[รีวิว] เมนูฤดูร้อนล่าสุดจาก Sra Bua by Kiin Kiin กับการกลับมาของเชฟ Henrik ณ โรงแรม สยามเคมปินสกี้ กรุงเทพฯ
หลังจากที่ประเทศต่างๆ เริ่มเปิดพรมแดนให้เดินทางได้อีกครั้ง เชฟ Henrik Yde Andersen เจ้าของร้าน Kiin Kiin ที่กรุงโคเปนเฮเกน ก็รีบเดินทางมายังกรุงเทพมหานคร เพื่อร่วมกับเชฟเบิ้ม-ชยวีร์ สุจริตจันทร์ ในการรังสรรค์เมนู Summer Journey เมนูล่าสุดจากห้องอาหาร สระบัว บาย กิน กิน (Sra Bua by Kiin Kiin) ณ โรงแรมสยามเคมปินสกี้ กรุงเทพฯ (Siam Kempinski Hotel Bangkok)
การมาที่ สระบัว บาย กิน กิน (Sra Bua by Kiin Kiin) นั้นเป็นมากกว่าการมาทานอาหาร แต่เป็นการมาท่องเที่ยว เพลิดเพลินไปกับความแปลกใหม่ของหน้าตาและรสสัมผัสของอาหาร แต่ทว่ายังคงไว้ซึ่งรสชาติอาหารไทยแบบที่เราคุ้นเคยเอาไว้
ต้องบอกเลยค่ะว่า สิ่งหนึ่งที่เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัดสำหรับซีซั่นนี้ คือความจัดจ้านและเข้มข้นของอาหารที่เพิ่มมากขึ้น ใครทีเคยทานแล้วเจอคอร์สที่รสค่อนข้างนุ่มนวล อยากให้กลับมาลองเมนูซีซั่นนี้นะคะ
และเช่นเคย ก่อนที่จะเริ่มมื้ออาหาร 8 คอร์สนั้น พนักงานได้พาเราไปนั่งเล่นที่เลานจ์ และนำของทานเล่นหลากชนิดมานำเสนอ ในธีม กรุบกรอบ (Snack and Street Food) ให้เราได้รับประทานก่อนพาเราไปยังโต๊ะอาหารในลำดับถัดไป
Amuse Bouche ต่างๆนั้น หน้าตาน่ารัก และมีรสชาติอร่อยเข้มข้น ที่เราชอบมาก เห็นจะเป็นไส้อั่ว, ไอศกรีมโคนอันน้อยแต่อัดแน่นไปด้วยรสมัสมั่นสุดเข้มข้น, และเมี่ยงคำ ที่มาทำให้เราทานกันสดๆต่อหน้า เชฟ Henrik นั้นเล่าเรื่องอาหารไทยได้อย่างลึกซึ้งและสนุกมากๆ
ของทานเล่นจะมีอยู่ประมาณ 9 อย่างค่ะ
จากนั้นเราจึงย้ายมาที่โต๊ะอาหาร เชฟ Henrik ได้นำอาหารจาน Signature ของร้านมาเสิร์ฟ นั่นก็คือซุปต้มยำกุ้ง ที่มาใน Syphon นั่นเอง ซึ่งแต่ละซีซั่นจะปรับเปลี่ยนเครื่องเคียงไปเรื่อยๆ สำหรับหน้าร้อนปีนี้ ต้มยำกุ้งสามสหาย เสิร์ฟมาพร้อมกับ ขนมเบื้องไส้กะเพรากุ้ง ข้าวเกรียบกุ้งซอสล๊อบสเตอร์มายองเนส และขนมจีบกุ้งทอด ทั้งสามคำทำออกมาได้ดี ทานคู่กับซุปร้อนๆ ที่รสชาติเข้มข้นผิดหูผิดตาขึ้นมาได้อย่างดีเยี่ยม อ้อ ความสนุกของคอร์สนี้ คือการฉีดเส้นเองด้วยนะคะ
จานที่สองของเราในวันนี้คือ “ลาบเป็ด” เชฟ Henrik บอกว่าตนนั้นชอบทานลาบเป็ดมาก แต่ไม่รู้จะใส่ลงไปในเมนูยังไงให้คนรู้สึกว่าลาบนั้นเป็นอาหารที่ไฟน์ได้ จนได้ไอเดียในการนำฟัวกราส์มาใช้ผสมผสานลงไปทั้งในรูปแบบย่างหั่นเต๋าเป็นชิ้นเล็กๆ และในรูปแบบครีมมูส ที่ช่วยเสริมสร้างความมัน นัว อูมามิให้กับลาบที่มักจะรสชาติเปรี้ยวหรือเค็มโดดๆ ได้เป็นอย่างดี และนำแตงกวามาใช้ในรูปแบบของไอศกรีม เสริมความเย็นสดชื่น จานนี้ถือเป็นจานที่เราชอบมากของซีซั่นนี้ค่ะ
ตามมาด้วยอีกหนึ่งในเมนูซิกเนเจอร์ของที่นี่ ที่เสิร์ฟทุกซีซั่น แต่ไม่เคยเหมือนกันเลยซักครั้ง!! นั่นก็คือ “แกงเหลืองปู” สูตรพิเศษของเชฟเบิ้ม ที่นำมาพัฒนาและปรับเปลี่ยนรูปแบบของการนำเสนออยู่เสมอ ๆ โดยคราวนี้มาในรูปแบบของ ทองม้วนยัดไส้ปู โดยความหวานกรอบของทองม้วนนั้นเข้ากับรสชาติของแกงปูที่เผ็ดจัดจ้านได้เป็นอย่างดี มีไข่ปลาริวกิวสร้างเทกเจอร์หนึบๆ น่าสนใจ
ผสมผสานรสชาติอาหารตะวันตกลงไปสักหน่อยกับ หอยเชลล์และซอส Buerre Blanc ที่ผสานกลิ่นตะไคร้ลงไป ทานคู่กับหน่อไม้ฝรั่งขาวจากเยอรมัน ซึ่งตรงนี้ ถือว่าเป็นไอเดียที่ดีมากๆ ที่นำเอาของตามฤดูกาลมาผสมผสานในคอร์สนี้
และเราก็ได้เกร็ดความรู้จากเชฟ Henrik ด้วยว่า ว่าจริงๆ แล้ว White Asparagus ที่มีราคาสูงกว่าปกติ มันก็คือหน่อไม้ฝรั่งธรรมดาๆ นี่แหละ แต่ตอนมันแตกหน่อ ต้องเอาดินไปกลบเรื่อยๆไม่ได้โดนแสงแดด ก็จะได้หน่อไม้สีขาวแบบที่เราชอบทานกันนี่แหละ!
ตามมาด้วยอาหารที่สุดแสนคลาสสิกอย่าง ข้าวมันไก่ ที่เชฟ Henrik นำมา deconstruct จนแทบไม่เหลือเค้าโครงเดิม โดยนำเสนอส่วนของเนื้อไก่และน้ำจิ้มมาในรูปแบบของ ไก่บดปั้นเป็นก้อนสอดไส้ด้วยร้ำจิ้ม ตัวไก่บดนั้นนุ่มฟู แทบจะเป็นเต้าหู้ ไม่มีความสากของเนื้อไก่เลย ผสมผสานกับซอสแล้วกลมกล่อมมากๆ ส่วนน้ำซุปนั้นถูกเปลี่ยนมาในรูปแบบของ sphere จานนี้ ต้องให้เรื่องของไอเดียเลยค่ะ ชอบมากๆ
ปิดท้ายของคาวด้วย เนื้อวากิวซอสกระชาย เนื้อนั้นระดับความสุกถูกต้องมากๆ แต่ทว่าจุดเด่นของจานนี้คือซอสกระชายอันเผ็ดร้อน ที่มีส่วนประกอบหลักคือน้ำมันหอย homemade ซึ่งที่มาที่ไปนั้นไม่ธรรมดา โดยตอนงานเฉลิมฉลองเปิดโรงแรม Siam Kempinski นั้น ทางโรงแรมได้สั่งหอยนางรมจำนวนมากมาเลี้ยงรับรองแขก แต่ปรากฎว่าเหลือเกินครึ่ง จึงต้องหาวิธีที่จะใช้หอยเหล่านี้ จึงเกิดไอเดียทำซอสหอยนางรมขึ้นมาเอง และได้ทำใช้ในร้าน Sra Bua by Kiin Kiin เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน
ขนมหวานคอร์สแรกของเรา คือลิ้นจี่โดม เป็นไอศกรีมลิ้นจี่ ด้านในมีเนื้อลิ้นจี่ รูบาร์บ และเจลลี่กุหลาบ หอม เย็น สดชื่น
ขนมจานถัดมาคือ ไอศกรีมมะพร้าวและเค้ก โดยไอศกรีมนั้นเป็นไอศกรีมโฮมเมด ทำจากมะพร้าวและชาเอิร์ลเกรย์ เสิร์ฟมาบนโฟมเกล็ดหิมะรสมะพร้าว ทานคู่กับ Baba au Rhum รสส้ม เข้ากันได้ดีทีเดียว
ปิดท้ายด้วย Petit Fours น่ารักๆดั่งเช่นทุกที ทานไปลุ้นไปว่าจะเจอช๊อกโกแลตหรือเจอพริกของจริงกันแน่
สำหรับคอร์สที่เราทานนั้น เป็น 8 คอร์ส ราคา 3,400THB++ ต่อท่าน
ส่วนใครที่กลัวทานไม่หมด ทางร้านก็มีทั้งเมนู A La Carte, คอร์สมื้อเที่ยง 4 คอร์ส ราคา 1,850THB++ ต่อท่าน และ เมนู 6 คอร์ส ราคา 2,800THB++ ด้วยค่ะ ทางร้านยังมี Wine Pairing กับ Juice Pairing ที่เข้ากันดีอีกด้วยนะคะ ไวน์แพร์ริ่งควรลองมากๆ ค่ะ เข้ากับอาหารดีเลยค่ะ
ห้องอาหาร Sra Bua by Kiin Kiin โรงแรม สยามเคมปินสกี้
ตั้งอยู่บนถนน พระราม 1 ด้านหลังศูนย์การค้าสยามพารากอน สามารถนำรถมาจอดที่โรงแรมได้เลยนะคะ หากใครเดินทางมาจากสยามพารากิน ให้ออกทางออก North Lobby ค่ะ
เปิดให้บริการทุกวัน ยกเว้นวันจันทร์-อังคาร
เวลา 12.00 – 15.00 น. และ 18.00 – 24.00 น.
โทร : 02 162 9000
เว็ปไซต์ : http://www.srabuabykiinkiin.com/en