แผนเที่ยว Dubrovnik ตามรอยคิงส์แลนดิ้ง Game of Thrones ซีนต่อซีน [อัพเดทช่วงโควิด]

หาที่ไปเที่ยวช่วงโควิดอยู่รึเปล่าคะ? หนึ่งในที่ที่เที่ยวง่าย ข้อกำหนดไม่เยอะ ต้องยกให้ “ประเทศโครเอเชีย” เลยค่ะ ค่าครองชีพถูก เดินทางง่าย และมีเมืองที่เป็นไฮไลท์ที่ถือเป็นเมืองในฝันของใครหลายๆ คน อย่าง เมืองดูบรอฟนิก/ดูโบรฟนิก (Dubrovnik) เมืองสวยอลังการ ริมทะเล ที่มีป้อมปราการล้อมรอบ หลังคาสีส้มตัดกับสีน้ำเงินของน้ำทะเล ทำให้ที่นี่กลายเป็นหนึ่งในเมืองที่สวยที่สุดบนชายฝั่งทะเลอาเดรียติกกันเลยทีเดียว

ประเทศโครเอเชียนั้น เป็นประเทศทางตะวันออกเฉียงใต้ของยุโรป ในบริเวณที่เรียกกันว่าคาบสมุทรบอลข่าน อยู่ทางตอนเหนือของกรีก ถ้าไปเปิดดูแผนที่ดีๆ จะเห็นว่าขับรถต่อมาจากอิตาลีได้เลย ประเทศนี้มีทั้งที่เที่ยวทางชายฝั่งที่ติดกับทะเลอาเดรียติก และ บนภูเขา มีเมืองสวยๆ อากาศดี สถาปัตยกรรมโรมันโบราณ ที่เที่ยวทางธรรมชาติเต็มไปหมดเลยค่ะ

โดยในครั้งนี้เราจะพาทุกคนมาเที่ยวเมือง Dubrovnik ซึ่งนัทเองตั้งใจไปตามรอยซีรีส์ชื่อดังอย่าง Game of Thrones เป็นหลัก เพราะที่นี่คือฉากเมือง King’s Landing ค่ะ แต่ก็ถือว่าได้ไปครบทั่วเมืองเลยนะคะ ไม่ว่าคุณจะเคยดูซีรีส์เรื่องนี้ หรือ ไม่เคยดูเลย เมืองนี้ก็ยังน่าเที่ยว และ อยากชวนให้ทุกคนมาอยู่ดีค่ะ เป็นอีกหนึ่งในเมืองที่สวยและมีเสน่ห์ที่สุดในยุโรปเลย ในรีวิวนี้ นัทไปมาช่วงตุลาคม 2021 อัพเดทสุดๆ เลย

*หมายเหตุ* มีการสปอยเนื้อหาของ Game of Thrones


การเดินทางไปดูบรอฟนิก/ดูโบรฟนิก (Dubrovnik)

เมือง Dubrovnik นั้น อยู่ทางตอนใต้ของประเทศโครเอเชีย สามารถจัดทริปได้หลายรูปแบบ ทั้งแบบบินไปลงดูบรอฟนิกเลยแล้วใช้ดูบรอฟนิกเป็นเบสในการเที่ยวรอบๆ หรือจะขับรถเที่ยวทั่วประเทศโครเอเชียและประเทศเพื่อนบ้านก็ได้เช่นกัน

นอกจากนี้ ในช่วงซัมเมอร์ของยุโรป ซึ่งเป็นช่วงที่คนยุโรปนิยมมาเที่ยว (ประมาณพค.-ตค.) จะมีไฟลท์บินมาลงที่นี่เป็นจำนวนมาก หากคุณมาเที่ยวเมืองต่างๆ ในยุโรปอยู่แล้ว เรียกได้ว่า จากเมืองหลวงของเกือบทุกประเทศ มีบินตรงมาดูบรอฟนิกแทบทั้งนั้น ใครที่มีเวลาสั้นๆ ก็อาจจะลองหาตั๋ว บินมาเที่ยวเมืองนี้เมืองเดียว ในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ก็เป็นได้

แต่หากคุณเดินทางจากเมืองไทย ก็มีหลากหลายออปชั่นค่ะ

Option เที่ยวทั่วโครเอเชีย : หากจะขับรถเที่ยวหรือนั่งบัสเที่ยวทั่วประเทศอยู่แล้ว แนะนำให้บินมาลง Zagreb เมืองหลวง เพราะมีเที่ยวบินถี่กว่า เมือง Zagreb กับเมือง Dubrovnik นั้น ระยะทางห่างกันประมาณ 600 กม. แต่มีแหล่งท่องเที่ยวมาตลอดทาง สามารถเช่ารถขับจาก Zagreb มาแวะที่ Plitvice – Split – Dubrovnik ก็เป็นเส้นทางเบสิคที่ขับง่าย วิวสวยตลอดทาง หรือจะค่อยๆ นั่งบัสมาก็ได้เช่นกันค่ะ

เที่ยวบินจากประเทศไทย ไปยังเมือง Zagreb ประเทศโครเอเชีย มีหลายสายการบิน ได้แก่ Air France (ต่อเครื่องปารรีส), Austrian Airlines (ต่อเครื่องเวียนนา), Emirates-Flydubai (ต่อเครื่องดูไบ), KLM (ต่อเครื่องอัมสเตอดัม), Lufthansa (ต่อเครื่องแฟรงค์เฟิร์ต), Qatar Airways (ต่อเครื่องโดฮา) และ Turkish Airline (ต่อเครื่องอิสตันบูล)

ซึ่งนัทคิดว่า อันที่เวลาบินดีและราคาสมเหตุสมผลสุด จะเป็น Qatar กับ Turkish Airline ค่ะ มันไม่ต้องบินอ้อมไปทางยุโรปตะวันตกก่อนด้วย นัทเช็คจาก Traveloka เช่นเคย ทุกคนสามารถไปลองเช็คกันได้นะคะ

จองตั๋วเครื่องบินไป Zagreb โครเอเชีย กับ Traveloka > https://www.traveloka.com/th-th/flight/to/Zagreb.ZAG

Option เที่ยวดูบรอฟนิก และ Day Trip ใกล้ๆ : หากไม่สันทัดเรื่องการขับรถ หรือ ไม่อยากย้ายเมืองทุกวัน สามารถบินมาลง ดูบรอฟนิก แล้วใช้ที่นี่เป็นเบสในการเที่ยวเมืองรอบๆ ได้เลย ดูโบรฟนิกหากมีเวลา ควรเที่ยวซัก 2-4 วัน แล้ววันอื่นๆ ก็ซื้อเดย์ทริปไปประเทศบอสเนีย และ ประเทศมอนเตเนโกร หรือจะนั่งเรือไปเมืองใกล้ๆ อย่าง Cavtat ก็สวยค่ะ

ในภาพจะเป็นเมือง Mostar ในประเทศบอสเนีย และ แถวอ่าว Kotor ในประเทศมอนเตเนโกร ซึ่งไปง่ายมากๆ จาก Dubrovnik ค่ะ ถ้าใครไม่ขับรถ ก็มีทัวร์ขายเดย์ทริปเต็มไปหมดเลย

จองตั๋วเครื่องบินไป Dubrovnik โครเอเชีย กับ Traveloka > https://www.traveloka.com/th-th/flight/to/Dubrovnik.DBV


เตรียมตัวเดินทางไปโครเอเชียในช่วงโควิด

โครเอเชียนั้น ถือว่าไม่ได้อยู่ในเขตแชงเก้น แต่เป็นประเทศที่ใช้วีซ่าแชงเก้นเดินทางเข้าได้ค่ะ

นั่นหมายความว่า ถ้าคุณมีวีซ่าแชงเก้นแบบ Multiple-entry จากประเทศอะไรก็ได้ ก็จะสามารถเข้าโครเอเชียได้เลย (โดยที่ต้องเคยสแตมป์วีซ่าแชงเก้นอันนี้ ที่ประเทศในเขตแชงเก้นก่อนครั้งนึงค่ะ) ส่วนถ้าเราถือวีซ่าโครเอเชีย ก็จะไปประเทศแชงเก้นประเทศอื่นไม่ได้ค่ะ

ช่วงนี้ สถานทูตโครเอเชียที่ไทยยังไม่เปิดให้ขอวีซ่า ดังนั้น หากใครยังไม่มีวีซ่าแชงเก้น นัทแนะนำไปเหมือนตอนที่นัทไปก็ได้คือ ขอวีซ่าแชงเก้นที่สถานทูตฝรั่งเศสค่ะ นัทบินไปลงปารีสก่อน แล้วค่อยบินมา Zagreb ซึ่งนัทก็เขียนไปในแผนการเดินทางตอนยื่นวีซ่าเลยนะคะ น้องๆ ที่ไปยุโรปครั้งแรกที่ยื่นพร้อมกันก็ได้วีซ่า Multiple-entry เรียบร้อยค่ะ

ช่วงนี้ Traveloka อยากจะชวนทุกคน TravelGlobal ไปเที่ยวต่างแดนแสนสุข เหมือนที่ทุกคนคิดถึงเลย สามารถเช็คมาตรการสนามบิน ก่อนเดินทางออกนอกประเทศ ได้บนเว็ปเลยค่า > https://www.traveloka.com/th-th/flight/safe-travel


ข้อควรทราบก่อนไปโครเอเชีย

– ค่าเงิน : ใช้ค่าเงิน Kuna กะคร่าวๆ ประมาณ 5 บาท ค่ะ

– ภาษา : ภาษาราชการคือภาษาโครเอเชีย เป็นกลุ่มเดียวกับภาษาเซิร์บ แต่โดยทั่วไปพูดภาษาอังกฤษได้ตลอดทาง ไม่มีปัญหาเลยค่ะ

– เที่ยวช่วงไหนดี : ฤดูที่พีคที่สุดคือฤดูร้อน ซึ่งของทุกอย่างบวก 2-3 เท่า ราคาโรงแรมบวกเพิ่มหมดนะคะ และส่วนตัว นัทว่าร้อนเกินไปสำหรับความเคยชินของพวกเราค่ะ นัทเลยจะแนะนำเป็นช่วงฤดูใบไม้ผลิ (มีนา-มิถุนา) หรือ ฤดูใบไม้ร่วง (กันยา-ตุลา) แต่ฤดูหนาวที่นี่ถ้าเป็นริมทะเลก็ถือว่าไม่หนาวจัดจนเกินไปค่ะ แค่กลางวันอาจจะสั้นกว่า เดี๋ยวเที่ยวไม่คุ้ม

– ซิมการ์ด : ถ้าซื้อซิมที่ใช้โรมมิ่งทั่วอียูได้ ที่นี่ก็ใช้ได้ค่ะ ส่วน Sim-2-Fly ของ AIS กับ Travel Sim ของทรู ใช้ได้ สัญญาณโอเคเลยค่ะ

– บัตรเครดิตและ ATM : ใช้บัตรเครดิตได้ส่วนใหญ่เลยค่ะ รวมถึงทางด่วน ที่จอดรถ ร้านสะดวกซื้อ ปั๊มน้ำมัน ร้านอาหาร ส่วน ATM ก็หากดได้ค่ะ ส่วนใหญ่นัทพกเงินสดไปจ่ายค่าที่พัก


ที่เที่ยวดูโบรฟนิค 

เตรียมตัวพร้อมแล้ว มาเที่ยว Dubrovnik กันเลยค่ะ หากใครเช่ารถ อาจจะเลือกที่พักที่มีที่จอดรถ แล้วเดินมานะคะ เพราะเมืองเก่า Dubrovnik ที่อยู่ภายในกำแพงเมืองนั้น ไม่สามารถนำรถเข้าไปได้ค่ะ เป็นเมืองเล็กๆ ที่ต้องเดินอย่างเดียว

เมืองดูโบรฟนิก เป็นอะไรที่น่ามหัศจรรย์ และ ไม่มีที่ไหนเหมือนเลยค่ะ หากมองจากมุมโปสการ์ดแบบนี้จะเห็นได้ว่าเมือง Dubrovnik ยังมีกำแพงเมืองและป้อมปราการล้อมรอบอยู่ ซึ่งหลายๆ ที่ กำแพงเมืองเหล่านี้มักจะมีบางส่วนถูกทำลายไปแล้ว แต่ของที่นี่ คุณสามารถเดินบนกำแพงมาจบที่เดิมได้โดยไม่ขาด และยังเห็นทิวทัศน์ของบ้านเมืองหลังคาสีส้มสวย สลับซับซ้อน ตัดกับน้ำทะเลสีน้ำเงินเข้มทางด้านหลัง ทำให้ไม่แปลกใจเลยว่า ทำไมผู้คนถึงขนานนามเมืองแห่งนี้ว่าเป็น ไข่มุกแห่งแอนเดรียติก

ทางเข้าเมือง Dubrovnik มีหลักๆ 2 ทาง คือประตูเมือง Pile Gate และ Ploce Gate อยู่คนละฝั่งเมืองเลยค่ะ แล้วก็จะมีทางเข้าเล็กๆ ที่ชื่อว่า Buza Gate อีกด้วย ใกล้ๆ ทุกทางเข้าจะมีลานจอดรถอยู่แต่ค่าที่จอดแพงมากเลยค่ะ ถ้าตรง Pile Gate เลยก็ ชม.ละ 200.- แต่โลเคชั่นพรีเมียมมากจริงๆ ค่ะ

แต่ก่อนที่จะเข้าไปในเมือง หากคุณเป็นแฟนพันธ์แท้ Game of Thrones เราแนะนำให้เลี้ยวขวา ลงบันไดข้างล่างไปก่อน ปักหมุดไปตรงที่เรียกว่า Dubrovnik West Pier และ West Harbour เป็นอ่าวที่มีเรือจอด และ มีบริการคายัคในช่วงฤดูร้อนค่ะ มองเห็นวิวกำแพงดูโบรฟนิกจากด้านนอก นัทมาแวะทานอาหารตรงนี้ บรรยากาศดีเลย

อาหารโครเอเชียตามเมืองที่อยู่ริมชายฝั่งมักเป็นอาหารทะเลค่ะ ส่วนฝั่งที่เป็นป่าเค้าดังเรื่องทรัฟเฟิลพอสมควร หาทานง่าย

สำหรับแฟน Game of Thrones ตรงนี้คือ Blackwater Bay ค่ะ ซึ่งเป็นฉากที่ Little Finger เคยมีคุยกับ Sansa เรื่องจะหนี และ ยังเป็นฉากจบที่ Jon Snow บอกลาครอบครัว Stark ด้วยค่ะ

ฟินมากค่าาาา

หันไปฝั่งนี้ก็เป็นอีกฉากเช่นกันค่ะ

จากตรงนี้ เราก็เดินกลับมายัง Pile Gate ซึ่งเป็นทางเข้าหลักของเมือง Dubrovnik ตรงนี้จะอยู่ใกล้ๆ กันเลย และมักจะเป็นจุดเริ่มทัวร์ค่ะ ประตู Pile Gate นี้เคยปรากฎเป็นทางเข้า King’s Landing ในซีรีส์ด้วยค่ะ

ในสมัยก่อน สะพานแห่งนี้จะเป็นสะพานไม้ที่ใช้รอกดึงขึ้นเพื่อปิดไม่ให้ใครผ่านมาได้ในยามค่ำคืนค่ะ เข้าไปในประตูเมืองก็ยังจะมีทางเดินที่มีทั้งทางลาดและบันได ก่อนจะนำไปสู่ถนนกลางเมืองเส้นหลักของ Dubrovnik

เข้ามาปุ๊ป  เราจะเห็นถนนเส้นยาวกลางเมืองอยู่ตรงหน้าเลยค่ะ ด้านขวามือตรงทางเข้าเลย เป็นที่ตั้งของ Large Onofrio’s Fountain น้ำพุทรงกลม ที่ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1438 ซึ่งก่อนหน้าที่จะมีน้ำพุแห่งนี้ ชาวเมืองจะประสบปัญหาขาดน้ำทุกๆ ฤดูร้อน จึงถือเป็นระบบประปาที่สำคัญของเมือง น้ำพุยังมีถึง 16 หัว ค่อนข้างเป็นเอกลักษณ์ทีเดียว

ตรงหน้าเราคือถนน Stradun ค่ะ ด้วยความเป็นเมืองเล็กๆ เราจะเจอถนนหินปูน เส้นที่ทอดกลางเมืองยาวราวๆ 300 เมตร นำไปสู่ประตูอีกฝั่ง ระหว่างทางบนถนนเส้นนี้ เต็มไปด้วยร้านอาหารและร้านค้า ซึ่งถนนเส้นนี้จะเป็นทางราบ แต่หากเรามองเข้าไปยังซอยซ้ายขวา จะเป็นบันไดขึ้นเนินไปตามร้านอาหารและอาคารต่างๆ

เราจะเห็นหอระฆัง 2 แห่งของเมืองอีกด้วยค่ะ

ถ้าอยู่บนถนนเส้นกลางเป็นหลักก็จะไม่เหนื่อยเลย แต่เดินเข้าซอยเมื่อไหร่ มีหอบ

เดินตรงมาเรื่อยๆ จนเกือบสุดทาง เราจะเจอกับ Sponza Palace ค่ะ เป็นวังที่สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 16 เราจะเลี้ยวซ้ายออกนอกเส้นทางไปแว้ปนึงค่ะ

เพื่อมาที่ St. Dominic Street  ซึ่งมี Monastery อยู่ เป็นถนนที่สวย เป็นที่ตั้งของร้านอาหารมิชลินสตาร์แห่งเดียวในเมือง และ ยังเป็นอีกหนึ่งจุดถ่ายทำซีรีส์ด้วยค่ะ

เลี้ยวกลับมาเราจะเจอ The Rector’s Palace ซึ่งทุกวันนี้จัดเป็น พิพิธภัณฑ์ Cultural Historical Museum ค่ะ เป็นวังของเจ้าคณะแห่งแคว้น Ragusa ในช่วงศตวรรษที่ 14 – 17 ซึ่งมีการผสมผสานสถาปัตยกรรมแบบโกธิค เรเนซองส์ และ บาโรค อยู่ด้วยกันค่ะ

เดินมาอีกนิดนึงจะพบกับ Dubrovnik Cathedral and Treasury โบถส์สำคัญโบถส์ใหญ่แห่งเมือง Dubrovnik ที่มีความเชื่อย้อนกลับไปตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 7 โบถส์นี้เคยถูกซ่อมแซมหลายครั้ง จนกลายมาเป็นแบบที่เห็นค่ะ

Loggia Square 

อีกจัตุรัสใหญ่ใจกลางเมือง ที่วันที่เราไป มีตลาดนัดขายของเล็กๆ ด้วยค่ะ ตรงนี้มีผู้คนมาแฮงค์เอาท์กันคึกคักเลย

อ้อ เดินๆ ในเมืองนี้ จะเจอน้องแมวเต็มไปหมดเลยค่ะ หันไปทางไหนก็แมว

จากจัตุรัส หันมาเพียงนิดเดียวจะเจอกับ Jesuit Stairs ที่แปลตรงๆ ได้ว่า บันไดของคณะเยสุอิต หรือ คณะแห่งพระเยซูเจ้า เนื่องจากด้านบนเป็นที่อยู่ของ โบถส์เยสุอิต Jesuit Church of St. Ignatius of Loyola

จุดนี้กลายมาเป็นจุดที่ดังมากๆ เพราะเป็นที่ถ่ายทำหนึ่งในซีนที่ดังที่สุดของซีรีส์ Game of Thrones นั่นคือ ฉาก Cersei’s Walk of Shame ที่ Cersei โดนให้แก้ผ้าเดินประจาน โดยถ้ามาถึงแล้วจะมีนักท่องเที่ยว เดินลงแล้วตะโกนว่า เชม เชม เชม ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกเลยค่ะ คนแถวนี้ชินไปแล้ว จนร้านขายน้ำที่บันได มีเมนู Cocktail of Shame ด้วยซ้ำ

Dubrovnik City Wall

สำหรับกำแพงเมือง Dubrovnik นับว่าเป็นไฮไลท์ของที่นี่เลยค่ะ หากไม่มีเวลา ก็อยากให้แวะขึ้นมาดูวิว เดินเล่นบนนี้ซักนิดค่ะ — นัทเก็บที่นี่ไว้ที่สุดท้ายเพราะอยากได้แสงสวยๆ ค่ะ พระอาทิตย์ตกสวยมากกกก

ข้อจำกัดคือ การขึ้นที่นี่ไม่มีลิฟท์นะคะ ทางขึ้นบันไดจะค่อนข้างชัน

สำหรับค่าเข้าจะอยู่ที่ 200 คูน่า ประมาณหนึ่งพันบาท เข้าได้ 1 ครั้งเท่านั้นนะคะ ซึ่งทางขึ้นและทางเข้ากำแพงเมืองนี้จะมีหลายจุดค่ะ ต้องเก็บตั๋วไว้ให้เค้าสแกนนะคะ เราอาจจะไม่ต้องเดินรอบทั้งหมดก็ได้ค่ะ แต่นัทคิดว่า แต่ละส่วน วิวมันค่อนข้างต่างกัน

ส่วนตัวตรงที่ถ่ายรูปสวยจะเป็นฝั่งที่ไม่ติดทะเลค่ะ เพราะมันจะถ่ายกลับไปเห็นทั้งเมืองและทะเล ซึ่งมาเริ่มขึ้นจากแถวๆ St.Lucas Fortress ใกล้ๆ St. Dominic Street ที่เราไปมาก็ได้ แต่เดินจากตรงนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นขาขึ้นนิดนึงค่ะ

แต่ฝั่งที่เดินแล้วรู้สึกบรรยากาศดี คือฝั่งติดทะเลค่ะ วิวมันกว้างมากๆ แต่ถ่ายรูปมาก็มีแต่ทะเล แต่ของจริงมันฟินค่ะทุกคน ทุกๆ ป้อมจะมีร้านที่ขายเครื่องดื่ม อาหารว่างอยู่นะคะ นั่งพักได้

นัทเองเดินรอบเลยค่ะ ใช้เวลาเราถ่ายรูป รวมนั่งพักเป็นจุดๆ เกือบ 2 ชั่วโมง ในช่วงที่คนเยอะ เค้าจะกำหนดให้เดินทางเดียว แต่ช่วงที่เราไปไม่ได้บังคับค่ะ

Bokar Fortress

หากขึ้นจากตรง Pile Gate เลี้ยวซ้ายมา เราจะมาเจอมุมแรก นั่นคือ ป้อม Bokar Fortress ซึ่งตอนนัทไปเค้าไม่ได้เปิดให้เดินเข้าไป แต่จากตรงนี้ เราจะมองกลับไปเห็น West Harbour และ Fort Lovrijenac วิวตรงนี้สวยมากๆๆ เลยค่ะ

ฝั่งตรงข้ามที่เราเห็นคือ Fort Lovrijenac ซึ่งเป็นอีกป้อมปราการที่เราสามารถขึ้นไปเพื่อชมวิวดูบรอฟนิกได้เช่นกันค่ะ สำหรับแฟนๆ Game of Thrones ตรงนี้คือ Red Keep ในเรื่องค่ะ

Minceta Tower

มุมสุดท้ายก่อนที่เราจะวนมาจบทางขึ้นกำแพงเมืองจุดแรกที่เราขึ้นไป เราจะพบกับหอคอย Minceta ค่ะ เป็นฉากที่คาลิซีมาตามหามังกรค่ะ ตรงนี้เป็นจุดที่สูงที่สุดของกำแพง และเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สุดค่ะ

Mount Srd – Cable Car

เมืองดูโบรฟนิกนั้นอยู่ติดทะเลก็จริง แต่ชายฝั่งตรงนี้ เป็นผาสูงเลยค่ะ ดังนั้น พอขึ้นจากเมืองมา ก็จะมี ผาสูงที่สามารถขึ้นไปชมวิวจากข้างบนได้ วิวจากบนนี้ ก็เป็นคนละมุมค่ะ เราจะมองเห็นกำแพงเมืองที่อยู่ล้อมรอบได้อย่างสวยงามเลย ซึ่งการขึ้นมาตรงนี้สามารถขึ้น Cable Car มาได้นะคะ แต่เราขับรถขึ้นมา ชันมากๆ โค้งพับผ้า ควรเคยมีประสบการณ์ ขับขึ้นเขามาก่อนค่ะ ไม่งั้นไม่แนะนำเลยค่ะ

ทั้งหมดที่นัทไปมานี้ ถ้าเที่ยวแบบเร็วๆ ก็ใช้เวลาไม่ถึงวันได้ค่ะ แต่หากเข้าโบถส์เข้ามิวเซียม นอนเล่นที่ชายหาดหรือนั่งเรือไปเกาะ Lokrum เก็บพระอาทิตย์ตกทั้งจากบนกำแพงเมืองและบนยอดเขา Srd หาร้านอาหารวิวสวยๆ นั่งจิบไวน์ ทานชิลล์ๆ ก็ต้องมีเวลา 2-3 วันขึ้นไปค่ะ

สำหรับใครที่แพลนมาลง ดูโบรฟนิก ใช้ที่นี่เป็นฐานเพื่อเที่ยวต่อ คุณสามารถซื้อ Day Trip หรือ เช่ารถขับได้ ก็จะมีออปชั่น เช่นไปเมืองใกล้ๆ อย่าง Cavtat เมืองน่ารักริมทะเล หรือ สามารถไปเที่ยว เมือง Perast และ เมือง Kotor ประเทศมอนเตเนโกรได้ค่ะ จริงๆ ขับรถไปครึ่งชม. ก็ข้ามชายแดนแล้ว ใช้วีซ่าแชงเก้นเหมือนกัน ใช้เงินยูโร และ หลักฐานโควิดใช้เหมือนกันค่ะ

อีกประเทศที่ไปได้ ชายแดนห่างแค่ 20 นาที คือ บอสเนียและเฮอเซโกวิน่า ค่ะ (นับเป็น 1 ประเทศนะคะ เค้าชื่อประเทศ Bosnia & Herzegovina) คนนิยมไปน้ำตก แล้ว ก็เมือง Mostar ค่ะ

อีกเมืองในโครเอเชียที่สวยมากคือ Split กับ Trogir ค่ะ ขับไปจาก Dubrovnik 3 ชั่วโมง ไกลกว่าไปประเทศเพื่อนบ้านนิดนึง 🙂


หากใครสนใจรอติดตาม รีวิวเที่ยวดินแดนบอลข่าน โครเอเชีย – บอสเนียและเฮอเซโกวีน่า – มอนเตเนโกร ได้เลยนะคะ

จองตั๋วเครื่องบินไป Dubrovnik โครเอเชีย กับ Traveloka > https://www.traveloka.com/th-th/flight/to/Dubrovnik.DBV

หากชอบรีวิว อย่าลืมกดไลค์เพจ และ ติดตามไอจี @eatchillwander ด้วยนะคะ ขอบคุณมากๆ ค่า

ติดตาม Eat Chill Wander ได้ที่
Facebook : Eat Chill Wander
Instagram : @eatchillwander
Twitter : @eatchillwander
Youtube : Eat Chill Wander
Website : www.eatchillwander.com

error: