[เปิดกรุ รีวิว] “ลิปบาล์ม + ลิปมัน” แก้ปากแห้ง-ปากเป็นร่อง ทาลิปเนียน!
ด้วยความที่นัทต้องเดินทางบ่อยๆ ทำให้มีไอเท็มนึงที่ติดกระเป๋าตลอดเวลา เรียกว่าขาดไม่ได้เลย นั่นก็คือ ลิปมัน เพราะเวลาขึ้นเครื่องบิน อากาศมันจะแห้งมากกกก ยิ่งรูทที่ต้องนั่งนาน ตื่นขึ้นมานี่ปากแห้งคอแห้ง จนอยากจะประโคมลิปมันโบกไว้ วันนี้ เลยจะขอมารีวิวลิปมัน และ ลิปบาล์ม ที่รู้สึกว่า อากาศหนาว อากาศแห้งขนาดไหน ก็ยังเอาอยู่ ทาไปทามา ปากชุ่มชื้น ทาลิปได้เนียนเลย
1. DHC Color Lip Cream
เปิดให้เป็นอันดับแรกเลย ตอนซื้อแท่งนี้ครั้งแรก หยิบมาแบบแรนดอมๆ ที่ญี่ปุ่น แต่กลายเป็นว่า ไปญี่ปุ่นทีไรต้องซื้อตลอด ใช้หมดไปเป็นแท่งๆ ซื้อใช้ซ้ำมาแล้วประมาณ 3 แท่งค่ะ
คิดว่าที่ใช้บ่อยเป็นเพราะ มันมีสีอ่อนๆ ในตัว ทำให้รองพื้นปากก่อนทาลิปแล้วสีลิปมันชัดขึ้น (นัทเป็นคนพื้นปากเข้มค่ะ) หรือจะทาแค่นี้เลยก็จบในตัวได้เหมือนกัน รู้สึกว่าให้ความชุ่มชื้นดี ทาก่อนนอน ตื่นเช้ามาปากนุ่ม ตอนทาไม่รู้สึกหนักเกินไป โบกๆ ไว้ได้ แต่ก็ยังมีความปากมันอยู่นะคะ เป็นความมันแบบพอดีๆ ไม่เยิ้ม
ข้อเสียคือ แอบมีกลิ่นหืนนิดนึงค่ะ แต่จากประสิทธิภาพก็มองข้ามตรงนี้ไปได้ค่ะ
ราคา : ในร้าน DHC บน Lazada เริ่มต้นที่ประมาณ 185 บาท
หาซื้อได้ที่ >> Lazada , Konvy.com(คลิ๊กเพื่อไปที่หน้าสินค้าได้เลย)
2. Institut Karite
แบรนด์นี้เป็นแบรนด์จากปารีสค่ะ หาซื้อยากนิดนึง ตอนแรกเราได้มาจาก ชุดกระเป๋า Amenity ที่การบินไทยแจกสำหรับบิสสิเนสคลาส แล้วติดใจค่ะ คิดว่าเป็นลิปที่มีเทกเจอร์แอบหนา แต่ไม่เหนอะหนะนะคะ ยิ่งถ้าต้องไปที่อากาศแห้ง โบกก่อนนอน หรือ ขึ้นเครื่องบิน ตัวนี้คือดีสุดแล้ว เพราะเนื้อ Shea Butter คือแน่นจริงๆ ยิ่งเวลาอยู่บนเครื่องบิน ตื่นมา คอแห้ง หน้าแห้งมาก แต่ปากไม่แห้งเลย
ที่สำคัญ เค้าใช้น้ำมันจากผิวเลม่อนเป็นตัวให้กลิ่น กลิ่นหอมอ่อนๆ แบบธรรมชาติ ตรงนี้เราชอบมากค่ะ แต่ถ้าเอามาทารองพื้นก่อนทาลิปเนื้อแมต ลิปเนื้อแมตจะดูเป็นเนื้อครีมไปเลยค่ะ จะซับออกก็ได้ค่ะ เพราะตัวนี้ซับออกแล้ว เหลือแต่ปากนุ่มๆ เลย ไม่ทิ้งความมันไว้เลยค่ะ
ราคา : ที่ช้อปในปารีส ขายอยู่แท่งละ 9 ยูโร (ประมาณ สามร้อยกว่าบาทค่ะ)
3. Carmex
ยืนหนึ่งในราคาดีและชื่อเสียงในการบำรุงให้ปากไม่แตก ไม่แห้ง ไม่ลอก ข้อเสียคือ ถ้าใครไม่ชอบลิปมันที่ทาแล้วรู้สึกเย็น ก็จะไม่ชอบตัวนี้เลย มันจะมีสัมผัสกับกลิ่นเย็นๆ นิดนึง แต่เนื้อลื่น และ ให้ความชุ่มชื้นได้เข้มข้นดีค่ะ แอบมันๆ นิดนึง ถือว่าตอบโจทย์ในการพกไปทุกที่ ทาซ้ำได้เรื่อยๆ ทั้งวัน
เราลองมาทั้งแบบตลับ แท่ง แล้วก็แบบนี้ ชอบเนื้อแบบในรูปที่สุดค่ะ
ราคา : ใน Beautrium บน Lazada เริ่มต้นที่ประมาณ 99 บาท
หาซื้อได้ที่ >> Lazada , Eve and Boy(คลิ๊กเพื่อไปที่หน้าสินค้าได้เลย)
4. Purple Tree Miracle Balm
ตัวนี้ เป็น บาล์มอเนกประสงค์ ใช้ได้สารพัดประโยชน์มาก ถ้าให้เราเลือกที่จะหยิบอะไรไปแค่ชิ้นเดียว เราคงหยิบชิ้นนี้ค่ะ เพราะทาได้หมด ทาศอก ทามือ ทาส้นเท้า เอาไว้แตะเซ็ตเครื่องสำอาง เซ็ตคิ้ว จริงๆ ตัวนี้ รีวิวฝรั่งจะบอกว่า คล้ายๆ กับบาล์มชื่อดังของ Lucas Papaw ค่ะ แต่อันนั้นเป็นแบรนด์จากออสเตรเลีย ส่วน Purple Tree มาจากฝั่งอังกฤษ เป็น Vegan Friendly ไม่ทดลองกับสัตว์ อยู่ที่อังกฤษก็หาซื้อง่ายค่ะ ราคาไม่แรงมาก
ยิ่งเวลาเดินทางยิ่งได้ใช้เลย ปากแห้งมากกกกแค่ไหนก็เอาอยู่ นอกจากปากแล้ว ลามไปศอกเป็นประจำค่ะ ศอกนิ่มอ่ะบอกเลย ของเราเป็นกลิ่นบลูเบอร์รี่ ซึ่งมาจาก Blueberry Seed Oil ค่ะ มีกลิ่นหอมอ่อนๆ เนื้อออกไปแนวข้นและมีความหนืดค่ะ บางคนอาจจะรู้สึกเหนอะหนะ แต่เชื่อว่า ถ้าอยู่ในจุดที่ปากแห้งหนักมาก เหมือนสวรรค์มาโปรดเลยจ้าาาา
ราคา : ที่อังกฤษขายอยู่ 3.99 ปอนด์ค่ะ ตกประมาณ 170 บาท
หาซื้อได้ที่ >> Shopee (คลิ๊กเพื่อไปที่หน้าสินค้าได้เลย)
5. Himalaya
อันนี้ซื้อที่อินเดีย ราคาถูกมากเลยค่ะ แต่เราว่าเหลวไปนิดนึง คือมันรู้สึกเป็นคราบมันๆ แล้วก็หลุดค่อนข้างง่าย แต่จากความมัน มันก็มีความชุ่มชื้นดีค่ะ กลิ่นธรรมชาติ มีกลิ่นน้ำมันๆ นิดนึง สรุปว่าคิดว่าทำได้ดี ถ้าเทียบกับราคา แต่ส่วนตัวก็ยังชอบตัวอื่นมากกว่าค่ะ
ราคา : ใน Shopee เริ่มต้นที่ประมาณ 48 บาท
หาซื้อได้ที่ >> Shopee , LAB Pharmacy บน Lazada.com (คลิ๊กเพื่อไปที่หน้าสินค้าได้เลย)
6. C.O. Bigelow
อันนี้ ซื้อเพราะแพกเกจจิ้งเลยค่ะ ชอบอะไรแบบนี้ ดูคลาสสิกดี ซื้อตอนไปอเมริกาค่ะ C.O. Bigelow เป็นร้านขายยาแนว Apothecary (ร้านสมัยก่อน แบบตำรับโบราณ ผสมตัวยาเอง อะไรแบบนั้นอ่ะค่ะ) ที่เก่าแก่ที่สุดที่ยังเปิดทำการอยู่ในสหรัฐอเมริกาค่ะ
สำหรับ Rose Salve ของ Bigelow ถ้าให้แปลตรงตัวคือ ยาขี้ผึ้ง เอนกประสงค์ ค่ะ กลิ่นหอมมากกกก ถึงขั้นที่บางทีเอาก็เอามาเปิดดมเฉยๆ เลยค่ะ ชอบกลิ่นมากๆ ตัวนี้ใช้ได้ทั้ง ปาก ข้อศอก เข่า เล็บ ทุกที่ที่ต้องการความชุ่มชื้นเลยค่ะ แต่ด้วยความที่มีส่วนผสมของ ปิโตเลียมเจลลี่ เหมือนวาสลีน เวลาทาปาก จะรู้สึกถึงกลิ่นปิโตเลียมเจลลี่ค่ะ (เวลาดมเฉยๆ ไม่มีกลิ่นเลย) แล้วก็ค่อนข้างเบา แต่ทิ้งความมันไว้ระดับนึงเลย
สรุปว่า ซื้อมาทาปากแต่ไม่ชอบทาปากค่ะ แต่ที่เอามาแนะนำ เพราะว่า ทาเล็บ ทาศอก ดีมากกกก หายแห้ง หอม เบา ไม่เหนอะหนะ คิดว่าซื้ออีกแน่นอน แต่ไม่ได้เอามาทาปากนะคะ 5555
ราคา : ที่อเมริกา ขายอยู่ 5.50$ ตกประมาณ ร้อยห้าสิบกว่าบาทค่ะ
7. ChapIce
รีวิวลิปบาล์ม คงจะไม่คอมพลีทถ้าไม่มีแบรนด์จากสหรัฐอเมริกาแบรนด์นี้ เนื้อของลิปบาล์มมีความเข้มข้นแต่ไม่เหนอะหนะ และไม่เยิ้ม ใกล้เคียงกับของ Institut Karite ที่เราชอบมากๆ ในราคาถูกกว่าประมาณ 5 เท่า กลิ่นหอมเย็นๆ มีเนื้อของลิปบาล์มที่ให้ความชุ่มชื้นดีมาก แต่เราว่า เจออากาศแห้งมากกกกกกกจริงๆ ยังสู้ Institut Karite กับ Purple Tree Miracle Balm ไม่ได้ แต่ Chap Ice รุ่นที่มีกันแดด เราว่าช่วยเรื่องลดความหมองคล้ำได้ค่ะ
ราคา : ใน Lazada, Shopee เริ่มต้นที่ประมาณ 2 แท่ง 150 บาท
หาซื้อได้ที่ >> Lazada
8. Vaseline
คิดว่าเป็นไอเท็มสามัญประจำบ้าน ที่มีประโยชน์อีกมากมายเช่นเดียวกันค่ะ ส่วนตัวเรารู้สึกว่า นางไม่ค่อยซึมลงไปเท่าไหร่ เหมือนแค่เคลือบไว้ ไม่ให้แห้ง แต่พอเช็ดออก จะไม่รู้สึกได้ถึงความปากนุ่มแบบแตกต่างเหมือนแบรนด์อื่นๆ ด้านบน ในฐานะที่เป็นคนปากแห้งขั้นสุด ส่วนตัวเราชอบบาล์มมากกว่าปิโตเลียมเจลลี่ค่ะ แล้วก็ไม่ชอบกลิ่นของวาสลีนปกติเท่าไหร่ ข้อดีของตัวนี้คือ หาซื้อง่าย พกพาสะดวก ราคาไม่แรง แล้วก็มีประโยชน์อื่นๆ เช่น เวลาทำแผล ค่ะ
ราคา : ใน ร้าน Vaseline บน Lazada เริ่มต้นที่ประมาณ 145 บาท
หาซื้อได้ที่ >> Lazada
ส่วนลิปมันตัวอื่นๆ อันที่ทุกคนบอกว่าดี แต่นัทใช้แล้วไม่รอดก็มีนะคะ อย่าง EOS กับ Caudalie เป็นสองแบรนด์ที่ส่วนตัวใช้แล้วเหมือนจะแพ้ค่ะ คือมีแผลตุ่มๆ ขึ้นมาตรงใกล้ๆ ปากค่ะ ไม่แน่ใจว่าแพ้อะไรในนั้นเหมือนกัน แต่อย่าง Caudalie จำได้ว่าใช้แล้ว เหมือนผลัดเซลล์ผิวที่ปากได้เลย ซึ่งเราชอบมากๆ แต่เราแพ้เลยทำอะไรไม่ได้ เสียใจ
หวังว่าทุกคนจะเจอลิปมันที่ถูกใจ ปากนุ่มชุ่มชื่นกันทุกคนนะคะ! <3
หากชอบรีวิว ช่วยกดไลค์เพจเป็นกำลังใจให้หน่อยนะคะ หรือไปตามไอจี @eatchillwander ด้วยนะคะ ขอบคุณมากๆ ค่า
ติดตาม Eat Chill Wander ได้ที่
Facebook : Eat Chill Wander
Instagram : @eatchillwander
Twitter : @eatchillwander
Youtube : Eat Chill Wander
Website : www.eatchillwander.com