เที่ยวมัลดีฟส์ด้วยตัวเอง ตอนที่ 2 – เที่ยววิลล่ากลางน้ำ ว่ายน้ำกับฉลาม ดูโลมา ทรายขาว น้ำใสกว่าสระ

มาเที่ยวมัลดีฟส์กันต่อค่ะ หลังจากที่ความเดิมตอนที่แล้ว เราเดินทางกันถึงเกาะ Maafushi ที่เราจะใช้เป็นเบสในการเดินทางครั้งนี้ และเริ่มสำรวจและคุ้นเคยกับเกาะแล้ว ก็ถึงเวลาออกไปผจญภัยแล้วค่ะ โดยอีก 3 วันที่เหลือเต็มวัน เราดูเป็นทัวร์ฉลามวาฬ, ทัวร์รีสอร์ท, และ ทัวร์กระเบนกับฉลาม ไว้ค่ะ ซึ่งแต่ละทัวร์ก็จะเริ่มและกลับมาที่เกาะเวลาไม่เหมือนกันซะทีเดียว แล้วจริงๆ ก็มีทัวร์และกิจกรรมอื่นๆ อีกด้วยค่ะ

ใครยังไม่ได้อ่านตอนที่แล้ว สามารถอ่านได้ที่ >> เที่ยวมัลดีฟส์ด้วยตัวเอง ตอนที่ 1 – Maldives แบบประหยัด งบสองหมื่นกว่าๆ อยู่เกาะท้องถิ่น ชมสัตว์ทะเลแสนอลังการ

หากใครอยากไปดำน้ำหรือไปเที่ยวจุดอื่น ก็สามารถถามที่เกาะได้เช่นกันนะคะ ไม่จำเป็นต้องไปทัวร์เดียวกันเป๊ะๆ ก็ได้ค่า


Day 2 : ว่ายน้ำกับฉลามวาฬ

สำหรับทัวร์วันนี้ของเรา จะเป็นทัวร์ Whale Shark – Manta Ray – Local Island ค่ะ ซึ่งทัวร์นี้จะไม่ได้ออกทุกวันนะคะ ทางทัวร์จะออกเฉพาะวันที่มีแนวโน้มที่จะเจอฉลามวาฬเท่านั้นค่ะ เค้าบอกว่า ถ้าช่วงนั้นโอกาสเจอต่ำ ก็จะไม่ออกทัวร์ ซึ่งตรงนี้จะขึ้นอยู่กับคลื่นลมเป็นหลักค่ะ แต่ฉลามวาฬนั้นเจอได้ทั้งปี

ทริปนี้นัทมากับบริษัทที่ชื่อ iCom Tour ซึ่งเป็นเจ้าเดียวกับที่ใช้บริการ Speed Boat Transfer จากมาเล่มาที่มาฟูชิค่ะ ราคาทัวร์จะรวมอุปกรณ์ ผ้าเช็ดตัว อาหารเที่ยง น้ำดื่ม และ ทางไกด์จะมีการถ่ายรูปใต้น้ำให้กับลูกทัวร์ทุกคนอยู่แล้วค่ะ เค้าถือโกโปรกันคนละอันเลย

เรามาก่อนเวลานัดประมาณ 15 นาที มาลองอุปกรณ์กันก่อนค่ะ

ทัวร์ฉลามวาฬจะเป็นทัวร์ที่เหนื่อยที่สุดของทริปค่ะ เพราะอยู่ไกล นั่งเรือค่อนข้างนาน และ อาจจะต้องกระโดดขึ้นลงเรือหลายครั้งค่ะ จุดที่เราจะไปว่ายน้ำกับฉลามวาฬจะอยู่แถวๆ เกาะ Dhigurah ทาง South Ari Atoll ค่ะ นั่งเรือข้ามช่องแคบกลางประเทศไปเลยประมาณ 1.5 ชั่วโมง

พอมาถึงใกล้ๆ ไกด์จะบอกให้ทุกคนบนเรือ สวมอุปกรณ์และฟินให้พร้อมเลย ถ้าเค้าบอกให้กระโดดก็กระโดดเลยนะคะ

ครั้งแรกนัทกระโดดลงไป มองหาไม่เจอ สรุปว่าไม่ทันค่ะ เค้าก็ให้ทุกคนขึ้นเรือ แล้ววนไปอีกตำแหน่งนึง ตอนที่เค้าส่งสัญญาณหากันว่าเจอแล้ว เรือเร่งแบบ เหมือนแข่งเรือเลยค่ะ ไปเร็วมาก แล้วกระโดดเลย

รอบที่สองกระโดดลงไป ตู้มมมม น้องว่ายตัดหน้าเลย และตัวนี้คือตัวที่ใหญ่ที่สุดที่นัทเคยเจอค่ะ ใหญ่มากๆ มาตัวเดียวเลย ไกด์บอกว่าเราโชคดีค่ะที่ น้องว่ายขึ้นๆ ลงๆ อยู่หลายนาที เพราะบางตัวคือขึ้นรอบเดียวแล้วอยู่ข้างล่าง บางตัวก็เจอแค่แว้ปเดียว

หนึ่งในสิ่งที่ต้องอวยไกด์คือ ไกด์ว่ายน้ำเร็วมากกกกและถ่ายรูปใต้น้ำเป๊ะมาก ปกตินัทจะไม่ค่อยว่ายน้ำตามปลา แต่อันนี้เราจำได้เลยว่า เค้าจับมือเราว่าย แล้วตัวเรามันพุ่งไปเร็วมากอ่ะค่ะ ด้านล่างเป็นน้องจุดที่กำลังว่ายชิลล์ๆ พอน้องทำท่ากำลังจะลอยขึ้นมาปุ๊ป ไกด์ชะลอแล้วบอกว่า ดำลงไปตอนนี้เลย เลยได้มาเป็นภาพนี้ค่ะ

แต่ตอนที่เค้าลากแล้วเรามองน้องว่ายไปพร้อมกันคือตอนที่ฟินที่สุดเลยค่ะ

ส่วนน้องที่ว่ายน้ำไม่แข็ง ไกด์ก็จับมือพาไปถ่าย จัดท่าให้เสร็จสรรพ

ครั้งนี้เป็นครั้งที่สามที่เจอน้องจุด นึกว่าจะไม่ตื่นเต้น แต่ยังตื่นเต้นเหมือนเดิมเลย ตัวนี้ ตัวใหญ่ที่สุดที่เคยเจอเลย ดีใจที่ได้เจอกันอีกครั้งนะ อยากเจอเรื่อยๆ เลยค่ะ

เสร็จจากจุดนี้ เค้าก็จะไปตามหาแมนต้าเรย์กันต่อค่ะ แต่เราไม่เจอ ไกด์วนหาทั้งก่อนและหลังอาหารเที่ยงเลย

วันนี้เรามาปิคนิคทานอาหารเที่ยงกันบนเกาะ Dhigurah ค่ะ เป็นเกาะท้องถิ่นอีกเกาะนึง ซึ่งเป็นเกาะแนวยาวค่ะ ตรงนี้เค้าให้ทานอาหารและพักผ่อนตามอัธยาศัยอยู่ประมาณชั่วโมงนิดๆ ค่ะ

Lunch Box จะหน้าตาประมาณนี้ค่ะ วันนี้เป็นพาสต้า กับ ปลาทอด ตัวปลาชิ้นใหญ่และดีเลยค่ะ เค้าจะเสิร์ฟกับน้ำผลไม้ น้ำเปล่า แล้วก็แอปเปิ้ลหรือส้มค่ะ

จากนั้นก็จะปล่อยเราตามอัธยาศรัย พวกเราก็ว่ายน้ำเล่นค่ะ หาดยาวมากๆ ส่วนตัวมากเลยค่ะ น้ำใสมากจริงๆ

ในทุกๆ ทัวร์สนอร์กเกิลที่ไป ช่วงขาไปและขากลับ เค้าก็จะมองหาโลมาอยู่แล้วค่ะ พาวนหาด้วย ซึ่งวันไหนที่ออกเรือ เราก็เจอตลอดนะคะ รวมทั้งทริปน่าจะเห็นเป็นร้อยตัว

อย่างวันนี้ ฝูงที่นัทเจอก็ใหญ่ค่ะ น่าจะเกิน 30-50 ตัว แล้วน้องว่ายเล่นกับเรือเราอยู่ซักพักเลย เรียกว่าบนเรือมีแขก 10 คน ก็สลับกันไปถ่ายรูป ได้ถ่ายครบทุกคนค่ะ

อันนี้แนะนำให้ไปดูไฮไลท์สตอรี่ในไอจี @eatchillwander นะคะ เวลามันเคลื่อนไหวคือ wow กว่านี้เยอะเลยค่ะ น้องจะกระโดดด้วย

กลับมาที่เกาะถึงประมาณบ่ายสาม เราก็ไปอาบน้ำก่อน ออกมาอีกที ช่วงเย็นๆ ก็จะเป็นเวลาที่เดินเล่นกำลังดีเลย เพราะถ้าช่วงกลางวันคือร้อนมากๆ ค่ะ ต้องเวลาประมาณนี้

ร้านนี้ก็เดินผ่านโดยบังเอิญค่ะ มีของกินท้องถิ่นให้ลองหลายอย่างเลย อย่างของหวานเค้าจะมี ทอฟฟี่มะพร้าวที่เรียก Bondi คล้ายๆ ขนมจากแบบบ้านเรา กึ่งๆ ทอฟฟี่ อร่อยดีค่ะ


Day 3 Resort Day Visit

มาถึงมัลดีฟส์ทั้งที ก็คงอยากจะไปเที่ยวชมรีสอร์ทที่มีวิลลากลางน้ำสักครั้งใช่มั้ยคะ ที่บริษัททัวร์บนเกาะเค้าจะมีขายทัวร์รีสอร์ทเป็น Day Visit โปรแกรมคือ เราจะไปที่รีสอร์ทได้ตั้งแต่ 9.00-17.00 น. โดยประมาณ โดยราคารวมค่าเรือไปกลับ อาหารเที่ยงบุฟเฟ่ต์ พร้อมเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ไม่อั้นในช่วงมื้อเที่ยง เราสามารถใช้สระว่ายน้ำและ facilities ต่างๆ ได้ค่ะ สิ่งที่ไม่รวมคือ กีฬาทางน้ำ พวกคายัค แพดเดิ้ลบอร์ด หน้ากากสนอร์กเกิ้ล จักรยาน ต้องเช่านะคะ

ส่วนเรื่องราคาต้องไปถามร้านทัวร์ต่างๆ ที่เกาะ Maafushi อีกทีนะคะ เพราะแต่ละวัน รีสอร์ทอาจจะว่างไม่ตรงกัน เปิดปิดให้ไปเที่ยวได้ไม่ตรงกันค่ะ

ครั้งนี้ นัทมาที่ Sun Siyam Olhuveli ในราคา 140$ ค่ะ โดยรวมถือว่าดีและคุ้มค่า โดยเฉพาะคนที่ยังไม่เคยมาพักแบบนี้ค่ะ การได้มาสัมผัสมัลดีฟส์ทั้งสองแบบ (แบบรีสอร์ทกับแบบเกาะท้องถิ่น) จะเข้าใจเลยว่า มันต่างกันเลย มีความดีงามทั้งสองแบบ อย่างรีสอร์ทก็คือ เครื่องดื่มไม่อั้น แต่งตัวยังไงก็ได้ ส่วนตัว เงียบสงบสุดๆ ถ่ายรูปสวยมากกกกก สปอยตัวเองสุดๆ

แต่บนเกาะรีสอร์ท ก็จะไม่มีชุมชนนะคะ แล้วก็ออกไปไหนไม่ได้ ถ้าไปก็ต้องไปกับทัวร์ของรีสอร์ท ซึ่งราคาของที่นี่ถือว่าสูงมากเลยค่ะ อาหารก็เลือกได้แค่ในรีสอร์ทเลย แต่ของที่นี่ใช้ได้เลยนะคะ (แต่บนเกาะท้องถิ่น มันมีร้านให้เลือกเยอะ เดินเลือกร้านที่ชอบได้) ก็จะได้สัมผัสมัลดีฟส์ในแบบที่แตกต่างกันไปค่า

มารีสอร์ทแบบนี้ ก็เป็นบรรยากาศดีค่ะ อย่างที่นี่มีสระว่ายน้ำ 3 แห่ง วิวสวยทุกอันเลย บรรยากาศชิลล์สุดๆ มีชิงช้า ต้นมะพร้าว เดย์เบด ให้นอนเล่น

สามารถเห็นฉลามครีบดำว่ายผ่านหน้าบ้าน มีปลายูนิคอร์นน่ารัก ปลาวัวสีแปลกๆ ที่ไม่เคยเห็นที่ไทย แค่ไปเดินเล่นก็เห็นแล้วค่ะ

มุมถ่ายรูปในรีสอร์ทเยอะมากจริงๆ ถ่ายรูปสนุกเลย น้ำทะเลก็คือใสแบบสุดๆ จริงๆ ค่ะ

กลับมาที่เกาะมาฟูชิ คืนนี้ไปชิชาบาร์ที่นัทชอบมากกกกก ชื่อว่า Moonlight ค่ะ อาหารอร่อยและแมวเยอะ บรรยากาศชิลล์สุด ร้านนี้กลับมาซ้ำสองรอบเลยค่ะ สเต๊กทูน่า กับ ทูน่าทาโก้ อร่อยค่ะ

เค้ามีการแสดงทุกวัน วันแรกที่มาเป็น ดนตรีสด เพลงสากลทั่วไปที่เราร้องตามได้ ส่วนอีกวันเป็นการแสดงกลองท้องถิ่น มันส์มากๆๆๆ ลุกเต้นทั้งร้าน สนุกมากค่ะ


Day 4 – Swim with Nurse Shark and String Ray at Vaavu Atoll

สำหรับทัวร์วันนี้ เราจะมุ่งหน้าไปยัง Vaavu Atoll ค่ะ จุดแรกที่เราจะแวะจะเป็น Shark Point ค่ะ

ตรงนี้จะเป็นแหล่งที่อยู่ของฉลามพยาบาล หรือ Nurse Shark ซึ่งอยู่ทั้งปีค่ะ ในรูปเหมือนจะตัวไม่ใหญ่มาก แต่ตัวจริงตอนมองลงไปในน้ำก็ใจสั่นอยู่นิดนึงนะคะ

น้องเป็นฉลามที่ทานปลาเล็กเป็นอาหารค่ะ เค้าไม่กัด และเราไม่ใช่อาหารของเค้า (ฉลามทุกชนิดแหล่ะ) ถามไกด์ว่ามีคนเคยโดนกัดมั้ย ทางไกด์เล่าว่า เค้ายังไม่เคยเจอกับตัว แต่ที่ได้ยินมาคือ บางถือน้องจะกินปลา แต่เราเอามือหรือเท้าไปอยู่ตรงนั้นจมูกเค้าพอดี ก็เลยกัดพลาด ซึ่งเป็นแผลเล็กค่ะ

น้องเท่มากๆ เลยค่ะ

เสร็จจากจุด Shark Point ก็จะไปแวะทานข้าวค่ะ เค้าเซ็ทเป็นปิคนิคกลางเนินทราย หรือที่เรียกว่า Sandbank ให้เลย พวก Sandbank เหล่านี้ ก็เป็นอีกหนึ่งในจุดที่โด่งดังของมัลดีฟส์นะคะ มีหลายที่เลย ไม่ต้องแย่งกัน ของนัทก็มีเรือเราลำเดียว

วันนี้เป็นข้าวผัดทูน่า กับ น้ำผลไม้ และ แอปเปิ้ลเช่นเคยค่ะ น้ำตรงนี้ใสมากๆๆๆ ใสกว่าสระว่ายน้ำจริงๆ

จากนั้นก็จะพามาเที่ยวเกาะท้องถิ่นอีกเกาะที่ชื่อว่า Fulidhoo ค่ะ ฝูงปลากระเบน (String Ray) จะอยู่ตรงนี้ตลอดเลยค่ะ ทางไกด์เค้าจะคอยดูแลให้ต่อคิวกันถ่ายภาพค่ะ (คือจริงๆ เรามานอนเกาะนี้กันต่ออีกหลายวันค่ะ ให้ทัวร์มาส่งเลย มีไปดำน้ำลึก กับ ว่ายน้ำเล่นที่จุดอื่นๆ กับเกาะท้องถิ่นอื่นๆ ต่อ แต่มันอาจจะยาวไป และ ไม่ได้สะดวกเท่ากับโปรแกรม 5 วัน 4 คืน ที่ตั้งใจเขียนให้ทุกคนค่ะ) หากมากับทัวร์ก็จะจบโปรแกรมที่เกาะนี้ แล้วกลับไปมาฟูชิค่า

อันนี้ เราเช่าแพดเดิ้ลบอร์ดมาถ่ายค่ะ น้องอยู่ตรงนี้ตลอดเลย เจอทุกวัน — ต้องระวังหางนิดนึงนะคะ ดูน้องว่ายกับล้อกับฝูงปลาคือเพลินมากๆ ค่ะทุกคน

เกาะ Fulidhoo นั้น เป็นเกาะเล็กๆ ขนาดประมาณ 700 x 200 เมตร เดินครึ่งชั่วโมงก็ทั่วแล้วค่ะ แต่สงบดีมากๆ เลยค่ะ

ตรงท่าที่เรือมาจอด ก็สามารถมาชมปลาได้นะคะ ถ้าช่วงใกล้ค่ำ ปลาฉลามจะเริ่มมานอนค่ะ

ตอนกลางคืนค่ะ ฝูงฉลามคือนอนตรงนี้เลย บรรยากาศคือแบบ เรายอมนอนเกสท์เฮ้าส์แล้วเจออะไรแบบนี้ค่ะ ข้างบนเป็นดาวเต็มฟ้า ข้างล่างเป็นน้ำทะเลใสๆ ธรรมชาติมันน่าอัศจรรย์จริงๆ เลยค่ะ

นอกจากนี้ หากใครไม่ชอบทัวร์ทั้ง 3 วันที่เราวางแผนให้ในทริปนี้ ยังมีทัวร์อื่นๆ อีกมากมายเลยค่ะ ทั้ง Fish tank จุดสนอร์กเกิ้ลที่ปลาเยอะมหาศาล, Coral Garden แนวปะการังสวยๆ รวมไปถึง Shipwreck หรือซากเรือจมที่สวยไม่แพ้กันเลย


Day 5 – Male Airport

วันสุดท้ายเป็นวันเดินทางกลับค่ะ สามารถนั่งเรือรอบเช้าจากมาฟูชิมาสนามบินได้เลย จริงๆ แพลนของนัทคือตั้งใจจะไปเช็คอินก่อนแล้วนั่งแท๊กซี่กลับมาเที่ยวเมืองมาเล่ซักชั่วโมงนึง แต่!!! ที่สนามบินมัลดีฟส์ ถ้าเช็คอินแล้ว จะไม่อนุญาตให้ออกจากสนามบินโดยเด็ดขาดเลยค่ะ แม้แต่จะออกมาซื้อกาแฟที่ร้านด้านหน้าก็ไม่ได้นะคะ เข้าไปแล้ว คือไปเลยค่ะ ผ่านตม. ไปนั่งเล่นในดิวตี้ฟรีเลยค่ะ กลับออกมาไม่ได้ค่า

ในดิวตี้ฟรี มี The Coffee Club กับ เบอร์เกอร์คิง อยู่ค่ะ เลาจ์ไม่รับ Priority Pass ค่ะ

จบทริปมัลดีฟส์อย่างสมบูรณ์ ในช่วงที่เราเดินทางยังต้อง Test & Go กันอยู่ กลับมาถึงทุ่มนึง รถตู้มารับไปแยงจมูก เข้าที่พัก พอ 8 โมงเช้าผลออก ก็สามารถออกจากโรงแรมได้เลยค่า


สำหรับใครที่หาตั๋วเครื่องบินราคาถูกอยู่ก็ไปเทียบราคาได้ที่ Skyscanner.com นะคะ คลิ๊กที่นี่ได้เลย!!!

หาที่พักราคาถูกบนเกาะ Maafushi : คลิ๊กที่นี่ได้เลย! 

หากชอบรีวิว อย่าลืมกดไลค์เพจ และ ติดตามไอจี @eatchillwander ด้วยนะคะ ขอบคุณมากๆ ค่า

ติดตาม Eat Chill Wander ได้ที่
Facebook : Eat Chill Wander
Instagram : @eatchillwander
Twitter : @eatchillwander
Youtube : Eat Chill Wander
Website : www.eatchillwander.com

error: