาติ ลายของธรรมชาติชิ้นนั้นลงไปอยู่บนผ้าเลยค่ะ ดอกเป็นดอก ใบเป็นใบ ลองแวะไปชมนะคะ

Facebook : https://www.facebook.com/Mann-craft-shop-571786736234888/


14. โคขุนโพนยางคำ

เนื้อโคคุณภาพสูงจากหมู่บ้านโพนยางคำ ตำบลโนนหอม อำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร ที่ถูกพัฒนาจากโคเนื้อลูกผสมไทย-ฝรั่งเศส ให้เนื้อมีความนุ่ม มีกลิ่นหอมและรสหวานยิ่งขึ้นค่ะ

ในเมืองสกลนครนั้น มีร้านโคขุนปิ้งย่างหลายแห่งมากๆ นัทไปทานได้แค่ร้านเดียว เลยยังไม่กล้าแนะนำ เพราะไม่ได้ลองร้านๆ หลายเทียบกัน แต่เท่าที่ได้ยินมา ก็จะมีร้าน เตาถ่าน โคขุนโพนยางคำ, เตาถ่านพรีเมี่ยม, โม้งดอย (อันนี้เล็งไว้เป็นการส่วนตัว อยากไปมาก), ฟาร์มฮัก ประมาณนี้ค่ะ


15. วัดถ้ำผาแด่น

เราออกจากในเมือง ขับรถประมาณ 20-30 นาที ไปยังวัดถ้ำผาแด่น ค่ะ

ในฐานะที่เราไม่ใช่สายเที่ยววัด แต่บอกเลยว่าวัดนี้ไม่ธรรมดาค่ะ อยู่บนเนินเขาอันเป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาภูพาน เราต้องไปจอดรถ แล้วนั่งรถสองแถวของวัดขึ้นไปค่อนข้างชัน บรรยากาศธรรมชาติมาก ด้านบน เห็นวิวสกลนคร มีความร่มรื่น เย็นเหมือนเดินป่าเลยค่ะ และที่วัดไม่ได้เป็นแผนผังวิหาร อุโบสถ เป็นอาคารๆ แบบทั่วไป เค้ามีการแกะหินเล่าเรื่องราวทางพุทธศาสนา มีการสร้างเจดีย์ก้อนหินสีทองขนาดใหญ่ สร้างพญานาคเลื้อย พญาเต่างอย มีสวน มีน้ำตก เหมือนเข้าไปในดินแดนในจินตนาการ รู้สึกเพลินและสงบร่มเย็นมากค่ะ

พระพุทธบาท

บรรยากาศร่มรื่นภายในวัด

ใกล้ชิดธรรมชาติมากๆ


16. ครามสกล

ระหว่างทางไปวัดถ้ำผาแด่น จะมีร้านครามสกลตั้งอยู่ค่ะ ที่นี่เป็นร้านขายผ้าคราม ซึ่งมีการจัดสาธิตขั้นตอนต่างๆ ในการทำผ้าคราม ทั้งการย้อม การทอ มีของฝากหลากหลาย สามารถมาร่วมเวิร์กช้อปมัดย้อมได้ (แจ้งล่วงหน้า) ด้านหน้ายังมี คาเฟ่ และ ร้านอาหารอีกด้วย นัทแวะทานกาแฟ อร่อยเลยนะคะ

Facebook : https://www.facebook.com/KhramSklKramsakon/


17. Sonata Siberian’s Cafe

นัทชอบที่นี่มากๆๆๆๆ เป็นคาเฟ่น้องหมาไซบีเรียนฮัสกี้ค่ะ ซึ่งตัวคาเฟ่เอง อาหารดีเลยค่ะ (นัททานแค่ของทานเล่น) มีเบียร์ดีๆ เต็มตู้เลย เครื่องดื่มก็ใช้ได้

ส่วนพระเองของที่นี่คือน้องหมาไซ! อยากเชิญชวนมาพิสูจน์ว่า หมาไซเป็นหมาตลกจริงมั้ย เพราะสำหรับเรา ต่อให้น้องจะดูหล่อเท่ในรูปแค่ไหน ตัวจริงก็คือป่วงมากกก สนุกมากค่ะ

น้องๆ จะออกมาเป็นรอบนะคะ วันละ 2 รอบ รอบละ 1 – 1.5 ชม. ค่ะ เช็ครอบบนเพจร้านก่อนไปนะคะ ถ้าเข้าเล่นน้องหมาเฉยๆ ค่าเข้า 120.- หรือจะซื้อเป็นแพกเกจ 155.- รวมค่าเข้า และแลกเครื่องดื่มได้ 55.- ค่า

ทางร้านบอกว่า สุนัขทุกตัวผ่านการประกวด และตรวจตัว มีตำแหน่งแชมป์ประเทศไทย ไม่มีนิสัยดุร้ายจ้า

น้องให้ความร่วมมือในการถ่ายรูปดีมากกกกกก ฮ่าาๆๆๆๆ

จะบอกว่า สิ่งที่เราประทับใจที่นี่มากๆ คือ พี่เลี้ยงน้อง และ เจ้าของน้อง เค้าคอยดูแล แต่ไม่หวงน้อง ไม่ดุเรา ไม่ดุน้อง คือมันเป็นไปด้วยความสนุกสนาน เหมือนไปเล่นหมาน่ารักๆ บ้านเพื่อนอ่ะค่ะ คุณป้าที่เป็นคุณแม่ของเจ้าของก็น่ารักมากๆ มาคอยพูดคุย ดูแลลูกค้าตลอดเลยค่ะ

แล้วอยากได้รูปแบบไหน บอกเค้าได้ พี่เลี้ยงเค้าช่วยจัด ช่วยถ่ายให้ได้ค่ะ น้องหมาก็ดูแฮปปี้ เอเนอจี้ล้นมากกกกกกกกก พื้นที่ก็ดีค่ะ

ลงไปอ้อนบ้าง มาเล่นกระโปรงพี่บ้าง กอดหอมได้ น้องไม่มีกลิ่นเลยค่ะ ตัวหอมกันเว่อ (จนต้องนึกถึงใจคนอาบน้ำน้องว่า เหนื่อยมั้ยคะ ^ ^) ในดงน้องไซ ก็จะมี คอร์กี้อยู่สองตัว ตูดคอร์กี้นี่มันดุ๊กดิ๊กจริงๆ วันดีคืนดี คอร์กี้ กระโดดด้วยขาสั้นๆ จนไซต้องหนี คือมันเป็นหนึ่งชั่วโมงที่สนุกมากเลยค่ะทุกคน

เนี่ยยย ในรูปก็มาอย่างหล่อเลย

หันมาทำหน้าเอือมใส่ก็มี

หันมาวิ๊งให้กล้องบ้าง เล่นกับพี่บ้าง โอ้ะ น่ารัก ประทับใจ ต้องมาให้ได้นะคะ


หวังว่าทุกคนจะชอบทริปสกลนคร ในแบบ Eat Chill Wander นะคะ ตัวนัทเองก็ยังเที่ยวไม่ครบ แต่ตั้งใจจะใช้วันหยุดสุดสัปดาห์ เที่ยวไทยให้มากขึ้นในช่วงที่ไปต่างประเทศไม่ได้ เราได้ค้นพบว่า เมืองไทยยังมีอะไรอีกเยอะแยะจริงๆ ค่ะ

จองตั๋วเครื่องบินไปสกลนครกับ Traveloka จองได้เลย > https://www.traveloka.com/th-th/flight/to/Sakon-Nakhon.SNO

ยังมีรีวิวจังหวัดอื่นๆ ให้อ่านอีกนะคะ อ่านต่อได้เลย >>

หากชอบรีวิว อย่าลืมกดไลค์เพจ และ ติดตามไอจี @eatchillwander ด้วยนะคะ ขอบคุณมากๆ ค่า




ติดตาม Eat Chill Wander ได้ที่
Facebook : Eat Chill Wander
Instagram : @eatchillwander
Twitter : @eatchillwander
Youtube : Eat Chill Wander
Website : www.eatchillwander.com

error: