[รีวิว] Il Fumo (อิล ฟูโม) เปิดประสบการณ์อาหารโปรตุเกส ณ ร้านอาหารบรรยากาศดี ใจกลางกรุง

เวลาพูดถึงอาหารโปรตุเกส นึกถึงอะไรกันคะ? สำหรับนัทประเทศโปรตุเกส เป็นประเทศสุดท้ายในยุโรปตะวันตกที่นัทได้มีโอกาสเดินทางไปเที่ยวค่ะ เป็นประเทศที่นัทอยากไปมานานแล้วแต่ไม่มีโอกาส และนอกจากผู้คนและวัฒนธรรม สถานที่สวยๆ ที่เคยได้สัมผัสก่อนไป หนึ่งในเหตุผลที่ทำให้เรายิ่งอยากไปโปรตุเกสมากขึ้น ก็คือหลังจากที่ได้มาทานอาหารที่ร้าน “Il Fumo (อิล ฟูโม)” เนี่ยแหล่ะค่ะ

หลังจากทานอาหารที่ Il Fumo ครั้งแรก ก็ถึงกับจองตั๋วไปโปรตุเกส เรารู้สึกว่าอาหารโปรตุเกสนั้น มีรสชาติกลมกล่อม ไม่เลี่ยน ไม่หนัก บางจานมีรสจัดบ้าง มีเครื่องเทศน่าสนใจ มีความละเมียดละไมของครีมหรือเนยบ้าง ที่สำคัญ ทำของซีฟู้ดอร่อยมากๆ และพอมีโอกาสไปเที่ยวโปรตุเกสก็ไม่ผิดหวังเลยค่ะ

เราแฮปปี้กับอาหารที่นั่นมาก น่าจะเป็นทริปยุโรปที่รู้สึกว่า ไม่มีอาหารเมนูไหนที่ไม่ชอบเลย (ยกเว้นขนมดั้งเดิมประเภทที่เป็นออริจินอลของฝอยทอง ที่หวานจริง หวานไปมากกกก แต่ก็ไม่ได้นิยมทานในหมู่คนทั่วไปในปัจจุบัน) พอกลับมาจากทริปนั้น ก็ยังรู้สึกอยากทานอาหารโปรตุเกส ไม่ว่าจะเป็น ปลาคอดเค็มตากแห้ง (Bacalhau), ปลาหมึกยักษ์, ไปจนถึงเมนูที่ใช้ น้ำมันมะกอกดีๆ ใช้แซฟฟรอนแบบละมุนๆ ปิดท้ายด้วย Port Wine จาก Douro Valley บ้านเกิดเชฟ Nelson Amorim ซึ่งก็ทำให้เรากลับมาทานที่ Il Fumo ทุกครั้ง!

ร้าน “Il Fumo (อิล ฟูโม)” เป็นบ้านสองชั้นบนถนนพระราม 4  ที่ดัดแปลงมาจากบ้านที่อยู่อาศัย มีส่วนของบาร์ ที่นั่งด้านใน และ ระเบียงด้านนอก มีบรรยากาศที่ดูโมเดิร์น มินิมอลสะอาดตา แต่ก็แผงไปด้วยดีเทลเล็กๆ น้อยๆ ที่ให้ความรู้สึกอบอุ่น และเป็นกันเอง

วันนี้ เราขอมารีวิวอาหาร ทั้งแบบ Tasting Menu 4 คอร์ส และ แบบ A-la-carte นะคะ

เริ่มต้นที่ Tasting Menu 4 Course สนนราคาอยู่ที่ 1,900 บาท++ สามารถเพิ่มไวน์แพร์ริ่งได้ในราคา 1,200 บาท++ ด้วยค่ะ

มื้ออาหารค่ำของเราเริ่มต้นด้วยขนมปัง Sweet Bread แนวโปรตุเกส ที่หนานุ่มแต่กรอบนอก  เสิร์ฟมาให้ทานคู่กับน้ำมันมะกอกชั้นดี โรยด้วยเกลือ หรือจะทากับเนยโฮมเมดของทางร้านก็ได้เช่นกัน

Cod Fish Salad, Pickled Vegetables & Anchovies Dressing

ปลาค๊อดตากแห้ง ที่นำมาแช่น้ำนานข้ามวัน รสชาติเข้มข้น นำมาปรุงรส ทานคู่กับผักดองรสเปรี้ยวหวาน และซอสที่ทำจากปลาเค็ม เพิ่มความอูมามิและความหอมให้กับอาหารจานนี้ได้เป็นอย่างดี

Charcoal-grilled Octopus with Pistachio Purée

หนวดปลาหมึกยักษ์ย่าง นุ่มมากๆ ไม่เหนียวเลย รสชาติกลมกล่อม หอมกลิ่นไหม้เล็กน้อย ทานคู่กับซอสที่ทำจากถั่วพิตาชิโอ้บด

Pan-seared Foie Gras, Figs Jus & ‘Troxas de Ovos’

ฟัวกรา ทอดบนกระทะ แบบที่คนไทยคุ้นเคย ราดด้วยซอสผลฟิก แต่ที่พิเศษกว่าคือ เสิร์ฟมาพร้อมกับขนมคล้ายฝอยทองบ้านเรา แต่จริงๆแล้วเป็นขนมแบบดั่งเดิมของชาวโปรตุเกสเค้า ที่เรียกว่า Troxas de Ovos ซึ่งเรานำเข้ามาใช้และดัดแปลงตั้งแต่สมัยอยุธยานั่นเอง

Ibérico Pork ‘Pluma’ with Spiced Carrots Purée & Seasonal Mushrooms

สันคอหมูดำจากสเปน นำมา sous vide และย่าง จนฉ่ำ เด้ง ราดด้วย jus เข้มข้น ทานคู่กับ พูเรแครอท และเห็ดตามฤดูกาล

Pan-seared Sea bass with ‘Bulhão Pato’ Sauce & Guanciale

ถ้าไม่ทานหมู เราสามารถเลือกสั่ง main course เป็นปลากระพงได้ โดยเชฟนำปลามาย่าง ราดด้วยซอส Bulhão Pato ที่ทำจากน้ำมันมะกอก กระเทียม พริกไทย และผักชี เสริมรสเค็มและอูมามิด้วยแฮมส่วนแก้มหมู

ด้วยขนมหวาน Orange ‘Story’ ที่หวานหอม สดชื่น มีมิติ ปิดท้ายคอร์สได้เป็นอย่างดี พรีเซนเทชั่นน่ารักมากๆ


มาชมเมนู A la carte กันบ้างค่ะ สำหรับใครที่อยากเลือกเมนูเอง

Ibérico Shoulder Ham Bellota 24-months Juan Pedro Domecq ราคา 990 บาท

แฮมขาหน้าจากหมูดำ iberico ที่ถูกแขวนไว้นาน 24 เดือน โดยแฮมขาหน้านั้นจะให้รสชาติที่เข้มข้น และรสสัมผัสที่นุ่ม มากกว่าแฮมจากขาหลัง สำหรับแฟนพันธุ์แท้ jamon iberico ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง

Charcoal-grilled Jumbo River Prawn with Crab Meat & Saffron ราคา 1,290 บาท

กุ้งแม่น้ำไซส์ 3 ตัวโล นำมาย่าง สอดไส้ด้วยกรรเชียงปูลูกโต ราดด้วยซอสที่ทำมาจากมันกุ้งผสมหญ้าฟรั่น หอมหวลมากๆ

Handmade Tagliolini with Autumn Black Truffle ราคา 190 บาท/กรัม (min 7 g)

เส้น Tagliolini สด ผัดกับซอสครีมอย่างเรียบง่ายตามสูตรต้นตำรับ italian แท้ๆ เพื่อที่จะให้เราได้รับกลิ่นหอมของเห็ดทรัฟเฟิลได้อย่างเต็มที่ จานนี้เป็นเมนู A La Carte ที่เป็น bestselling ของที่นี่เลยค่ะ

Strawberries & Champagne ราคา 390 บาท

ปิดท้ายด้วยขนมหวานแบบละมุนๆ และเข้ากันได้ดีอย่าง สตรอเบอร์รี่ และ แชมเปญ

โดยสรุปแล้วคิดว่า แต่ละจานอาจจะไม่ได้หวือหวามาก แต่มีความละเอียด ปราณีต รสชาติดี มีบาลานซ์ที่ดี การเลือกใช้วัตถุดิบน่าสนใจ และมีเรื่องราวของมัน ที่สำคัญ เมนูที่นี่ให้ความรู้สึกว่ากลับมาทานซ้ำได้เรื่อยๆ ต่างจากหลายร้านไฟน์ไดนิ่งที่ผ่านไปพักใหญ่ๆ ถึงกลับมาทาน อีกทั้งอาหารโปรตุเกสที่ไม่ได้มีตัวเลือกเยอะในเมืองไทย รสชาติอาหารของที่นี่ก็ทำให้เรานึกถึงทริปโปรตุเกสจริงๆ ที่ไม่ผิดหวังซักมื้อเลย


ร้าน “Il Fumo (อิล ฟูโม)”

ตั้งอยู่ในซอยเล็กๆ บนถนนพระราม 4 ระหว่างสถานีคลองเตยและสถานีลุมพินี มีที่จอดรถ

เปิดบริการทุกวัน เวลา 17.00 – 22.30 น.

โทร. : 02-286-8833
เว็ปไซต์ : https://www.ilfumo.co/

error: