[รีวิว] Tenko โอมากาเสะคอร์สพรีเมี่ยม ที่โรงแรม Pullman King Power รางน้ำ

หลังจากที่เราได้ลงรีวิวร้าน Tenko  ร้านซูชิโอมากาเสะน้องใหม่ใจกลางเมืองที่ โรงแรม Pullman King Power รางน้ำ กันไปแล้วครั้งหนึ่ง โดยในครั้งนั้น เรารับประทานเป็น โอมากาเสะชุดเล็กที่ชื่อว่า Nigiri Course 14 คำค่ะ สำหรับวันนี้เรามีรีวิวโอมาคาเสะชุด Premium Omakase Course 21 คำมาฝากกันค่ะ

(อ่านรีวิว Tenko Nigiri Course คลิ๊กที่นี่)

อย่างที่เราเคยนำเสนอไปก่อนหน้า ร้าน Tenko นั้น เป็นร้านซูชิที่สไตล์ Traditional ที่เน้นความหรูหรา และ ใส่ใจในวัตถุดิบ อาจจะไม่ได้มีเมนูหวือหวาออกนอกกรอบ แต่จุดเด่นของที่นี่คือ การที่มีปลาหลากหลายชนิด ที่หลากหลายทั้ง 21 คำ มาให้เราได้ลิ้มลองกันค่ะ

สำหรับ Tenko Premium Omakase Course ราคาอยู่ที่ 6000 บาท เน็ตแล้วนะคะไม่มีบวกเพิ่ม ถือว่าราคาไม่แรงมากถ้าเทียบกับร้านโอมากาเสะระดับเดียวกันในกรุงเทพฯ ค่ะ

เราเริ่มมื้ออาหารด้วย Appetizer เรียกน้ำย่อยสี่อย่าง โดย highlight ที่น่าจดจำคงจะเป็น โฮตารุอิกะที่มีความกลมกล่อม และ สาหร่ายโมโซกุดองน้ำส้มโปะอุหนิที่เรียกน้ำย่อยได้ดีเลยค่ะ

นั่งดูเชฟขูดวาซาบิสดไปพลางๆค่ะ เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยสำหรับคนที่ลองทานวาซาบิสดแล้วรู้สึกจืดและไม่หอมนะคะ อยากจะให้รอสักนิดหลังจากที่ขูดเสร็จค่ะ รสชาติจะเข้มข้นขึ้นเอง บางร้านที่ขูดวาซาบิแล้วปั้นซูชิทันที อาจจะทำให้รสชาติไม่ออกได้ค่ะ

ตามมาด้วย Sashimi Platter ค่ะ ปลาทุกชนิดนั้นสดหวานมาก ทำให้เรารู้สึกว่าซูชิที่กำลังจะมาจะต้องดีมากๆ แน่เลยค่ะ

เช่นเคย วันนี้เราสั่งสาเกมาทานคู่กับซูชิค่ะ โดยเราเริ่มต้นด้วย Dassai 23 Junmai Daiginjo ที่มีรสชาติฟรุ๊ตตี้ หวานหอม ลื่นลิ้น ดื่มง่ายมากๆค่ะ

ซูชิคำแรกของเรามาแล้วค่ะ เป็น Sayori จากเมืองชิบะ นี่เป็นปลาชนิดโปรดของเราในฤดูใบไม้ผลิเลยค่ะ รสสัมผัส เด้งกรอบ ลื่น แต่ไม่เหนียว มีความมันนิดๆ เนื้อมีความหอมอ่อนๆ อร่อยมากค่ะ

ตามมาด้วย Yari Ika จากคานากาวะ ปลาหมึกบั้งได้ดีมาก ไม่เหนียวเลย ความครีมมี่ 9/10

คำที่สามเป็นลูกปลาตัวเล็กชื่อไม่ค่อยคุ้นหูเท่าไหร่ คือ Katsuko Dai ค่ะ ตัวนี้อร่อยเลย เนื้อเด้งลื่น

ตามด้วย Hokkigai หรือหอยปีกนก แบบสดค่ะ หวานเด้งมากๆ ถ้าใครเคยทานแบบแช่แข็งที่สีออกแดงๆแล้วไม่ชอบ อยากให้ลองทานแบบสด แล้วค่อยตัดสินใจนะคะ ว่าชอบหอยปีกนกหรือไม่

หอยมากันติดๆ กับ Mirugai หรือหอยงวงช้าง จากนากาซากิค่ะ ตัวนี้จะเนื้อแน่นและเด้งกว่า Hokkigai ค่ะ ส่วนตัวเราชอบตัวนี้มากกว่านะ

คั่นคอร์สซูชิด้วย Fugu Shirako (ถุงเสปิร์มปลาปักเป้า) กับ Ankimo (ตับปลาอังโกะ) ในซอส Yuzu ค่ะ ความครีมมี่และความมันของทั้งสองวัตถุดิบนั้นเข้ากันได้ดีอย่างเหลือเชื่อ และซอสยูสึ ก็ช่วยเสริมความหอม ตัดเลี่ยนได้เป็นอย่างดี

ต่อด้วยซูชิปลา Tsuri Aji หรือปลาทูหางแข็ง ที่จับด้วยการตกค่ะ การจับปลาแบบ line caught จะทำให้ได้ปลาที่เนื้อคุณภาพดีกว่าการลากอวน ซึ่งปรากฎชัดมากใน Aji คำนี้ เพราะเนื้อดีกว่า Aji ทั่วไปอยู่มากค่ะ

เพิ่มความเข้มข้นกันด้วย Yaito Katsuo หรือปลาโอแดงค่ะ เชฟนำปลามาย่างด้วยหญ้าฟาง เพิ่มกลิ่นหอม คำนี้เข้มข้นมากๆค่ะ

ยกระดับความอูมามิกันไปอีกด้วย Kamasu จากคาโกชิม่าค่ะ เราอาจจะเคยได้ยินชื่อปลาตัวนี้ในภาษาอังกฤษว่า Barracuda นะคะ รสชาติเนื้อเข้มข้น นุ่มดีมากเลยค่ะ

ตัดเลี่ยนกันด้วย Kohada จากเมือง Saga ค่ะ การดองน้ำส้มของเชฟโกจิ นั้นทำได้ดีเยี่ยม

เร่งเครื่องความอร่อยอีกครั้งกับ Nodoguro จากเมือง Akamatsu ค่ะ โนโดกุโระเป็นหนึ่งในปลาตัวโปรดเราเลยค่ะ หวานเด้ง มัน เนื้อดีมากๆ ไร้ที่ติค่ะ

เสริมความเข้มข้นกันค่อด้วย Awabi หรือหอยเป๋าฮื้อ กับซอสตับเป๋าฮื้อค่ะ ทำออกมาได้นุ่มมากๆ ไม่เหนียวหรือแข็งเลย ซอสตับก็เข้มข้น แต่ไม่ขมเลยค่ะ

คั้นซูชิกันด้วยปลา Buri ย่างซอสมิโสะค่ะ ปลา Buri นั้นมีความมันตัดกับความหวานของซอสมิโสะได้ดี แต่ที่ดีมากๆคือ ความเข้มข้นของตับเป๋าฮื้อที่ยังค้างอยู่ในปาก ได้ช่วยเสริมรสชาติของจานนี้ให้สมบูรณ์ขึ้นไปอีกค่ะ

ต่อกันด้วย Murasaki Uni Temaki จาก ฮอกไกโดค่ะ ตัวอูนินั้นเกรดดีมากๆ แต่เสียดายว่าสาหร่ายชั้นเลิศที่หอมมากๆนั้น ได้กลบกลิ่นหอยเม่นไปจนหมดสิ้น น่าเสียดายค่ะ

งานนาบก็มากค่ะ เชฟได้นำถ่านมานาบกับซูชิชิ้นต่อไป เห็นก็อยากทานแล้วค่ะ

Aburi Ootoro – เนื้อส่วนท้องปลาทูน่า จากเมืองคานากาว่า ละลายในปากตามสูตรค่ะ แถมหอมเป็นพิเศษด้วยการนาบถ่านไม้ด้วย ฟินค่าาา

จบคอร์สซูชิกันด้วย Anago นะคะ เชฟโกจิต้มได้นุ่มมากๆ ซอสไม่หวานหรือเหนียวจนเกินไป เป็นการปิดคอร์สอย่างผู้ดีเลยค่ะ

ล้างปากด้วยซุปใส รสชาติอ่อนๆ คล่องคอ

ขนมหวานเป็นโมจิถั่วแดงกับ Yuzu Granita ค่ะ อันนี้เฉยๆนะค่ะ ไม่ได้ถึงขั้น Wow แต่ไม่เลวเลยสำหรับการปิดคอร์ส ถือเป็นการปิดคอร์สได้อย่างสมบูรณ์เลย

จากที่มาทานคราวก่อน เรารู้สึกได้เลยว่า เชฟโกจิ เริ่มลงตัวมากขึ้น ทั้งคอร์สทำได้ดีมาก ทั้งชนิดของปลา เทคนิคการจัดการกับวัตถุดิบแต่ละชนิด เป็นอีกหนึ่งโอมากาเสะที่นับว่ามีมาตรฐานที่ดีเลยค่ะ

บรรยากาศร้านดีมากๆ ค่ะ แม้กว่าจะอยู่กลางเมือง แต่ให้ความสงบเหมือนร้านซูชิที่หลบมุมอยู่ในญี่ปุ่นเลย

อย่างที่เคยบอก ข้อดีของร้านที่สำคัญคือ ร้านนี้ เป็นร้านซูชิ Omakase ที่อยู่ใจกลางโรงแรม บริการชั้นยอด และเดินทางมาสะดวก มีที่จอดรถ แอบแวะช้อปคิงพาวเวอร์ได้ด้วย นักท่องเที่ยวที่มาพักก็สามารถที่จะได้ทานซูชิชั้นดีได้ทันทีโดยไม่ต้องออกไปเสาะหาเลยละค่ะ

ที่นี่เปิดรอบเดียว คือเวลา 18.00 น. (เลทได้ไม่เกิน 30 นาที) รอบละ 10 ท่านนะคะ ต้องจองไปก่อนและต้องจองออนไลน์เท่านั้นนะคะ กดจองที่นี่ได้เลยค่ะ https://bit.ly/2Skroc7

ส่วนตัว เราคิดว่าคอร์ส 6000 บาท ค่อนข้างคุ้มค่ามากกว่าคอร์ส Nigiri 4500 บาทค่ะ แต่ยังไงก็ชอบที่เป็นราคาเน็ต ไม่มีบวกเพิ่มแล้วค่ะ

ร้าน Tenko

ตั้งอยู่ในพฤกษศาสตร์ ชั้นล๊อบบี้โรงแรมพูลแมน คิง เพาเวอร์ กรุงเทพ ซอย รางน้ำ

เปิดทุกวันอังคาร – วันอาทิตย์ (ปิดให้บริการวันจันทร์) เริ่มตั้งแต่เวลา 18.00 น. เป็นต้นไป
จำกัดเพียง 10 ที่นั่ง เปิดสำหรับการจองออนไลน์เท่านั้น

สามารถจองได้ที่ https://bit.ly/2Skroc7

error: