[รีวิว] Maison Claris คาเฟ่สวยแห่งใหม่ใจกลางสยามเซ็นเตอร์ กับขนมหวานแบบ Fine Dining ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากการเที่ยวรอบโลก
ร้านคาเฟ่ถ่ายรูปสวย ร้านใหม่ใจกลางกรุงเทพมหานครมาอีกแล้วค่ะ! ร้าน Maison Claris (เมซอง คลาริส) ต้องถูกใจสาวๆ สายคุณหนู จิบชาสวยกันแน่ๆ แต่จริงๆ คอนเซปท์ของร้านนี้ ไม่ได้สวยอย่างเดียวนะ มีเรื่องราวและแรงบันดาลใจอีกมากมายเลย
โดยปกติแล้ว เวลาเราอยากทานขนมหวานที่ถูกเตรียมอย่างพิถีพิถันแบบในร้าน Fine Dining เราก็จะต้องไปร้านมิชลิน หรือ โรงแรมหรู สั่งอาหารเป็นคอร์สอีก เสียตังค์อีกครึ่งหมื่น กว่าจานขนมหวานจะมาก็จานสุดท้าย แถมยังต้องจองล่วงหน้า ใส่รองเท้าแตะก็เข้าไม่ได้ พิธีรีตรองเต็มไปหมด
แต่ร้าน Maison Claris เลือกที่จะนำจานขนมหวาน ที่จัดเต็มเรื่องเทคนิค ความสวยงาม ประดิษฐ์ประดอย อย่างกับแข่งรายการมาสเตอร์เชฟ ทั้งเจล ทั้งโฟม เต็มไปหมด มาเสิร์ฟในร้านสบายๆ เดินทางสะดวก ให้เราแวะไปทานได้เสมอแบบไม่ยุ่งยาก
ร้านตั้งอยู่ชั้น 1 สยามเซ็นเตอร์ หาง่ายมาก เดินมาจากลานน้ำพุพารากอน ให้ขึ้นบันไดเลื่อนเข้าห้างทางขวามือ ขึ้นมาเจอเลย อยู่เยื้องๆ แบรนด์โซดา
เชื่อว่านอกจากคอนเซปท์ของ Fine Dessert แล้ว หนึ่งสิ่งที่สาวๆ น่าจะชอบกันมากๆ คือการตกแต่งร้านด้วยดอกไม้ และ โซฟาสีสวย มีความ Wes Anderson นิดๆ ซึ่งจริงๆ แล้วได้รับแรงบันดาลใจมาจาก ชานชาลาของสถานีรถไฟ และ ล๊อบบี้โรงแรม เพราะคอนเซปท์ของร้านนี้ คือ “ขนมหวานที่เล่าเรื่องความทรงจำจากการเดินทางในที่ต่างๆ”
เซ็ทขนมหวานของที่นี่ จะเปลี่ยนทุกๆ ฤดู ในหนึ่งฤดูกาล จะมีประมาณ 3-4 เซ็ท เรามาดูกันว่ามีอะไรบ้าง
CLARIS SET
เซ็ทแรกนี้ มีชื่อว่า Claris Set (ราคา 440 บาท++) ที่ตั้งชื่อตามชื่อร้าน ซึ่งจริงๆ แล้วได้รับแรงบันดาลใจมาจากทุ่งดอกไม้และโรงงานน้ำหอมในฝรั่งเศสตอนใต้ ทำให้ทุกส่วนประกอบในเซ็ทนี้ มีการเล่นเลเยอร์ของกลิ่นที่หอมโดดเด่น
เริ่มจากตะกร้า Pre-Dessert ก่อนจานหลัก ซึ่งเป็นการใช้วิธีคิดที่เรียกว่า deconstruction หรือการแยกรสชาติออกมาจากจานหลัก เริ่มต้นด้วยตัว Rose Sphere เป็นของเหลวหุ้มด้วยเลเยอร์ฟิล์มที่จะระเบิดออกในปาก
ปกติแล้วเทคนิคสเฟียร์เราจะเจอบ่อยๆ ในการทำของคาว ร้านมิชลินสองดาวเกือบทุกร้านในไทยอย่าง Gaggan, Suhring, Le Normandie ใช้เทคนิคนี้ในจานคาวตลอดเลย จะมีร้าน Cuisine de Garden ที่ทำเป็นน้ำส้มคำสุดท้าย จึงถือว่าเป็นโอกาสดีที่ได้เห็นคาเฟ่ขนมหวาน นำลูกเล่นนี้มาใช้
โดยความฟินคือการที่ ของเหลวด้านในจะแตกออกมาให้เราได้สัมผัสกับรสชาติเต็มๆ และเป็นการเปิด Palate ของลิ้นเราไปสู่คำที่สอง ซึ่งคือ Raspberry Mousse Sablé ความดีงามของชิ้นนี้คือ ตัวมูสจะมีความเปรี้ยวขึ้นมาตัดกับคำเมื่อซักครู่ ความเนียนของมูสเข้ากันได้ดีกับความกรอบของคุ้กกี้ซาเบ้แบบฝรั่งเศส ซึ่งทางร้านจะไม่ประกอบหรือบีบครีมทิ้งไว้ แต่จะทำตอนที่เราสั่ง ทำให้ซาเบ้ไม่นิ่มนั่นเอง
สุดท้ายสำหรับ Pre-dessert เป็น Lychee Whipped Ganache Choux ซึ่งใช้ไส้เป็นกานาชไวท์ช๊อคโกแลตแท้จากเบลเยี่ยม ไส้อัดแน่นสุดๆ ควรกินในคำเดียวเช่นกัน
ปิดท้ายเซ็ทนี้ด้วย จานหลัก ตัวจานหลักจะประกอบไปด้วย เค้กสปองจ์ เจลลิ้นจี่ ครัมเบิล ไอศครีมนม และ โฟมกุหลาบ โรยด้วยไวท์ช๊อคโกแลต และ ซอสราสป์เบอร์รี่ จัดเต็มสุดๆ จานนี้องค์ประกอบจัดเต็มแบบในร้าน Fine Dining มากๆ ค่ะ
ROYAL THAI SET
(ราคา 390 บาท++) เซ็ทนี้เหมือนจะธรรมดาแต่ก็ไม่ธรรมดาค่ะ เป็นการยกระดับข้าวเหนียวมะม่วง ให้ออกมาสวยงามมากๆ เริ่มจากชั้นบนเป็น พุดดิ้งมะม่วง ซึ่งทางร้านจะใช้เป็นมะม่วงสด ทั้งลูก ตอนทานเข้าไปจะรู้สึกได้ถึงเนื้อมะม่วงแสนเนียน แบบละลายและละมุนมากๆค่ะ มากับซอสพุดดิ้ง แล้วเวลาเสิร์ฟ เค้าจะมาวาดลายสีฟ้า เพราะจานนี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก เครื่องถ้วยสีฟ้าขาวของไทยนั่นเอง
ส่วนชั้นล่าง อาจจะดูธรรมดานิดนึง แต่สวยงามและปราณีตมากเลยนะคะ ข้าวเหนียวมะม่วงรูปดอกไม้ เสิร์ฟพร้อมกับฝอยทอง ไอศครีมนม และ ข้าวพองที่ให้ทานแทนตัวถั่วทองค่ะ เข้ากันดี
CARIBBEAN SET
(ราคา 340 บาท++) เซ็ทนี้พาเราไปยังคาริบเบียนค่ะ อยากให้นึกภาพ ผู้หญิงผิวสีแต่งตัวสีสดๆ เปิดไหล่ๆ แล้วแบกผลไม้ไว้บนหัวอ่ะ อารมณ์ บาฮามาส จาไมก้า เปอร์โตริโก้ อะไรงี้ ซึ่งเซ็ทนี้ แรงบันดาลใจหลักคือ ค๊อกเทลที่เกิดขึ้นในย่านพักร้อนแถบคาริบเบียน อย่าง Pina Colada ซึ่งส่วนผสมหลักคือ สัปปะรดและมะพร้าว
จึงเปิดคำแรกด้วย Pineapple Sphere หรือ สเฟียร์สัปปะรด ซึ่งเค้าเสิร์ฟมาบนเปลือกหอย ให้ทานเหมือนทานหอยนางรม เทเข้าปากได้เลย ต้องทานในคำเดียวเท่านั้นนะคะ ไม่งั้นจะไม่เข้าใจรสสัมผัสที่ตัวสัปปะรดด้านในมันระเบิดออกในปากเลย
ถัดมาที่เห็นเป็นน้ำตาลๆ จริงๆไม่เกี่ยว เป็นแค่ของตกแต่งที่ทำให้เรานึกถึงทะเล เฉกเช่นอยู่บนชายหาดเท่านั้น ของจริงจะอยู่ข้างล่าง ซึ่งเค้าออกแบบให้ดูดขึ้นมาเลยค่ะ เป็นพานนาคอตต้ามะพร้าว ซึ่งจะบาลานซ์กับรสชาติของสัปปะรดเมื่อซักครู่นี้
แล้วจบด้วย เค้กพีน่าโคลาด้า ซึ่งเป็นเค้กสัปปะรด ราดซอสโยเกิร์ต และ โรยเกร็ดมะพร้าวค่ะ
นอกจาก ขนมที่มาเป็นเซ็ทแล้ว ที่นี่ยังมี เซ็ทสโคน และ เค้กแบบต่างๆ อีกนิดหน่อยนะคะ แต่อยากให้มาลองเซ็ทมากกว่า เพราะของแบบนี้ หาทานค่อนข้างยาก
มาต่อกันที่เครื่องดื่มกันบ้างค่ะ เชื่อว่าหลายๆ คนน่าจะชอบดื่มชา น่าจะชอบที่นี่ ยิ่งถ้าเทียบกับร้านชาแบรนด์ต่างชาติฝั่งพารากอนแล้ว ร้านนี้เสิร์ฟชาราคาน่ารักมากๆ เลยค่ะ แต่ที่นี่ชาร้อนจะมีแค่ 8 ตัวนะคะ ไม่ได้มีให้เลือกเป็นร้อยชนิดแบบ TWG แต่ที่พิเศษก็คือชาดอกไม้ ซึ่งไม่เห็นร้านอื่นมีนะ
โดยวันนี้ เราเลือกเป็น Monet’s Pond (ราคา 200 บาท++) ซึ่งเป็นชาดอกบัวม่วงค่ะ เป็นชาที่ไม่ได้เป็นรสแบบชาดำหรือชาเขียว แต่ให้กลิ่นละมุนๆ และมีอาฟเตอร์เทสท์อยู่ในคอที่ค่อนข้างหวานเลยค่ะ (เคยอ่านในเน็ตเค้าบอกว่าดีต่อเลือดและหัวใจ แต่ไม่รู้จริงเท็จแค่ไหนนะคะ)
ต่อไปเป็นม็อกเทล ที่ถ้าเทียบกับราคาตามบาร์ ก็ถือว่าราคาน่ารักอีกเช่นกันค่ะ มี Rose in Sicily ซึ่งเป็นโรสเลม่อนเนด ผสมน้ำองุ่นขาว ให้นึกถึงซัมเมอร์ในอิตาลีตอนใต้ที่มีต้นเลม่อนกับต้นองุ่นเยอะๆ แล้วก็ Jasmin Coco อันสีฟ้าซึ่งมันคือ น้ำมะพร้าวที่นำมะลิออร์แกนิคลงไป infuse ให้น้ำมะพร้าวมีกลิ่นของมะลิค่ะ สดชื่นมากๆ
แล้วก็จะมีพวกโรสลาเต้ มัชชะ โฮจิชะ ซึ่งมัชชะกับโฮจิชะ ทางเจ้าของร้านบินไปดูไร่ที่ เมืองอุจิ ใกล้ๆ เกียวโต ซึ่งเป็นแหล่งชาเขียวที่ดีที่สุดในโลก แล้วเลือกมาเองเลยค่ะ ส่วนกาแฟที่นี่ก็จะใช้เป็นเมล็ดกาแฟออแกนิคจากเชียงราย แล้วก็มีพวกอิตาเลี่ยนโซดา กับ สมูตตี้ด้วย อันนี้จะสั่งเป็น Take Away ได้ด้วยค่ะ
บรรยากาศก็จะมุ้งมิ้งๆ หน่อย มีมุมถ่ายรูปหลายมุมเลยค่ะ
หากใครอยากมาพักผ่อน ในมุมสงบๆ นั่งมองคนพลุกพล่านใจกลางเมือง พร้อมขนมสุดพิถีพิถัน จิบชาสวยๆ ก็อย่าลืมแวะมาได้ที่ร้าน Maison Claris นะคะ
ร้าน Maison Claris (เมซอง คลาริส)
เปิดทุกวัน 10.00-22.00 น. ตามเวลาของศูนย์การค้าสยามเซ็นเตอร์
Last Order 21.30 น.
ตั้งอยู่ชั้น 1 สยามเซ็นเตอร์ (ถ้ามาจากลานน้ำพุพารากอนให้ขึ้นบันได้เลื่อน จะอยู่เยื้องๆ ร้านโซดา) BTS สยาม
โทร. 02-6581128
เว็ปไซต์ http://www.maisonclaris.com
เฟสบุ๊ค http://www.facebook.com/maisonclaris